24 มี.ค. 2021 เวลา 08:30 • ท่องเที่ยว
☝️หมุดมีสาระ🚩 พระราชวังโบราณแห่งอาณาจักรแมนจู
🐉รู้หรือไม่ ? พระราชวังต้องห้าม (กู้กง) ไม่ได้มีแค่ในกรุงปักกิ่ง
พระราชวังโบราณเมืองเสิ่นหยาง หรือ กู้กงเสิ่นหยาง (故宫沈阳:Shenyang Imperial Palace) เป็นพระราชวังที่องค์กรยูเนสโกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกร่วมกับพระราชวังต้องห้ามกรุงปักกิ่ง 故宫 : Forbidden City) นอกจากสถาปัตยกรรมอันงดงามตามแบบอย่างของชนเผ่าแมนจูแล้ว การรับเอาภูมิปัญญา องค์ความรู้จากชาวจีนฮั่นและชาวมองโกลมาผสมอย่างลงตัวเกิดเป็นสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ ความเป็นมาของพระราชวังแห่งนี้ยังมีความน่าสนใจมากอีกด้วย ราชวงศ์ชิงแห่งทุ่งหญ้าตะวันออกเฉียงเหนือผู้ครอบครองพระราชวังต้องห้ามเมืองเสิ่นหยาง ก้าวสู่บัลลังก์มังกร กรุงปักกิ่ง แห่งจักรวรรดิจีนต้าหมิงของชาวฮั่น
พระที่นั่งต้าเจิ้ง (大政)
ย้อนกลับไปสู่จีนในยุคราชวงศ์ต้าหยวน (大元)หรือราชวงศ์มองโกล ซึ่งปกครองโดยชนเผ่าเหมิ่งจู๋ (蒙族)หรือมองโกล ผู้ล้มล้างราชวงศ์ซ่ง (宋朝)ได้สำเร็จ รวบรวมแผ่นดินจีนเป็นปึกแผ่นยิ่งใหญ่และตั้งเมืองต้าตู (ปักกิ่งปัจจุบัน) เป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิ ในขณะที่ชาวฮั่น (汉族)ที่ถอยร่นลงไปทางใต้ ก็ยังคงมีความหวังต้องการทวงคืนแผ่นดิน จึงได้รวบรวมกำลังให้กลับแข็งแกร่ง และตั้งอาณาจักรต้าหมิง (大明)ของชาวฮั่นขึ้นมาอีกครั้ง โดยตั้งเมืองหลวงที่เมืองหนานจิง (南京)หรือนานกิง และกลับมาขับไล่เผ่ามองโกลออกไปนอกกำแพงเมืองจีนดังเดิม หลังจากนั้นในรัชสมัยของจักรพรรดิหย่งเล่อ พระองค์ได้มีความคิดให้ย้ายเมืองหลวงจากหนานจิง (นานกิง แปลว่า เมืองหลวงทางใต้) ไปตั้งที่เมืองเป่ยจิง หรือปักกิ่ง (ปักกิ่ง แปลว่า เมืองหลวงทางเหนือ) และมีความคิดริเริ่มที่จะรือพระราชวังเดิมของชาวมองโกล และสร้างพระราชวังอันยิ่งใหญ่ขึ้นใหม่ ในบริเวณเดิม จึงเป็นที่มาของ พระราชวังต้องห้ามหรือกู้กง ที่เมืองเป่ยจิง (ปักกิ่ง)
พระที่นั่งต้าเจิ้ง (大政)
ในขณะเดียวกันนั้นดินแดนทุ่งหญ้าทางตะวันออกเฉียงเหนือชนเผ่าหม่านจู๋ (满族) หรือแมนจูก็รวบรวมแผ่นดินขึ้นเป็นปึกแผ่น จากชนเผ่าเลี้ยงสัตว์เรร่อน ก็ได้ก่อตั้งราชวงศ์ขึ้น ชื่อว่าราชวงศ์ต้าชิง (大清)โดยมีศูนย์กลางการปกครองอยู่ที่เมืองเสิ่นหยางในปัจจุบัน ซึ่งเป็นพื้นที่ภายนอกเขตกำแพงเมืองจีนของชาวฮั่น พระราชวังกู้กงเสิ่นหยางก่อสร้างขึ้นมาหลังจากการก่อสร่างวังต้องห้ามปักกิ่งประมาณ 250 ปี โดยได้รับอิทธิพลทางสถาปัตยกรรมจากชาวฮั่น แต่ยังคงเอกลักษณ์ชนเผ่าด้วยสิ่งก่อสร้างรูปร่างคล้ายกระโจมกลางทุ่งหญ้า โดยมีอาคารที่เป็นพระที่นั่งต้าเจิ้ง เป็นดังกระโจมของหัวหน้าชนเผ่า ขนาบด้วยเรื่อนหลังเล้ก ๆ อีก 10 หลังเลียนแบบ การวางผังกระโจมในทุ่งหญ้า
กลุ่มสิ่งปลูกสร้างทางฝั่งตะวันออกของพระราชวัง
ภายหลังจากอาณาจักรต้าหมิงของชาวฮั่น กรุงปักกิ่งอ่อนแอลง ชนเผ่าแมนจูจึงข้ามกำแพงเมืองจีนเข้ามายึดครองอาณาจักรต้าหมิงเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรต้าชิงและได้ย้ายเมืองหลวงและย้ายราชวงศ์จากพระราชวังเมืองเสิ่นหยางสู่พระราชวังต้องห้ามกรุงปักกิ่ง แล้วปกครองแผ่นดินจงกั๋วมาจนถึงสมัยรัชสมัยของผู่อี๋หรือปูยี จักรพรรดิองค์สุดท้ายของราชวงศ์ต้าชิง (แมนจู) ก่อนเปลี่ยนแปลงไปสู่การปกครองในระบอบสาธารณรัฐจีน (พ.ศ. 2455 - 2492) และเปลี่ยนเป้นสาธารณรัฐประชาชนจีนจนถึงปัจจุบัน
กลุ่มพระที่นั่งและสิ่งปลูกสร้างส่วนกลาง
ปัจจุบันภายในกู้กงเสิ่นหยางเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้เข้าเยี่ยมชม ใครที่เคยไปชมพระราชวังต้องห้ามกรุงปักกิ่งแล้ว ก็ไม่ควรพลาดที่จะแวะมาชมกู้กงเสิ่นหยาง หรือใครที่จะเดินทางไปเที่ยวฮาร์บิน ก็สามารถนั่งรถไฟความเร็วสูงจากฮาร์บินมาพักเที่ยวค้างคืนที่เมืองเสิ่นหยางได้เช่นกัน
อีกอย่างนึง เมืองเสิ่นหยางขึ้นชื่อเรื่องเกี้ยวต้ม อย่าลืมแวะไปลองชิมดูสักครั้ง ภายในพระราชวังกู้กงเสิ่นหยางไม่ได้กว้างขวางมากนัก ถ้าเทียบกับพระราชวังต้องห้ามกรุงปักกิ่งก็ถือได้ว่าเล้กมาก เมือมาเที่ยวที่นี่แล้วก็ทำให้เรามีเวลาเหลือเฟือให้เดินเล่น ซึมซับบรรยากาศและเรียนรู้ประวัติศาสตร์ได้แบบไม่น่าเบื่อ 😁☘️🌻🍁
พิกัด : เมืองเสิ่นหยาง มณฑลเหลียวหนิง มีเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพขเสิ่นหยาง หรือสามารถเดินทางโดยรถไฟความเร็วสูงจากปักกิ่ง หรือ ฮาร์บิน ก้สะดวกเช่นกัน
เครดิตภาพ : 微博:沈阳故宫博物馆 (พิพิธภัณฑ์พระราชวังกู้กงเสิ่นหยาง)
โฆษณา