25 มี.ค. 2021 เวลา 06:35 • ข่าว
EP. 102 “The Missing Girl from Lodi”
วันหนึ่งในหน้าร้อนของปี 1994 เด็กหญิงวัย 12 ปีคนนึง ถูกลักพาตัวจากบ้านของเธอในเมือง Lodi รัฐ California
1
การลักพาตัวเด็กหญิงคนนี้ไปนั้นอุกอาจมาก คนร้ายเข้ามาลักพาตัวเด็กหญิงไปจากบ้านต่อหน้าเพื่อนและพี่สาวของเธอ เจ้าหน้าที่ถูกเกณฑ์กันมาเพื่อออกตามหาตัวเด็กหญิงคนดังกล่าวก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป และนอกจากเจ้าหน้าที่ที่จะรวมตัวกันจากหลายองค์กรมากกว่า 100 คนแล้ว ยังมีประชาชนที่อยู่ในเมืองนั้น ออกมาช่วยกันตามหาเด็กน้อยคนดังกล่าว
และที่สำคัญที่สุด มีพยานคนนึง ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นพยานปากสำคัญในการช่วยเจ้าหน้าที่ตามหน้าตัวเด็กน้อยให้เจอในที่สุด
คดีนี้ก้อยทำเป็นคลิปไว้ สามารถดูได้ที่นี้ค่ะ: https://youtu.be/B8jbJlJiFdg
The kidnapping of a little girl:
วันที่ 2 กรกฎาคม ปี 1994 ณ เมือง Lodi รัฐ California Katie Romanek วัย 12 ปี อยู่บ้านกับพี่สาววัย 16 ปี (ขอเรียกชื่อว่า Sara) ตามลำพัง เนื่องจากพ่อกับแม่ไปพักผ่อนช่วงวันหยุด 4th of July ที่รัฐ Michigan ในวันดังกล่าวนั้นเป็นวันเสาร์ Katie เลยชวนเพื่อนอีกคนวัย 12 ปี (ขอเรียกชื่อว่า Nina) มาดูทีวีกันที่บ้าน ทั้งสามสาวดูทีวีอยู่ด้วยกัน จนกระทั่งเวลาประมาณ 4 โมงเย็นก็มีเสียงกริ่งดังขึ้นที่หน้าประตูบ้าน
Sara เดินไปเปิดประตูก็พบกับชายคนนึง เขามีผมสีทอง ใส่เพียงแค่กางเกงขาสั้นกับรองเท้า ไม่ใส่เสื้อ ชายคนดังกล่าวพยายามจะขอเข้ามาดูภายในบ้าน เนื่องจากหน้าบ้านของ Katie ติดป้ายประกาศขายไว้ Sara ปฏิเสธ และบอกให้เขาโทรหานายหน้าอสังหาริมทรัพย์ตามเบอร์ที่ติดไว้บนป้ายแทน ชายคนดังกล่าวไม่ยอมแพ้ และขอเข้ามายืมปากกาจดเบอร์หน่อย Sara บอก เอางี้ละกันนะ จะจดเบอร์ให้แทน เธอเดินเข้ามาในบ้าน ปิดประตู จดเบอร์นายหน้าลงบนกระดาษ ก่อนจะเดินเอาออกมายื่นให้กับชายแปลกหน้าคนดังกล่าว
2
พอกลับมานั่งดูหนังกับเด็กๆได้ไม่นาน Sara โทรไปสั่ง pizza และทิ้งเด็กทั้งสองคนให้นั่งดูทีวี ก่อนจะขับรถออกไปรับเอา pizza กลับมาให้น้องๆกิน Katie กับ Nina เลยนอนดูทีวีอยู่ที่เดิม ในห้องรับแขกของบ้าน หลังจากที่พี่สาวขับรถออกไปได้ไม่นาน กริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้นอีก…..
1
Katie นึกว่า Sara ลืมอะไรบางอย่างเหรอ? เธอเดินไปที่หน้าประตู เมื่อเปิดประตูออกมาก็พบกับผู้ชายคนเดิม เขาบอกกับ Katie ว่า เขาอยากโทรศัพท์หาใครสักคน แต่จำเบอร์โทรไม่ได้ อยากขอยืมสมุดโทรศัพท์ หรือ yellow pages หน่อยได้หรือไม่ เด็กน้อยพนักหน้าอย่างมีนำ้ใจ ก่อนจะบอกให้ชายแปลกหน้ารอสักครู่ เธอจะเดินไปหยิบให้รอแปปเดียว
**สำหรับน้องๆท่านไหนที่เกิดไม่ทัน (ดักแก่มากกกก) สมัยก่อน เราไม่มี internet ค้นหาเบอร์ง่ายขนาดนี้ หากจะหาเบอร์โทรศัพท์ คนมักจะพึ่งสมุดเบอร์โทรศัพท์ หรือที่เราเรียกกันว่า yellow pages ที่มันจะหนามากกกก มีรายละเอียดเบอร์โทรต่างๆในนั้น ใครอยากได้เบอร์ที่ไหน หรือเบอร์ใครต้องไปเปิดหา (คิดดูกว่าจะเจอ)
Katie ไม่รู้เลยว่า ในตอนที่เธอกำลังเดินจะไปหยิบสมุดโทรศัพท์ที่อยู่ในครัวนั้น เธอดันทำผิดพลาดอย่างร้ายแรง คือไม่ปิดประตู ชายแปลกหน้า เดินตามเธอเข้ามาอย่างเงียบๆและเมื่อมาถึงในครัวก็คว้ามีดในครัวนั้นแหละมาจี้ Katie ก่อนที่จะจี้เอาตัว Nina ที่นั่งดูทีวีอยู่ด้วยขึ้นไปบนห้องนอนข้างบน และจับตัวเด็กผู้หญิงทั้งสองคนมัดมือมัดเท้าเอาไว้
ในตอนนั้นเอง Sara กลับมาที่บ้านพร้อมกับ pizza เธอตะโกนเรียกหาน้องกับเพื่อนน้องก็ไม่มีใครตอบ ยังไม่ทันที่จะเดินหา ก็เจอเข้ากับชายแปลกหน้าคนเดิม เอามีดมาจ่อที่คอ พาเธอเดินขึ้นไปข้างบนในห้องนอนเดียวกัน และจับเธอมัดมือมัดเท้าเหมือนกับที่ทำไว้กับเด็กๆทั้งสองคน
1
อยู่ดีๆ ชายคนร้ายก็จับเอา Nina ลุกขึ้นมาแล้วลากตัว Nina ไปที่ห้องนอนอีกห้องนึง ก่อนที่จะเอาเชือกมามัดข้อเท้าให้แน่นหนามากกว่าเดิม แล้วลุกออกไปเดินไปยังห้องนอนที่ Katie กับ Sara ถูกจับมัดอยู่ ในตอนนั้น Nina พยายามแก้มัดข้อมือตัวเอง จนเชือกที่มัดอยู่หลุดออก แต่เมื่อ Nina พยายามจะยืนขึ้น กลายเป็นว่าเธอล้มลงเพราะเชือกที่รัดอยู่ที่ข้อเท้ายังรัดอยู่แน่น ทำให้เกิดเสียงดังขึ้น Nina พอรู้ว่าตัวเองทำเสียงดังหลุดออกไปก็รีบถัดตัวไปซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้า
1
คนร้ายกลับมาที่ห้องพร้อมกับดึงเอาตัว Katie มาด้วย แต่เมื่อมาที่ห้องที่จับ Nina มัดไว้ในตอนแรก เขาหา Nina ไม่เจอ มองใต้เตียงก็แล้ว มองในตู้เสื้อผ้าก็แล้ว กลับมองไม่เห็น Nina ที่แอบอยู่ (คิดว่าเด็กน่าจะไปแอบในซอกและอยู่ภายใต้กองเสื้อผ้า ซึ่งคนร้ายก็ไม่ได้จับออกดูอย่างถี่ถ้วน) คนร้ายนึกว่าตัวประกันหายไปคนนึงแล้วก็เริ่ม Panic จึงดึง Katie ออกนอกบ้านไปขึ้นรถ sport สีแดงของครอบครัว ก่อนจะขับออกไป เมื่อคนร้ายขับรถออกไปแล้ว Nina ออกมาจากที่ซ่อน แก้มัด Sara ก่อนที่ Sara จะโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
Because nothing else matters:
1
