เพราะ Wakingbee ชูความแตกต่างด้วยการนำสีพาสเทล มาใช้กับชุดออกกำลังกายเป็นแบรนด์แรก ๆ
และยังใส่ใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น เสริมฟองน้ำแบบ Push Up เข้าไปในสปอร์ตบรา หรือ กางเกงขาสั้นที่มีซับในกันโป๊
นอกจากนั้น หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้ Wakingbee แจ้งเกิดและครองใจลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว คือ พลังของโลกโซเชียลมีเดีย
โดยจะเห็นว่า Wakingbee เป็นแบรนด์ที่เหล่าอินฟลูเอนเซอร์เลือกสวมใส่
ซึ่งทั้งคู่บอกเลยว่า อาศัยคอนเนกชันที่มีบวกกับความมั่นใจในตัวสินค้า
ทำให้กล้าส่งสินค้าไปให้เหล่าคนดังช่วยรีวิว ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องใส่
แต่ปรากฏว่า แทบทุกคนก็ชื่นชอบในสินค้า และถ่ายรูปลงอินสตาแกรมพร้อมแท็กชื่อแบรนด์
อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ทำให้ลูกค้ามั่นใจในแบรนด์ คือ ช่วงแรกที่ยังไม่มีหน้าร้านของตัวเอง จะเข้าไปวางขายในห้างก็ยาก
Wakingbee จึงไปจับมือกับสตูดิโอออกกำลังกาย
เพื่อขอนำสินค้าเข้าไปวางขาย แล้วแบ่งค่าคอมมิชชันให้
ซึ่งก็วิน-วิน ทั้งสองฝ่าย เพราะ Wakingbee ได้ที่แสดงสินค้า
ให้ลูกค้ามีสามารถสัมผัสเนื้อผ้า และลองสวมใส่ ส่วนสตูดิโอออกกำลังกายก็มีโอกาสขยายฐานลูกค้าใหม่ ๆ
เพราะหากมีลูกค้าต้องการดูสินค้า ทางแบรนด์ก็จะแนะนำให้ลองไปตามสตูดิโอต่าง ๆ
นอกจากนี้ เพื่อสร้างความแปลกใหม่ให้กับแบรนด์ Wakingbee ยังขยันร่วมมือกับหลาย ๆ พาร์ตเนอร์ ตั้งแต่ lookbooklookbook ร้านเสื้อผ้าชื่อดังในอินสตาแกรม
รวมถึงคุณแต้ว ณฐพร นักแสดงสาวชื่อดังที่ทำงานร่วมกันในฐานะดีไซเนอร์รับเชิญ
หรือล่าสุดก็ได้ Kloset ไทยดีไซเนอร์ชื่อดังที่มีเอกลักษณ์ คือ ลายพิมพ์
โดยนำลายเหล่านั้น มาแปลงเป็นชุดออกกำลังกายและชุดว่ายน้ำในสไตล์ของ Wakingbee
อย่างไรก็ตาม แม้ดูเหมือนธุรกิจจะเติบโตได้ดี
แต่พอมาเจอโควิด 19 ก็กระทบต่อยอดขายของแบรนด์เช่นกัน
เนื่องจากในระยะหลัง ๆ ทางแบรนด์ได้มีการเน้นการขายผ่านหน้าร้านมากขึ้น
ดังนั้น เมื่อต้องปิดร้านทั้ง 13 สาขา Wakingbee จึงเริ่มกลับมาโฟกัสที่ช่องทางออนไลน์อีกครั้ง
โดยมีการปรับปรุงเว็บไซต์ เพื่อให้สะดวกกับลูกค้าที่ชอปออนไลน์
และสร้าง Loyalty Program เพื่อรักษาฐานลูกค้าเก่า และทำให้เกิดการซื้อซ้ำ
ขณะเดียวกันยังนำอินไซต์ของลูกค้ามุ่งต่อยอดคุณภาพและนวัตกรรมสินค้า
เช่น การออกแบบชุดออกกำลังกายที่สามารถใส่ลงน้ำได้ ซึ่งก็มาจากคำถามที่ลูกค้าถามเข้ามาบ่อย ๆ จึงเห็นว่าน่าจะมีดีมานด์ตรงนี้อยู่
และหากสถานการณ์โรคระบาดคลี่คลายแล้ว Wakingbee
ก็มีแผนที่จะบุกตลาดต่างประเทศอย่างเต็มรูปแบบ เริ่มจากในเอเชีย
ซึ่งตอนนี้มีไปเปิดตลาดที่ฮ่องกงและไต้หวันแล้ว
ส่วนตลาดยุโรปและอเมริกา จริง ๆ แล้ว เคยทดลองไปเปิดตลาดมาแล้ว แต่ยังมีอุปสรรคเรื่องไซซ์ของสินค้า ที่ต่างจากสิ่งที่แบรนด์มีอยู่ จึงต้องทำการบ้านต่อไป
โดยเป้าหมายสูงสุดที่ทั้งคู่อยากไปให้ถึง คือ เป็นแบรนด์ชุดออกกำลังกายสัญชาติไทยที่เทียบชั้น Nike และ Adidas
ปิดท้ายด้วยที่มาของชื่อแบรนด์ Wakingbee มาจากคำว่า Waking ที่แปลว่า ปลุก
Bee หมายถึง ผึ้ง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความขยัน