25 มี.ค. 2021 เวลา 04:35 • ยานยนต์
"ความเชื่อที่ทำให้ซื้อรถแล้วไม่คุ้ม"
ปัญหาของคนเลือกซื้อรถ ซื้ออย่างไรให้คุ้มค่า ตามเขาหรือตามเรา ตามรีวิวดังหรือรีวิวนี้
1
👉👉👉หลายคนที่จะเลือกซื้อรถไม่ว่าจะเป็นรถคันแรกหรือเปลี่ยนรถคันใหม่ ก็มักจะหาข้อมูลจากการรีวิวต่างๆที่มีอยู่มากมาย แต่เคยถามตัวเองหรือไม่ว่ามันคุ้มค่ากับตัวท่านเองหรือไม่ เพราะในรีวิวต่างๆก็จะบอกว่าอยู่แล้วว่า เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล การใช้งาน ความชอบ ความรู้สึกต่างๆก็เป็นของผู้รีวิวองทั้งสิ้น มิใช่ของตัวผู้ซื้อรถไม่
1
👉👉👉พูดง่ายๆก็คือ คนที่รีวิวเขาชอบไม่ชอบมันไม่ใช่ตัวคุณนะ เช่น คนที่รีวิวชอบขับรถที่แรง เร็ว เท้าหนัก ไปเปรียบเทียบไปลองรถที่ช้ากว่าหน่อยก็บอกว่าอืด หรือ คนรีวิวชอบรถที่สวย ไปลองรถที่ไม่สวยในสไตล์เขา เขาก็บอกว่าไม่สวย ซึ่งก็ไม่มีอะไรผิด ก็เขาบอกอยู่แล้วว่า เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล ถ้าท่านวิเคราะห์แล้วเชื่อ ซื้อรถมาแล้วไม่ถูกใจ ก็คงต้องทำใจ ด้วยเหตุนี้ท่านจึงต้องกำหนดความต้องการของท่านเองก่อน และนำชุดข้อมูลนี้ไปประกอบกับการตัดสินใจ ดังต่อไปนี้
1. ฐานะการเงิน กับ ความอยาก
ดูเงินในกระเป๋าก่อนนะครับ ที่ท่านต้องจ่าย ว่ามันคุ้มกับที่จะต้องจ่ายไปหรือไม่ ถ้ากระเป๋าของท่านเงินมันล้นออกมาแบบต้องหาที่เก็บเพิ่มก็คงไม่มีปัญหา แต่ส่วนใหญ่มักจะไม่ใช่แบบนั้น ต้องบอกกับตัวเองว่าเงินเรามีแค่เนี๊ยะ แล้วกำหนดช่วงของวงเงินที่ท่านไหว กำหนดได้แล้วก็ตัดยี่ห้อรุ่นรถที่เกินวงเงินออกไป
2. กำหนดความต้องการหลัก
ท่านต้องรู้ใจตัวเองก่อนว่าท่านต้องการอะไรเป็นความต้องการหลัก เช่น ระหว่างความปลอดภัย กับ ความชอบใจ ถ้าตอบแบบกำปั้นทุบดินว่าชอบทั้งสองอย่างนั่นแหละ ก็จะได้คำตอบว่า "ก็ซื้อรถแพงๆไปเลยสิ ต่ำๆก็ต้องล้านปลายๆนะ ล้านต้นๆอาจจะยังไม่ครบ" เผลอๆล้านปลายๆยังมีไม่ครบตามที่ท่านต้องการเลย
(เทคนิคเล็กๆ)
ยกตัวอย่าง ถ้าท่านต้องเลือกรถ ที่มีถุงลมนิรภัยรอบคัน(มีบางค่ายบางรุ่น) แต่ไม่มีกระจกพับข้างอัตโนมัติ กับรถที่มีกระจกพับข้างอัตโนมัติ แต่ไม่มีถุงลมนิรภัยรอบคัน แนะนำให้เลือกรถที่มีถุงลมนิรภัยรอบคันแล้วค่อยไปติดตั้งกระจกมองข้างอัตโนมัติทีหลัง ซึ่งสามารถหาได้ตามร้านประดับยนต์ทั่วไป หรือถ้าต้องเลือกรถที่นั่งสบายเพราะมีผู้สูงอายุแต่รถไม่เร้าใจ กับ รถที่เร้าใจขับสนุก แต่ผู้สูงอายุนั่งไม่สบาย ก็เลือกเอา หรือคุณจะไปเติมแต่งอะไรเพิ่ม เช่น ฝากระโปรงท้ายเปิดยกขึ้นเอง(รถเก๋ง)ด้วยงบ200บาท(สปริงยกฝาท้าย) หรือติดไฟในเก๋งเพิ่มงบ199-500บาท
หากคุณกำหนดความต้องการหลักได้แล้วก็ รถคันนั้นๆมีออฟชั่นที่คุณอยากได้อยู่แล้วก็ดีไป แต่ถ้าไม่มีคุณก็ไปเสริมเอาทีหลัง
1
3. รถอืดจนน่ารำคาญ?
หลายคนเข้าไปดูรีวิวต่างๆที่เปรียบเทียบรถแต่ละรุ่น แล้วพบว่ารุ่นนี้อืดกว่ารุ่นนั้น รุ่นนั้นอืดกว่ารุ่นนี้ อืดจนรับไม่ได้ อืดจนบางรีวิวใช้คำว่า"ห่วย" มาดูความเป็นจริงกัน
การรีวิวนั้น แต่ละช่องจะใช้วิธีการคล้ายกัน คือ จะจับเวลาตั้งแต่ 0-100km. โดยจะเริ่มจับเวลาตั้งแต่เรากระทืบคันเร่ง ใช้คำว่า"กระทืบ"คันเร่งนะ เหยียบให้จม กดหยุดเวลาเมื่อเข็มไมล์ไปหยุดที่100km./hr. นี่คือวิธีการใช้วัดความอืดหรือไม่อืดของเหล่านักรีวิว
แต่การใช้งานจริง คงไม่มีใครเร่งรีบและออกตัวแบบนี้ตลอดเวลา หรือขณะรถติดไฟแดง พอสัญญาณไฟเขียวขึ้นปุ๊ป ก็คงไม่มีใครกระทืบคันเร่งรีบออกตัวหรอก และคุณก็ต้องเป็นคันแรกด้วยนะ ต้องไม่มีรถมอเตอร์ไซค์มาขวางหน้าคุณด้วย และตอนคุณออกจากบ้านมาทำงาน คุณก็คงไม่เริ่มด้วยการกระทืบคันเร่งออกจากบ้านหรอกนะ ดังนั้น ความอืดของรถจึงวัดไม่ได้ด้วยวิธีนี้สำหรับคนใช้รถปกติทั่วไป หรือถ้าคุณจะเอาตัวเลข 0-100มาวัด รถที่อืดกว่า 1-3วินาทีเนี่ยนะ 1-3วินาที บ่งบอกถึงรถอืดได้เลยหรือ 1-3วินาที.....เฮ้อออออออ
4. เครื่องต้องแรง เร็ว ขับทางไกล ขึ้นเขาด้วย
ก็อีกแหละ เป็นเรื่องที่บอกต่อๆกันมา และกลายเป็นความจริงหรือความเชื่อผิดๆจนแยกกันไม่ออก และเป็นเรื่องถกเถียงกันมาจนทุกวันนี้ ว่าเครื่องต้องแรง เครื่องต้องเร็ว ซื้อรถทั้งทีก็เอาเครื่องใหญ่ๆเลย เวลาขับไปต่างจังหวัด จะเร่งจะแซงก็สบาย ขึ้นเขาก็ได้.....งั้นหรอ ถ้าคุณยังคิดแบบนี้อยู่ คุณคือคนรุ่นเก่า555
ความเป็นจริงยุคสมัยเปลี่ยนอะไรก็เปลี่ยน เทคโนโลยียานยนต์ก็เปลี่ยนด้วยนะ เอาแค่อีโก้คาร์ ก็ขึ้นเขาได้แระ ออกต่างจังหวัด ขับทางไกลได้หมด คุณรู้มั้ยว่าเจ้าอีโก้คาร์เนี่ย เวลาแตะคันเร่งเพลินๆมันทะลุ100 กม./ชม. แบบไม่รู้ตัว แล้วไปแตะที่120แบบสบายๆ แล้วเรื่องที่เครื่องต้องแรงต้องเร็วน่ะ เร็วแค่ไหนล่ะ ผู้รีวิวส่วนใหญ่เหยียบเข้าไป160 หรือไม่ก็ไปให้ถึง top speed มันไปเลย ว๊าวววว....เจ๋งไปเลย แต่....เพื่อ......???
ถ้าคุณไม่ได้เป็นพวกเท้าหนัก คุณก็ต้องลบความทรงจำเรื่องเครื่องต้องแรงต้องเร็วไปได้เลย เพราะส่วนใหญ่คุณใช้รถ คุณจะขับ160หรอ...เอาที่สบายใจ
⭐⭐⭐อย่าลืมนะเวลาเกิดอุบัติเหตุหนักๆส่วนใหญ่ก็ขับเร็วกันทั้งนั้น เวลาจะแซงก็แซงไม่พ้น มันไม่ได้เป็นที่เครื่องแรงหรือไม่แรง แต่มันอยู่ที่คุณรู้จักสมรรถนะรถของคุณเอง ดีแค่ไหน การกะระยะของคุณเป็นเรื่องสำคัญ เพราะต่อให้เครื่องแรงแค่ไหน กะระยะผิดก็หงายกันมานักต่อนัก
1
ปล. มีอีกหลายเรื่องที่ไม่ได้กล่าวไว้ เช่นเรื่องพวงมาลัยไม่คมพอ เวลาเลี้ยวต้องหักพวงมาลัยมากกว่าปกติ บอกตรงๆถ้าคุณไม่ใช่นักขับมืออาชีพ มันไม่มีผลหรอก คุณจะไม่รู้สึกถึงความแตกต่าง ก็เหมือนกับพวกนักดนตรีที่ฟังเสียงเบส เสียงแหลม กลาง ต่ำ ต่ำนิดต่ำหน่อย เพิ่มแหลมนิดแหลมหน่อย แยกออกด้วยว่ามีเครื่องดนตรีกี่ชิ้น อย่างเราๆน่ะฟังไม่รู้หรอก รู้แค่ว่ามันokก็พอ
โฆษณา