"คนจนอาจไม่ได้ขี้เกียจอย่างที่เราคิด"
บ่อยครั้ง ที่มักจะมีคนบ่นว่า
"พอเพียงสิ ใช้ประหยัดๆ หน่อย"
ทั้งที่เราหลายคนกำลังอยู่ในโหมดรัดเข็มขัดกันสุดตัว
ถ้ามองเผินๆ จะรู้สึกว่าการพอเพียงเป็นสิ่งที่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง
แต่เมื่อแกะไปถึงเนื้อแท้ของปัญหาแล้วจะพบว่า
คนจนหรือคนฐานะปานกลางไม่ได้จงใจที่จะฟุ่มเฟือยขนาดนั้น
แต่ด้วยรายได้ไม่สมดุลกับรายจ่าย
ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ว่า "ชักหน้าไม่ถึงหลัง"
แน่นอนว่าคงไม่มีใครชอบสถานการณ์ที่สภาพคล่องทางการเงินต่ำ
ซึ่งส่งผลให้คุณภาพชีวิตยากที่จะเปลี่ยนระดับ
ปัญหาที่เป็นอยู่ อาจเกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนเราเกิดด้วยซ้ำ
มันคือ ปัญหาเชิงโครงสร้างที่หลายคนต้องแบมือรับมาอย่างไม่เต็มใจ
ตั้งแต่เกิด
จะให้สู้ด้วยความสามารถที่เท่ากันได้อย่างไรในเมื่อ
"เราไม่ได้สู้ในเกมที่เริ่มต้นเท่ากันตั้งแต่แรก"
และนี่คือเหตุผลที่มากกว่าคำว่า "คนจนเพราะไม่ขยัน"
1.การศึกษา
แน่นอนว่าเรื่องของการศึกษาเป็นส่วนสำคัญในการสร้างเสริมความรู้ให้แก่มนุษย์ และไม่ว่าจะในยุคสมัยใดการที่จะเข้าศึกษาในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงไม่ว่าจะเป็นของรัฐหรือเอกชน ก็ต้องสอบเข้ากันทั้งนั้น
แม้ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องค่าเทอม แต่ด้วยความรู้พื้นฐานแล้ว
ก็ต้องยอมรับว่า ความรู้ที่ได้เรียนแตกต่างกัน
และด้วยอัตราส่วนคุณครูต่อนักเรียนแล้วจะพบว่า
อัตราที่กำหนดคือ 1:20 คือครู 1 คน ต่อนักเรียน 20 คน
ในขณะที่โรงเรียนหลายแห่งมีจำนวนนักเรียนถึง 40 คนใน 1 ห้อง
ทำให้ ครูต้องรับภาระที่หนักขึ้น
เช่น การตรวจการบ้านของนักเรียนมากกว่า 40 คน
ไม่ได้โฟกัสที่การสอน ให้ความรู้ เท่าที่ควรจะเป็น
จะสังเกตเห็นได้ว่าเมื่อครูที่โรงเรียนไม่ได้ให้ความรู้ที่ตรงจุด
นักเรียนจึงต้องหันหน้าพึ่งโรงเรียนกวดวิชา
และต้องยอมรับว่าในเทอมๆ หนึ่ง ค่าใช้จ่ายสูงทีเดียว
กลุ่มนักเรียนที่ทางบ้านมีรายได้ไม่สูง จึงขาดโอกาสส่วนนี้
และด้วยเกณฑ์ต่างๆ ในระดับอุดมศึกษาส่งผลให้
การเลือกคณะในมหาวิทยาลัยเป็นไปอย่างจำกัด
2.ค่าเล่าเรียน
มาถึงจุดที่คนขาดโอกาสแต่อยากผลักดันตัวเองจะต้องขยัน
เมื่ออยากมีโอกาสได้รับความรู้เท่าคนที่มีฐานะ
เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้อีกเช่นกันที่ต้องหารายได้เสริม
แน่นอนว่าเวลาว่างที่ควรจะได้นำมาเพิ่มเติมความรู้
ก็ต้องถูกแบ่งไปให้กับการทำงานเสริม
ที่หนักกว่านั้นคือ
นักเรียนหลายคนต้องทำงานเสริมเพื่อเป็นค่าเทอมให้ตัวเอง
ซึ่งต้องทำงานหลังเลิกเรียนและเลิกงานดึก
เมื่อมาเรียนจึงมีโอกาสได้รับความรู้ได้ไม่เต็มที่
3.เครื่องใช้อุปโภค บริโภค
กลุ่มคนที่มีรายได้ปานกลางหรือรายได้สูงอาจจะไม่เคยต้องคิดถึงว่า
วันนี้จะต้องใช้เงินไปกับอาหารการกินอย่างไรเพื่อให้พอกินทั้งเดือน
ในขณะที่คนที่มีรายได้น้อยต้องใช้ความคิดแบ่งมายังจุดนี้
เพราะเป็นเรื่องจำเป็นและเป็นหนึ่งในปัจจัย 4 แห่งการดำเนินชีวิต
เคยสังเกตไหมว่า
เมื่อเงินเดือนเริ่มขาดสภาพคล่อง
ในเดือนนั้น เรามักจะนึกถึงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปขึ้นมาทันที
เพราะสภาพคล่องในไม่พอแม้แต่จะซื้อข้าวราดแกง
ทำให้ไม่ได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย
ส่งผลไปยังระบบในร่างกายโดนตรง
และท้ายที่สุดก็กระทบต่อความคิด
และแสดงผลออกมาทางการกระทำและผลงาน
4.ภาระ
สำหรับคนที่มีต้นทุนชีวิตอยู่แล้ว
เช่น มีบ้าน มีที่ดิน มีรถ ตั้งแต่รุ่นปู่ย่า พ่อแม่
ก็ทำให้รายได้จากการทำงานมีโอกาสถูกใช้ไปกับการพัฒนาตัวเอง
หรือแม้กระทั่งการเริ่มลงทุนได้ในระยะเวลาที่เร็วกว่า
ในขณะที่ กลุ่มที่ยังไม่มีปัจจัยเหล่านี้
เมื่อทำงานพอมีเงินเก็บจำนวนหนึ่งและเครดิตที่ดี
ก็จะทำเรื่องกู้ เพื่อใช้จ่ายใน ทำให้รายจ่ายในส่วนนี้เพิ่มขึ้น
การจะลงทุนในสินทรัพย์หรือธุรกิจใดๆ ย่อมมีโอกาสที่ทุนตั้งต้นน้อยกว่า และรับความเสี่ยงได้น้อยกว่า ทำให้ง่ายต่อการติดกับดักที่ว่า
"ไม่กล้าเริ่มลงมือ"
5.ความรู้
มีคนบ่นอีกเช่นเคยว่าก็เพราะเขาไม่ขวนขวายหาความรู้
จึงต้องใช้ชีวิตในแบบทั่วไปที่ใครก็ทำเหมือนกัน
แต่จุดที่น่าสังเกตก็คือ กลุ่มคนที่ขาดโอกาสเหล่านั้น
ไม่เคยรู้มาก่อนว่า ความรู้นี้มีอยู่บนโลก
เมื่อไม่รู้ว่ามันมีอยู่ แล้วจะหาสิ่งนั้นได้อย่างไร
เช่นเรื่องการจัดการการเงิน หรือแม้กระทั่งภาษีแบบต่างๆ
วิชานี้ไม่มีในหลักสูตรการศึกษา แต่เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก
การจ่ายภาษี การจัดการการเงินที่เป็นพื้นฐานไม่มีสอนในห้องเรียนอย่างละเอียด ทำให้เมื่อเราเริ่มมีรายได้ เราไม่เข้าใจกลไกของภาษี
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเราเริ่มทำธุรกิจค้าขาย ภาษีเป็นเรื่องหนึ่งที่จำเป็น
เมื่อขาดความรู้ในส่วนตรงนี้ไป มีโอกาสสูงทีเดียวที่จะทำผิดกฎหมาย
และโดนปรับเป็นจำนวนเงินที่สูงทีเดียว
ทั้งนี้แม้ว่าเราเลือกที่จะเกิดไม่ได้ว่าเราจะเกิดมาเป็นใคร
แต่เรามีโอกาสที่จะจากไปได้โดยที่เลือกได้ว่าเราจะเป็นใคร
หาปัญหาให้เจอ จึงจะเริ่มกระบวนการแก้ไข
เมื่อรู้ถึงปัญหาแล้วแน่นอนว่า มันใหญ่เกินตัวเราที่จะแก้ได้
แต่เรามีทางเลือกเสมอว่าอยากใช้ชีวิตแบบเดิม
หรือต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งโอกาส
- 8
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
