26 มี.ค. 2021 เวลา 03:00 • กีฬา
" พ่อลูกตำนานผี "
หากเอ่ยชื่อของ เอียน แม็คเชน หลายคนอาจไม่รู้จักหรือคุ้นหูสักเท่าไหร่
2
ให้นึกถึง วินสตัน ผู้จัดการโรงแรมคอนทิเนนทั่ล ในหนังเรื่อง จอห์น วิค นั่นแหละ เอียน แม็คเชน ซึ่งนอกจาก จอห์น วิค ทั้ง 3 ภาคแล้ว เรายังคุ้นหน้าคุ้นตา เอียน แม็คเชน ในบทบาทโจรสลัดหนวดดำ "แบล็คเบียร์ด" ในเรื่อง ไพเรทส์ ออฟ เดอะ แคริบเบี้ยน ภาค On Stranger Tides อีกเรื่อง
จริงๆ แล้ว เอียน แม็คเชน โลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงมานาน ตั้งแต่ทศวรรษที่ 60s
เขาเกิดที่แบล็คเบิร์น เมื่อปี 1942 อ่อนกว่าหนึ่งในเพื่อนสนิทของเขาอย่าง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แค่ 8-9 เดือน และเขาเป็นแฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตัวยง
สาเหตุหลักที่เขาเป็นแฟนผี และคุ้นเคยกับสโมสรเป็นอย่างดี นั่นก็เป็นเพราะคุณพ่อของเขา แฮร์รี่ แม็คเชน คืออดีตนักเตะของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเคยทำงานให้สโมสรในหลายๆ ด้าน
ชื่อของ แฮโรลด์ หรือ แฮร์รี่ แม็คเชน เป็นที่จดจำว่าเป็น ยอดปีกความเร็วสูงของทีม
ตอนที่ แฮร์รี่ แม็คเชน เสียชีวิตเมื่อปี 2012 ด้วยวัย 92 ปี หนังสือพิมพ์โดยเฉพาะสื่อในเมืองแมนเชสเตอร์เองก็ลงข่าวนี้
แฮร์รี่ แม็คเชน เกิดที่ ลานาร์คไชร์ในสก็อตแลนด์ ก่อนจะย้ายมาเป็นนักฟุตบอลในอังกฤษกับ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ในปี 1937 ขณะอายุได้ 17 ปี อย่างไรก็ตาม เขาก็เหมือนกับคนหนุ่มในยุคนั้นทั้งหลายคือเจอกับสงครามโลกครั้งที่ 2 เข้าพอดี
2
เมื่อสงครามปะทุขึ้น แฮร์รี่ เข้าร่วม รอยั่ล แอร์ ฟอร์ซ หรือกองทัพอากาศของสหราชอาณาจักร รบในสงครามด้วย เมื่อสงครามสงบ เขากลับมาเล่นฟุตบอลอีกครั้งขณะนั้นจากเด็กหนุ่มอายุ 18-19 ปี กลายมาเป็นหนุ่มวัย 26 ปี กับ ฮัดเดอสร์สฟิลด์ จากนั้น มาโด่งดังกับ โบลตัน วันเดอเรอร์ส เขาเล่นอยู่ที่นี่จนถึงปี 1950
ขณะนั้น ชาร์ลี มิทเท่น ปีกตัวเก่งของแมนฯ ยูไนเต็ด (เป็นพี่ชายปู่ของ แอนดี้ มิทเท่น นักข่าวชื่อดังของแมนเชสเตอร์ อีฟว์นิ่งนิวส์) ตัดสินใจย้ายไปหากินในโคลอมเบีย ไปเสี่ยงโชคกับสโมสร อินเดเปนเดียนเต้ ซานตา เฟ่
นั่นทำให้ แม็ทท์ บัสบี้ ต้องหานักเตะคนใหม่เข้ามาแทน เซอร์ แม็ทท์ เลยตัดสินใจคว้าตัว แฮร์รี่ แม็คเชน ในวัย 30 ปีมาร่วมทีม
เมื่อย้ายมาในปีแรก แฮร์รี่ แม็คเชน ก็เป็นตัวจริงทันที เล่นทั้งปีกซ้าย และปีกขวา ทำไป 7 ประตูจาก 30 นัด น่าเสียดายที่ปีแรก แมนฯ ยูไนเต็ด จบเพียงอันดับที่ 2 ชวดแชมป์ให้กับ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ไป
เขาเป็นปีกสไตล์โบราณ ยุคนั้นเรียกว่า กองหน้าตัวนอก หรือ Outside forward ไม่ได้มีสเต็ปเท้าเลิศเลอ แต่อาศัยความเร็วจัด กระชากบอลหนีตัวประกบแล้วครอสเข้ากลางเป็นหลัก โดยมีเป้าหมายที่กองหน้าอย่าง แจ็ค โรว์ลี่ย์, สแตน เพียร์สัน หรือ จอห์น แอสตัน
ปีต่อมา 1951/52 แฮร์รี่ แม็คเชน ออกสตาร์ทด้วยการเป็นตัวจริง แต่กลางฤดูกาล แม็ทท์ บัสบี้ ซื้อปีกตัวเก่ง จอห์นนี่ เบอร์รี่ มาจาก เบอร์มิงแฮม ทำให้เขาต้องสลับกันลง อีกทั้งยังมาเจออาการบาดเจ็บ ทำให้ท้ายที่สุดได้ลงสนามเพียง 12 นัดทั้งฤดูกาล