เมื่อมีข่าวว่ามีเด็กหญิงตัวน้อยถูกลักพาตัว ตำรวจและเจ้าหน้าที่ในเมืองนั้นทิ้งทุกอย่างและมุ่งหน้ามาที่บ้านเพื่อรอคำสั่งและเพื่อกระจายกำลังกันตามหาตัวเด็กหญิง เจ้าหน้าที่พา Sara และ Nina ส่งโรงพยาบาล พร้อมกับตามตัวพ่อแม่ของ Nina กับ Sara มาจากรัฐ Michigan นอกจากนี้แล้วยังส่ง sketch artist ไปให้วาดภาพรูปร่างหน้าตาของคนร้ายอีกด้วย
1
ที่บ้านของ Katie เต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่ ส่วนนึงมาจากหน่วยนิติเวชที่พยายามเก็บหลักฐานทุกอย่างตลอดช่วงระยะเวลา 12 ชั่วโมงต่อมาหลังจากที่ Katie ถูกลักพาตัว เจ้าหน้าที่ตำรวจติดต่อเจ้าหน้าที่ FBI ในทันที และนอกจากนั้น ยังขอความช่วยเหลือไปยังมูลนิธิของ “Polly Klass” เพราะคดีของ Katie นั้น คล้ายคลึงกับคดีของ Polly ที่เกิดขึ้นในปี 1993 เพียง 1 ปี ก่อนที่จะเกิดเรื่องกับ Katie (แม้ว่าคนร้ายในคดีของ Polly จะถูกจับไปได้แล้วก็ตาม แต่ความคล้ายคลึงนั้นมีสูงมาก)
**สำหรับคนที่ยังไม่เคยอ่านคดีของ Polly Klass สามารถตามอ่านได้ที่นี่ค่ะ >>
EP. 11 “To Everybody's Daughter and Everybody's Son ”
ที่ติดต่อไปที่มูลนิธิของ Polly Klass เพราะที่มูลนิธินั้นมี resources หลายอย่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มี หนึ่งในนั้นคือระบบ call center แบบ 24 ชั่วโมง ที่พอได้รับข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ พนักงานของมูลนิธิจะทำการส่ง fax ไปยังปั้มน้ำมัน หรือ ร้านค้าเล็กๆที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง และส่ง poster หรือใบปลิวที่มีหน้า รูป sketch หรือรายละเอียดอันใดของคนร้าย ผู้ต้องสงสัย หรือเด็กที่หายตัวไป เพื่อให้คนที่เดินไปเดินมา สามารถสังเกตเห็น หรือแม้แต่พนักงานในร้าน ในปั้มให้จดจำรายละเอียดดังกล่าว เพราะมันมีเปอร์เซ็นสูงที่คนร้าย อาจจะเข้ามาซื้อของเล็กน้อย หรือจอดรถเติมน้ำมันก็เป็นได้
1
เมื่อเวลาประมาณ 20.30 น. ของวันเดียวกันนั้นเอง ชายผู้หนึ่งกำลังเดินทางกลับบ้านในเมือง San Joaquin ที่อยู่ห่างจากเมือง Lodi ไปประมาณ 20 ไมล์ ชายคนนี้เห็นไฟกำลังลุกไหม้ท้วมพื้นที่โล่งแจ้งที่หนึ่ง จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่มาดับไฟได้ทันก่อนที่ไฟจะลามไปถึงรถ sport สีแดงคันนึงที่จอดอยู่ เมื่อเจ้าหน้าที่ดับไฟได้แล้ว มีการประสานงานกันไปที่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เมือง Lodi (ที่กำลังมองหารถคันนี้อยู่) เจ้าหน้าที่ไม่เจอร่องรอยของ Katie หรือชายคนร้าย แต่ตอนนี้เจ้าหน้าที่มีการตีวงพื้นที่ค้นหาใหม่ เพราะคนร้ายน่าจะทิ้งรถไว้ที่ทุ่งโล่งดังกล่าว ก่อนพยายามเผาทิ้ง แล้วพา Katie เดินเท้าไปหลบที่ไหนซักแห่ง
1
20.45 น. เจ้าหน้าที่ใช้สุนัขตำรวจและเฮลิคอปเตอร์บินขึ้นท้องฟ้าเพื่อตามหาร่องรอย Katie พื้นที่ที่เจอรถถูกจอดทิ้งไว้นั้นมีสภาพเป็นพื้นที่ทางการเกษตรโล่งกว้าง เจ้าหน้าที่ในเมืองนั้นมีบุคลากรไม่พอ จึงกระจายกำลังกันไปเกณฑ์เจ้าหน้าที่มาอีกจาก 10 เขตด้วยกัน พากันเดินเท้าไปตามบ้านหลังต่างๆเพื่อกระจายข่าวเรื่องคนร้ายลักพาตัวเด็ก และเพื่อค้นหาตามบ้าน โรงนา เมื่อค้นหาเสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่จะผูกริบบิ้นสีเหลืองไว้หน้าบ้านเพื่อเป็นสัญญาณบอกกับทีมอื่นๆว่า มีเจ้าหน้าที่ได้มาทำการค้นหาที่บ้านหลังนั้นแล้ว เจ้าหน้าที่บางส่วนเอารถ ATV วิ่งออกไปตามหาเบาะแสตามชายป่า ชายทุ่ง
2
เจ้าหน้าที่ได้นำรถ command center bus มาตั้งไว้ตรงจุดกึ่งกลางการค้นหาใหม่ โดยในตอนนี้เจ้าหน้าที่ใช้รถคันดังกล่าวเป็นสถานที่หลักในการกระจายข่าว การ update ข่าวสาร เบาะแสล่าสุด เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายทำงานไปในทางเดียวกัน พอตอนเช้ามาถึง เจ้าหน้าที่ใช้แสงแดดในยามเช้าเพิ่มการค้นหา มีการนำเอาม้ามาช่วยเจ้าหน้าที่ไปในเขตที่เป็นทุ่งโล่ง หรือในป่าที่รถ ATV เข้าไม่ถึง มีการนำสุนัขตำรวจมาค้นหาเพิ่มอีก 8 ตัวด้วยกัน และเจ้าหน้าที่มีการเดินเท้าเพิ่มเพื่อไปยังตามบ้านอื่นๆเพื่อหาเบาะแสเพิ่มเติม
4
เจ้าหน้าที่ไปเคาะประตูบ้านหลังนึงที่อยู่ไม่ไกลจากบ้าน Katie มากนัก ในบ้านหลังนั้นมีเด็กผู้หญิงคนนึงเดินมาเปิด เธอเล่าให้เจ้าหน้าที่ฟังว่า เมื่อวาน (วันที่ 2 ที่เกิดเรื่อง) เธอเจอชายคนที่มีรูปร่างหน้าตา ใส่เสื้อผ้าเหมือนกับชายคนร้าย เดินมาเคาะประตูบ้าน และพยายามจะขอเข้ามาดูในบ้านเหมือนกัน เด็กคนนี้ปฏิเสธ และในขณะที่กำลังคุยกับชายคนร้าย พ่อของเด็กคนนี้ที่อยู่บ้าน เดินออกมาที่ประตูบ้านเพื่อจะดูว่าลูกตัวเองคุยกับใครอยู่พอดี เมื่อชายต้องสงสัยเห็นว่าพ่อของเด็กอยู่บ้าน จึงเดินจากไป (เจ้าหน้าที่มั่นใจว่าเป็นคนคนเดียวกันแน่นอน)
2
ในขณะเดียวกันมูลนิธิ Polly Klass ทำใบปลิวขึ้นมาหลายร้อยใบไปแจกตามบ้านต่างๆที่อยู่ในเขตเมืองเหล่านั้น ใบปลิวใบนึงตกไปอยู่ในมือของผู้หญิงคนนึงที่อยู่อาศัยไม่ไกลจากบ้านของ Katie มากนัก เมื่อเธอจับเอาใบปลิวที่มีภาพ sketch รูปร่างหน้าตาคนร้ายมา พร้อมกับรายละเอียดต่างๆ เธอถึงกับมือไม้อ่อน วิ่งกลับเข้าไปในบ้านโทรหาเจ้าหน้าที่ตำรวจในเมือง Lodi ทันที
2
เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึง ผู้หญิงสูงวัยรายนี้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่า เธอคิดว่าชายคนร้ายที่เจ้าหน้าที่กำลังพยายามตามตัวอยู่นั้นคือ Steven Cochran ลูกชายวัย 25 ปีของเธอนั้นเอง
The final call:
แม่ของ Steven บอกกับเจ้าหน้าที่ว่า Steven นั้นไม่มีงานทำ หรือมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง เขาอาศัยอยู่ที่ shelter ในตัวเมืองและจะนั่งรถมาเยี่ยมเธอเป็นบางครั้ง Steven เพิ่งออกจากคุกมาได้แค่เพียง 2 เดือน หลังจากที่ต้องติดคุกไปเพราะข้อหาล่วงละเมิดและทำร้ายร่างกายเด็กผู้หญิง……..
