25 มี.ค. 2021 เวลา 04:15 • การเกษตร
ใบกระท่อม กัญชง และ กัญชา
https://adf.org.au/insights/cannabis-older-people/
คนไทยรุ่นใหญ่คงคุ้นเคยกันกับการที่คนโบร่ำโบราณ วางหมากพลูบุหรี่ ไว้ต้อนรับแขก ...
ถ้าลงไปแถวชุมพร คนโบราณก็จะต้อนรับแขกด้วยใบกะท่อม (Mitragynine) ให้แขกได้เคี้ยวพร้อมกันกับยาเส้นถือเป็นการทำความสะอาดปาก ถูฟัน ส่วนยาเส้นเอามาสับกับดอกกัญชา (Hashish) ให้แขกสูบ เรียกว่า “กะลี้” ให้พอเคลิ้ม ๆ
พูดง่าย ๆ ของขบเคี้ยวเลี้ยงแขก ก็คือใบกระท่อมที่คนใต้สมัยก่อนนำมารับแขกให้เคี้ยวกับยาเส้นเพลิน ๆ ส่วนดอกกัญชาเอามาสับกับใบยาเส้นนำมามวน เรียกว่า Joint ถ้ามวนเป็นซิการ์เรียกว่า blunt
สมัยโบราณ คนไหนทำแกงไก่โดยไม่ใส่ใบกัญชาจะไม่อร่อย ไม่ถือเป็นพ่อครัว หัวป่าก์ (ปาก์ หรือปากะ หรือปาก เป็นภาษาบาลีแปลว่างานครัว) สมัยนี้ยังพอหาแกงไก่ใส่ใบกัญชาทานกันที่บ้านได้
ฉันใดก็ฉันนั้น แกงเขียวหวานถ้าไม่ใส่บรั่นดีก็ไม่ถือว่าเป็นสูตรสำเร็จของ พล.อ. เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์
ที่เนเธอร์แลนด์ อนุญาตให้ปลูกกัญชาได้ คนละมากถึงห้าต้น แต่เพื่อการบริโภคเท่านั้น ถ้าปลูกเพื่อขายในขนาดใหญ่ยังถือว่าผิดกฎหมาย มีร้านกาแฟที่เรียกว่า coffeeshop ที่ว่ากันว่าสามารถเข้าไปสั่งเครื่องดื่มผสมกัญชาได้
กัญชา (Hashish) ต่างกับ กัญชง (Weed หรือ Hemp) ตรงที่กัญชงมีสาร CBD หรือ Cannabidiol มาก และมีผลต่อจิตประสาทน้อย แพทย์แผนปัจจุบันจึงนิยมเอามาทำยา (Epidiolex) เพื่อรักษาโรคลมบ้าหมูและพาร์กินสัน ซึ่งต่างกับกัญชาซึ่งมี Cannabinoid หรือ THC (Tetrahydrocannabidol) มากและเป็นสารที่มีผลต่อจิตประสาท
สาร THC ที่มีผลต่อจิตประสาทนี้ก็มีอยู่ในกัญชงเช่นกัน แต่มีปริมาณเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่สาร THC มีอยู่ในกัญชาในปริมาณมาก ถ้าหากบริโภคเป็นประจำ ก็จะทำให้มีความสุข ยิ้มตลอดวัน ไม่สนใจเวล่ำเวลา แต่ถ้าบริโภคเกินขนาดก็อาจส่งผลให้ความจำเสื่อม ไม่มีสมาธิ และเกิดประสาทหลอนได้
แต่สาร THC ในกัญชาก็สามารถใช้รักษาโรคบางอย่างได้เช่นกัน เนื่องจากสาร THC สามารถช่วยลดอาการอาเจียนในผู้ป่วยมะเร็งที่รับคีโมบำบัด (Chemotherapy) สามารถช่วยทำให้ผู้ป่วย HIV/AIDS รู้สึกหิวและทานอาหารได้มากขึ้น และยังรักษาอาการกระตุกของกล้ามเนื้อ (Spasms) ได้อีกด้วย
ใบกัญชงและดอกกัญชงซึ่งมี CBD มากจะใช้ทำน้ำมัน ส่วนเมล็ดจากดอกกัญชง (Hemp Seed) ซึ่งมีโปรตีนมาก ชาว Vegan นิยมนำมาทานกับอาหารแทนโปรตีนสัตว์ มีโอเมก้า 6 และ 3 เหมาะสำหรับนักเพาะกาย
ลักษณะของดอกกัญชงและดอกกัญชา จะมีขนที่ดูแวววาว (Trichomes) นอกจากจะเป็นที่อยู่ของ THC และ CBD แล้ว ยังเป็นที่อยู่ของยาง (Resin) และน้ำมัน (Tarpenes) อีกด้วย ในส่วนที่เป็นเม็ดเล็ก ๆ (Balbous) จะมี THC เยอะกว่าบริเวณอื่น ๆ
Balbous ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ 1) Balbous trichomes 2) Capitate Sessile Trichomes และ 3) Capitate Stalked Trichomes ซึ่งส่วนที่ 1) เป็นส่วนที่มีปริมาณ THC มากที่สุด (Trichomes ที่ได้รับอนุญาตให้ปลูกในเชิงอุตสาหกรรม จะต้องควบคุมปริมาณ THC ให้ไม่เกิน 0.03% เท่านั้น)
การจะดูว่า Trichomes ตัดได้หรือยังให้ดูที่สี หากสีเหมือนน้ำนมก็ตัดได้ หากใสเกินไปก็จะอ่อนเกินไป หากเป็นสีน้ำตาลก็จะแก่เกินไป
ดังนั้น Trichomes ที่ดอกเท่านั้นที่สามารถใช้ทำเป็นยารักษาโรคและเป็นสารเสพติด ส่วนใบเอามาใส่อาหารและทำเครื่องดื่มได้ ไม่ถือเป็นสารเสพติด ส่วนสาร CBD ในกัญชงทำเป็นยาได้ และไม่ถือเป็นเสพติดเช่นกัน
ถ้าจะสูบกัญชา คอกัญชาคงต้องพอรู้ประวัติของอุปกรณ์กัญชาดีว่า “บ้องกัญชา” มาจากไหน และพี้กัญชาทำอย่างไร เดี๋ยวนี้การสูบกัญชา และกัญชงทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะสูบบ้องกัญชาแบบที่ใส่น้ำกรองควันเพื่อให้รสดี หรือสูบแบบบุหรี่มวนมีไส้กรอง หรือสูบแบบไม่มีไส้กรองหรือซิการ์ หรือแบบ Vapour แบบมอระกู่ หรือสูบแบบไปป์ ก็ได้
กัญชามีชื่อเรียกมากมาย เช่น
- Cannabis เป็นชื่อทางวิทยาศาสตร์ และมีหลักฐานปรากฏว่า cannabis เป็นพืชล้มลุกที่มนุษย์นำมาใช้ประโยชน์ต่างๆ มานานกว่า 12,000 ปี
- Marijuana เป็นคำศัพท์ที่แปลว่ากัญชาที่แพร่หลายมากที่สุดในโลก โดยเริ่มถูกนำมาใช้ในภาษาอังกฤษช่วงต้นศตวรรษที่ 20 (ก่อนหน้านั้นจะใช้ว่า cannabis)
- Pot เป็นคำสแลงที่มาจากภาษาสเปนว่า potiguaya ซึ่งเป็นชื่อเครื่องดื่มประเภทไวน์และบรั่นดีที่ใส่ใบกัญชาเข้าไป
- Weed เป็นคำสแลงที่แพร่หลายมากในช่วง ค.ศ. 1970-1990 โดยมีการตั้งข้อสันนิษฐานว่า วัยรุ่นยุคนั้นหันมาใช้คำนี้มากขึ้นเพราะต้องการหลีกเลี่ยงคำว่า pot ที่พ่อแม่ของเขารู้จักดี
- Ganja เป็นคำที่มีรากศัพท์มาจากภาษาสันสกฤต หมายถึงบริเวณยอดและดอกของพืชตระกูลกัญชา คนไทยและสายเขียวฝั่งตะวันตกส่วนใหญ่ก็เข้าใจคำนี้กันเกือบหมดทุกคน
- Mary Jane เป็นคำสแลงเช่นกัน
- Chronic อีกหนึ่งคำสแลงที่หมายถึงกัญชาและถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายในวัฒนธรรมฮิปฮอปอเมริกัน โดยเจ้าพ่อฮิปฮอปสายเขียว สนูป ด็อกก์ (Snoop Dogg)
- Skunk เป็นคำสแลงของกัญชา เนื่องจากกัญชามีกลิ่นเหม็นเขียวที่รุนแรงเหมือนสกังก์ บางท่านยังบอกว่ากลิ่นเหม็นเหมือนสัตว์ที่เพิ่งตายอีกด้วย
ส่วนชาวไทยสายเขียวมักเรียกกัญชาว่า เนื้อ และชาวจาไมก้า มักเรียกกัญชาว่า มาลีฮวนน่า
Bangkok Post ฉบับวันที่ 22 มีนาคม 2564 ลงบทความคาดการณ์ว่า กัญชาจะเป็นพืชเศรษฐกิจในอนาคต ของไทย โดยเมืองหลวงของนครกัญชาจะเกิดที่บุรีรัมย์ ตำบลหินเหล็กไฟ บ้านโศกนาค โดยมีพันธุ์ “หางกระรอก” หรือ “Charlotte Angel” และ “ตะนาวศรี” โดย 30 วิสาหกิจชุมชน ทำการปลูก 90 ต้นต่อแปลง เนื่องจากกัญชาเป็นพืชที่ปลูกง่ายและโตไว องค์การเภสัชกรรมจึงต้องเข้ามาควบคุมคุณภาพและปริมาณ
ปัจจุบัน รพ. คูเมืองที่บุรีรัมย์ซื้อดอกกัญชาที่เก็บเกี่ยวได้คุณภาพกิโลกรัมละ 40,000 บาท ไม่นับ ใบ ต้น ที่เอามาทำส่วนประกอบของอาหารได้อีก เช่น “ จิ้งหรีดลั้นลา” ซึ่งวิสาหกิจชุมชนผู้เป็นเจ้าของสามารถนำออกขายได้โดยเสรี
ข้อตกลงการค้าเสรีภายใต้ข้อบท ยูปอพ UPOV จะมีการอนุญาตให้กลุ่มทุนวิจัยและเพาะพันธุ์กัญชาเพื่อผูกขาดการเพาะเมล็ดพันธุ์ ดังนั้นถ้าควบคุมไม่ดีอาจเกิดกัญชงและกัญชาพันธุ์แฟรงค์เก้นสไตน์ของบริษัทที่นำพันธุ์พื้นเมืองมาพัฒนา และบริษัทซึ่งเป็นเจ้าของพันธุ์อาจมาแย่งสิทธิการผลิตกัญชงและกัญชาพันธุ์พื้นเมืองในไม่ช้า จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่กัญชงและกัญชาควรอยู่ในการควบคุมของ องค์การเภสัชกรรม และ การดูแลของภาครัฐ ควรควบคุมกระบวนการวิจัย เพาะพันธุ์ใหม่ และช่วยวิสาหกิจชุมชนในการจดสิทธิบัตรให้สามารถเป็นเจ้าของได้ตราบนานเท่านาน
ขอตบท้ายด้วยการบทเพลงเพราะ ๆ Smoke On The Water จากวง Deep Purple ที่พูดถึงไฟไหม้คาสิโนที่เมืองมองเตรอในประเทศ สวิตเซอร์แลนด์ ริมทะเลสาบเจนีวา แต่สายเขียวอย่างริชชี่ ตีความหมายเป็น บ้องกัญชาไปซะอย่างงั้น ฮ้ะๆ เชิญฟังครับ
โฆษณา