มันน่าเสียดายตรงที่ สุดท้ายฤดูกาลนั้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เข้าป้ายเป็นแชมป์ ดิวิชั่น 1 ได้สำเร็จ แชมป์หนแรกในรอบ 40 ปีของสโมสร และแชมป์แรกของ แม็ทท์ บัสบี้ แต่ตัวของ แม็คเชน ไมได้รับเหรียญแชมป์ เพราะตามกฏยุคนั้นต้องลงเล่นอย่างน้อย 1 ใน 3 ของฤดูกาลหรือ 14 นัด ถึงจะได้เหรียญ
จากนั้น โอกาสของ แม็คเชน กับทีมเริ่มน้อยเพราะเป็นช่วงที่ บัสบี้ เริ่มสร้างทีมที่เรียกว่า "บัสบี้ เบ๊บส์" ขึ้นมา ดาวรุ่งอย่าง อัลเบิร์ต สแกนลอน และ เดวิด เพ็กก์ ขึ้นมาแย่งตำแหน่ง
แฮร์รี่ แม็คเชน อยู่กับทีมอีก 2 ฤดูกาล ได้ลงสนามน้อย และตัดสินใจอำลาหลังจบฤดูกาล 1954 ขณะอายุได้ 34 ปี โดยเขาย้ายไปเล่นกับทีมบ้านใกล้เรือนเคียงอย่าง โอลด์แฮม ด้วยค่าตัว 750 ปอนด์
หลังแขวนสตั๊ด แม็คเชน ทำงานประจำที่บริษัทแห่งหนึ่ง ขณะที่ก็มาเล่นฟุตบอลและโค้ชให้กับสโมสรนอกลีกแบบพาร์ทไทม์
จากนั้น เขาก็กลับมาทำงานให้กับแมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยการเป็นดีเจ และโฆษกในสนาม โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในวันมีเกมแข่ง ในช่วงยุค 60s และ 70s
ต่อด้วยในช่วงทศวรรษที่ 80s เขาก็ทำหน้าที่เป็นแมวมองให้กับสโมสรไปในตัว ค้นพบนักเตะอย่าง แอนดี้ ริทชี่, นิคกี้ บัตต์ จนมาถึง เวส บราวน์ นอกจากนั้นในปี 1985 เขายังเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงก่อตั้ง United Old Boys Association เป็นสมาคมของอดีตนักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วย
เอียน แม็คเชน โตมาในช่วงที่พ่อของเขา แฮร์รี่ เป็นนักเตะของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พอดี เขาเข้าไปดูเกมอยู่ตลอด และได้คลุกคลีกับยุคเริ่มต้นของ เซอร์ แม็ทท์ บัสบี้
นอกจากนั้นก็โตมาเป็นวัยรุ่นยุคไล่เลี่ยกับ เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ได้เห็น ดันแคน เอ็ดเวิร์ดส์ ลงเล่นต่อหน้าต่อตาและสนิทสนมกัน รวมถึงการทะลุขึ้นมาของ จอร์จ เบสต์ ด้วย
1
แล้วก็แน่นอน เข้าผ่านประสบการณ์ตรงถึงวันที่มีเหตุการณ์อุบัติเหตุเครื่องบินที่มิวนิค จนถึงเมื่อเขาโต และกลายมาเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียง เซอร์ แม็ทท์ บัสบี้ ก็พาทีมฟื้นคืนชีพกลับมาประสบความสำเร็จอีกครั้งด้วยการเป็นแชมป์ยุโรป
"ตอนนั้นผมอยู่ที่โรงเรียน ซัลฟอร์ด แกรมม่าร์ ตอนได้ยินข่าวอุบัติเหตุ มันน่าตกใจสุดๆ เรารับครอบครัวของ จอห์นนี่ เบอร์รี่ มาอยู่ด้วยพักนึง พวกเขาอยู่บ้านใกล้ๆ กันแค่หัวมุมถนนนี่เอง และเราก็ดูแลลูกๆ ของเขาจนกระทั่ง จอห์นนี่ พักฟื้นกลับมาได้ ซึ่งโชคดีมาก (จอห์นนี่ เบอร์รี่ รอดตายแต่ก็ต้องแขวนสตั๊ดเพราะร่างกายเล่นต่อไม่ไหว) มันเป็นส่วนหนึ่งของสโมสร และจากนั้นอีก 10 ปีก็กลับมาเป็นแชมป์ยุโรป มันน่าเหลือเชื่อ ผมไปดูเกมนั้นด้วย พ่อผมทำงานให้สโมสรอยู่ และเขาหาตั๋วให้ผมได้ 2 ใบ มันเป็นค่ำคืนที่สุดยอด"
 
เมื่อถูกถามว่าใครคือฮีโร่ของเขาที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ..