1
นอกจากนี้แล้ว Steven ยังเคยมาสารภาพกับแม่ตัวเองว่า เขาอยากจะทำการลักพาตัวเด็กผู้หญิง ทำร้ายล่วงละเมิดทางเพศเธอ ...แล้วฆ่าเธอทิ้งซะ (โอ้ย จะเป็นลม) Steven ออกจากบ้านของแม่ตัวเองไปเมื่อตอนบ่ายสามของวันเสาร์ที่สอง และน่าจะเดินไปแถวๆนั้นจนกระทั่งไปหยุดอยู่ที่บ้านของ Katie ในที่สุด ตำรวจได้ยินดังนั้น จึงรับเอารูป Steven ที่ได้มาจากแม่ของเขา ก่อนดำเนินการตามแพร่ภาพออกไปตามสื่อต่างๆ ขอร้องให้ประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตา ช่วยกันคิดและจับตาดูว่า Steven พา Katie ไปซ่อนไว้ที่ไหน
ตอนที่เจ้าหน้าที่กระจายข่าวกันออกไปนั้น ผู้ชายคนนึงได้ยินข่าวของ Katie เขาถึงกับนั่งอยู่บ้านไม่ได้ ชายคนนี้ขับรถไปตามถนนแถวบ้านที่เขาอยู่ เพื่อจะดูว่าเขาอาจจะเห็น หรือได้เบาะแสอะไรให้กับตำรวจบ้าง ดูเหมือนว่าเขาจะตัดสินใจถูกต้องเป็นอย่างมาก เพราะในขณะที่กำลังขับรถไปตามถนนที่สองข้างทางเป็นทุ่งโล่งกว้างติดกับชายป่านั้น เขาดันเห็นผู้ชายคนนึง เดินออกมาจากชายป่า สวมใส่กางเกงขาสั้น เสื้อไม่ใส่ มีรอยสักตามตัว เหมือนกับที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตามหา ชายพลเมืองดีขับรถไปยังจุดที่ตำรวจกำลังหาตัว Katie อยู่ใกล้ที่สุด ก่อนจะแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ไปตรวจสอบชายต้องสงสัยคนดังกล่าว (ไม่มีมือถือนะคะสมัยนั้น)
เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงที่เกิดเหตุก็พบกับ Steven ที่น่าจะกำลังเดินออกมาหาน้ำดื่ม เขาดูงงงวย ไม่รู้เหนือรู้ใต้ ได้แต่บอกกับเจ้าหน้าที่ว่า เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาจำอะไรไม่ได้เลย เพราะตัวเองเพิ่งจะสร่างจากการเมายา ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป ไม่รู้ว่า Katie เป็นใคร และไม่รู้ว่า Katie นั้นอยู่ไหน
เจ้าหน้าที่พา Steven ไปโรงพัก พวกเขารู้ว่า Katie นั้นน่าจะอยู่ไม่ไกลจากจุดที่เจอ Steven มากเท่าไหร่ แต่จะตามหาที่ไหนละ? พื้นที่มันช่างกว้างใหญ่ และมันมีที่ที่ Katie อาจจะถูกจับไปซ่อนไว้มากมายเหลือเกิน เจ้าหน้าที่มีคนไม่มากพอหรอกนะ
2
แต่เจ้าหน้าที่นั้นคิดผิด เพราะหลังจากที่มีข่าวออกไปว่า เจ้าหน้าที่จับตัวคนร้ายได้แล้วและกำลังตามหาตัว Katie มีอาสาสมัคร ชาวเมืองมากมาย เดินทางมายังที่เกิดเหตุและเกาะรั้วลวดหนาม (รั้วที่เจ้าของสถานที่น่าจะสร้างไว้เพื่อกั้นอาณาเขตของตัวเอง) เพื่อที่จะรอให้เจ้าหน้าที่ไฟเขียวให้พวกเขาเดินทางเข้าไปในสถานที่ดังกล่าวเพื่อตามหาเด็ก
เจ้าหน้าที่นั้นส่วนนึงก็อยากให้ชาวบ้านเข้ามาช่วยกันตามหา จะได้เจอตัว Katie เร็วขึ้น แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่อยากให้ประชาชนเข้ามาช่วยมากนัก เพราะกลัวว่า หากจริงๆแล้ว Katie นั้นเสียชีวิตไปแล้ว หรือหลบอยู่ที่ไหนซักแห่ง ประชาชนที่ไม่มีประสบการณ์อาจจะทำลายพยานหลักฐานแบบไม่ตั้งใจ หรืออาจจะมองไม่เห็น Katie ก็ได้
1
ในขณะที่ชาวบ้านก็ใจร้อน อยากปีนรั้วเข้าไปหาเด็ก เจ้าหน้าที่ก็กำลังเถียงกันไปมา ตัดสินใจไม่ได้สักที อยู่ดีๆก็เหมือนมีปาฏิหารย์เกิดขึ้น Katie ตัวน้อย เดินออกมาจากชายป่า และเริ่มเดินเข้าสู่ฝูงชน ทุกคนตะโกนโห่ร้อง เจ้าหน้าที่รีบเอารถไปรับเธอส่งโรงพยาบาล
Katie นั้นอยู่ที่โรงพยาบาลได้ไม่นานก็สามารถออกมาจากโรงพยาบาล พาเจ้าหน้าที่มายังที่เกิดเหตุและเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เจ้าหน้าที่ฟังว่า หลังจากที่ Steven จอดรถแล้วนั้นเขาก็พยายามจุดไฟเผารถ ก่อนจะลากตัว Katie มาในป่าเพื่อหลบเจ้าหน้าที่ ในจังหวะนึงที่เจ้าหน้าที่ขี่รถ ATV มาตามหา Katie เห็นเจ้าหน้าที่ด้วย แต่ไม่สามารถตะโกนหรือร้องเรียกเจ้าหน้าที่ได้
2
*** ในตอนนั้นไม่มีการทำข่าวว่า Katie ถูกล่วงละเมิดหรือไม่นะคะ คาดว่าเพราะเธอรอดชีวิตและเธอยังเด็กมาก แต่ 21 ปีให้หลัง เธอออกมาให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นและใช้คำว่าเธอโดนทำร้ายนะคะ เราคงไม่ลงลึกไปมากกว่านี้
Steven Cochran ถูกส่งตัวไปดำเนินคดีและผู้พิพากษามีคำพิพากษาให้เขาถูกส่งไปจำคุกทั้งสิ้น 106 ปี จาก 23 ข้อหาด้วยกัน
ในคดีนี้ เจ้าหน้าที่สามารถจับตัว Steven และเจอตัว Katie ภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากที่เกิดเหตุ หากไม่ได้การร่วมด้วยช่วยกันของเจ้าหน้าที่หลายๆหน่วย ประชาชนทั่วไป หรือแม้แต่คนที่เป็นแม่ของ Steven เอง ตำรวจก็อาจจะหาตัว Katie ได้ไม่เร็วขนาดนี้
2
EP. เก่าๆดูได้อีกทางที่นี้ค่ะ
Facebook Page:
🐝Subscribe To My Youtube Channel🐝
Blockdit:
โฆษณา