"พ่อของผมไง! แต่หลังจากพ่อย้ายออกไป ผมยังคงไป โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เสมอ ทีมของ เซอร์ แม็ทท์ บัสบี้ ยอดเยี่ยมสุดๆ ผมเจอ ดันแคน เอ็ดเวิร์ดส์ และ เอ็ดดี้ โคลแมน ดันแคน แกร่งสุดยอด เขาไม่ธรรมดาเลยจริงๆ แต่ผมว่า เอ็ดดี้ คือนักเตะคนโปรดของผมในทีมชุดนั้น เอ็ดดี้ เป็นเด็กจากซัลฟอร์ดเปี่ยมทักษะ เขาอัจฉริยะในการเล่นกับลูกบอล และท่าทางมั่นใจตัวเองผยองนิดๆ ในสนาม"
 
"ผมได้เป็นเพื่อนกับนักเตะบางคนเช่น แพดดี้ ครีแรนด์ และ จอร์จ เบสต์ ในหน้าร้อนปี 1966 ผมมาที่นี่ที่สถานีโทรทัศน์กรานาด้า มาถ่ายซีรี่ส์เรื่อง You Can't Win และในสัปดาห์แรกผมก็เจอกับ จอร์จ และ ไมค์ ซัมเมอร์บี (ตำนานแมนฯ ซิตี้) เราเที่ยวอยู่ด้วยกันทั้งซัมเมอร์ เราไม่ได้ติดต่อกันตลอด เพราะงานผมต้องไปที่โน่นที่นี่ตลอด แต่เมื่อไหร่ที่เราเจอกัน เราจะออกไปเที่ยว เมากันเละ! จอร์จ น่าเหลือเชื่อมาก เขากล้าหาญยังกับสิงโต โหม่งบอลดี และสกัดบอลดีด้วย เขาทำได้ทุกอย่างจริงๆ เขาขึ้นหิ้ง เป็นนักเตะที่เก่งที่สุดที่ผมเคยดูมาเลย"
 
เอียน แม็คเชน อาศัยในสหรัฐอเมริกา เป็นหลักในช่วงหลังด้วยการเป็นดาราฮอลลีวูด แต่เมื่อมีโอกาสก็จะพบปะกับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เสมอ รวมถึงกลับมาแมนเชสเตอร์เพื่อชมเกมด้วย
1
"ย้อนไปตอนนั้น ตอนที่เขาย้ายมาคุมยูไนเต็ดแรกๆ พ่อผมยังเป็นแมวมองให้ ยูไนเต็ด ตอนที่ เซอร์ อเล็กซ์ เพิ่งมา และผมก็สนิทกับพ่อและแม่ดังนั้นเมื่อไหร่ที่ผมกลับมาแมนเชสเตอร์ ผมจะไปดูเกม ผมมารู้จักเขาจริงๆ ในปี 1993 เมื่อเราได้รับเชิญไปงานครบรอบ 25 ปี นัดชิงชนะเลิศ ยูโรเปี้ยน คัพ พวกเขาจัดงานใหญ่ที่ ม็อทแทร่ม ฮอลล์ มีนักเตะทุกคนไปร่วมหมดเลย ผมใช้เวลาสุดสัปดาห์นั้นที่นี่กับภรรยาของผม และผมก็ได้รู้จักกับ อเล็กซ์ กับเคธี่ นับแต่นั้น เราก็เป็นเพื่อนสนิทกัน ผมไปเจอเขาเวลาเขามา นิว ยอร์ค หรือ แอลเอ ผมไปหาเขาและทีมเวลาพวกเขามาทัวร์สหรัฐอเมริกา เขาเป็นเพื่อนที่ดีมาก"
สุดท้าย เมื่อถูกถามว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีความหมายต่อตัวเขาอย่างไร ..
"มันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตคุณ ผมยังคงตื่นเต้นเสมอเมื่อมาชมเกมที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด มันเป็นวิถีชีวิต แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผูกพันกับคุณตั้งแต่ยังเด็ก ผมชอบเล่นฟุตบอลตอนยังเด็ก มันเป็นกีฬาที่สนุกที่สุดในโลก มันอาจเป็นเกมที่โหดร้ายที่สุด แต่นั่นแหละทำให้ฟุตบอลยิ่งใหญ่ ... มันไม่มีวันหยุด"
"แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับแนวทางที่พวกเขาเล่น พวกเขาไม่เคยมีความกลัว เล่นฟุตบอลเอนเตอร์เทน พวกเขาคือภาพยนตร์ที่อลังการที่สุด!"
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา