เมื่อวานนี้โพสต์เรื่อง เอลวิส เพรสลีย์ มีคนถามว่าทำไมผมไม่เขียนถึง สุรพล สมบัติเจริญ บ้าง เพราะสองคนนี้ตายในวันที่ 16 สิงหาคมเหมือนกัน สุรพลตายก่อนเก้าปี
ความจริงผมเขียนเรื่องเกี่ยวกับ สุรพล สมบัติเจริญ มากแล้ว โดยเฉพาะในนวนิยาย ฆาตกรรมจักรราศี มีรายละเอียดของ สุรพล สมบัติเจริญ ยิบ (รวมทั้ง ศรคีรี ศรีประจวบ อีกคน)
ไม่เพียงเล่าเรื่องของเขา ยังนำวันเดือนปีเกิดของเขาไปผูกดวงยูเรเนียน เพื่อจะเขียนเป็นนวนิยาย
มาว่ากันที่เรื่องจริงก่อน
สุรพล สมบัติเจริญ ชื่อเดิมว่า ลำดวน สมบัติเจริญ (จุดนี้ไม่เกี่ยวกับตัวละครสารวัตรสามิตชื่อเดิมว่าลำดวน) เกิดปี พ.ศ. 2473 ที่จังหวัดสุพรรณบุรี บิดารับราชการอยู่แผนกสรรพากรจังหวัด สุรพลเป็นลูกชายคนที่สอง หลังจบชั้นประถมจากโรงเรียนประสาทวิทย์ ก็เรียนที่กรรณสูตศึกษาลัยจนจบชั้นมัธยมปีที่ 6
สุรพล สมบัติเจริญ รักการร้องเพลงมาก ตั้งแต่เด็กสุรพลหลงใหลน้ำเสียงของ เบญจมินทร์ ราชาเพลงรำวง เป็นอย่างมาก แต่บิดาต้องการให้เขาเป็นช่าง เมื่อเรียนจบที่สุพรรณบุรี ก็ส่งสุรพลไปเรียนต่อที่วิทยาลัยช่างก่อสร้างอุเทนถวาย แต่เขาเรียนได้เพียงปีครึ่ง ก็ลาออกด้วยใจไม่รัก
สุรพลสมัครเป็นครูสอนหนังสือที่โรงเรียนจีนชื่อ สุพรรณกงลิเสียเสี้ยว อีกครั้งสอนอยู่ได้แค่ครึ่งปีก็ลาออก สมัครเป็นทหารที่โรงเรียนนักเรียนจ่าทหารเรือ
คืนหนึ่ง สุรพลกับเพื่อนหลบยามรักษาการณ์ ปีนกำแพง ว่าจ้างเรือแจวข้ามฟากที่ท่าช้าง เพื่อไปเที่ยวบ่อนการพนันที่ใหญ่ในยุคนั้น โชคไม่ดีคืนนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยกกำลังบุกบ่อน จับนักพนันจำนวนมาก รวมทั้งสุรพลด้วย เขาถูกตัดสินให้มีความผิดทางวินัยทหารสามกระทง
เขาถูกขังที่ 'สมอแดง' ซึ่งเป็นที่คุมขังนักโทษทหารเรือนาน 45 วัน ที่นี่เองเขากลายเป็น 'นักร้อง' โดยร้องเพลงกล่อมทหารจนกว่าทุกคนจะหลับหมด ตนเองจึงจะนอนได้
หลังจากใช้ชีวิตทหารเรือนานสองปี เขาเปลี่ยนไปทำงานในตำแหน่งคนงานที่กองทัพอากาศ รับค่าแรงรายวัน วันละ 12 บาท เปลี่ยนชื่อจาก 'ลำดวน' เป็น 'สุรพล' และที่กองทัพอากาศนี่เองที่สุรพลมีโอกาสได้ร้องเพลงเป็นเรื่องเป็นราว
ในงานสังสรรค์ของกองทัพอากาศครั้งหนึ่ง สุรพลแสดงฝีมือการร้องเพลงด้วยน้ำเสียงกังวานไพเราะ ส่งผลให้ได้รับการย้ายเข้าไปประจำกองดุริยางค์ทหารอากาศ และได้ร้องเพลงเป็นประจำ
สุรพลชนะการประกวดร้องเพลงลูกทุ่งครั้งแรกของเมืองไทยที่วัดสนามชัย อำเภอดำเนินสะดวก ราชบุรี ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2509 ต่อมาก็ชนะการประกวดร้องเพลงมากมาย จนได้รับขนานนามว่า ราชาเพลงลูกทุ่ง
พยงค์ มุกดา เป็นคนหนึ่งที่แนะนำให้ สุรพล สมบัติเจริญ ตั้งวงดนตรีของเขาเอง เนื่องจากเห็นว่าเขามีสไตล์การร้องที่มีเอกลักษณ์ ต่อมาสุรพลมีโอกาสพบกับ ก้าน แก้วสุพรรณ และ ผ่องศรี วรนุช และชวนกันตั้งวงดนตรีด้วยกัน
นายห้าง ต. เง็กชวน ชักชวนให้ สุรพล สมบัติเจริญ บันทึกแผ่นเสียงเป็นครั้งแรก โดยนายห้างอารยะโอสถตรามือให้ความสนับสนุนด้านทุน เขาบันทึกเพลงครั้งแรกชื่อ น้ำตาลาวเวียง ในปี พ.ศ. 2496 แต่ไม่เป็นที่รู้จักกันนัก อย่างไรก็ตาม ชื่อเสียงของ สุรพล สมบัติเจริญ ก็โด่งดังมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อร้องเพลง ชูชกสองกุมาร คู่กับเด็กชายจ้อย (ไม่ทราบชื่อจริง) และเป็นที่รู้จักกว้างขวางจากเพลง โดดร่ม, พระรามตามกวาง, คำเตือนเพื่อนชาย, ลืมไม่ลง, แซซี้อ้ายลื้อเจ็กนั้ง, น้ำตาจ่าโท
เมื่อมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมากขึ้น เขามีโอกาสร้องเพลงกับวงดนตรีต่าง ๆ เช่น วงแมมโบ้ร็อค ของ เจือ รังแรงจิตร วงบางกอกชะชะช่า ของ ชุติมา สุวรรณรัตน์ และ สมพงษ์ วงษ์รักไทย และวงชุมนุมศิลปิน ของ จำรัส วิภาตะวัต
สุรพล สมบัติเจริญ เป็นนักร้อง นักแต่งเพลง เป็นผู้บุกเบิกเพลงประเภทโต้แก้กัน เช่น เพลง ลืมไม่ลง และ ไหนว่าไม่ลืม ซึ่งเขาแต่งให้ ผ่องศรี วรนุช ร้อง รวมไปถึงเพลง หนาวจะตายอยู่แล้ว กับ หนาวนี้พี่ตายแน่ ฯลฯ
ก้าน แก้วสุพรรณ เล่าว่า เอกลักษณ์ของ สุรพล สมบัติเจริญ คือการร้องเพลงและยักคิ้วหลิ่วตากับแฟนเพลง ก้านบอกว่า จุดเด่นของวงสุรพลอีกอย่างคือ การแสดงละครเพลงหน้าเวที ซึ่งเรียกเสียงหัวเราะและน้ำตาจากแฟนเพลงได้มาก เมื่ออยู่หน้าเวที สุรพลห้ามลูกศิษย์นำเพลงของคนอื่นมาร้องเด็ดขาด จะต้องร้องเพลงที่สุรพลแต่งให้เท่านั้น
ผ่องศรี วรนุช เล่าว่า ทั้งวงดนตรีรักกันเหมือนพี่เหมือนน้อง พวกเขาเรียก สุรพล สมบัติเจริญ ว่า 'เจ้ายาว' เรียกผ่องศรีว่า 'อีแป้น' และเรียก ก้าน แก้วสุพรรณ ว่า 'ไอ้เฒ่า'
สุรพล สมบัติเจริญ เป็นคนสนุก ร่าเริง แต่จริงจังกับงานมาก เป็นคนรักครอบครัว เหล้าไม่ดื่ม ชอบดื่มโอเลี้ยง สูบบุหรี่ยี่ห้อเกล็ดทอง และชอบเล่นบิลเลียดเป็นชีวิตจิตใจ
กังวาลไพร ลูกเพชร ลูกศิษย์คนหนึ่งของ สุรพล สมบัติเจริญ เล่าว่า ครูสุรพลเป็นคนพูดน้อย มีระเบียบวินัย เพราะเคยเป็นทหาร แต่ไม่ใช่คนเจ้ายศเจ้าอย่าง วงสุรพล สมบัติเจริญ ไปแสดงที่ไหนก็ตามจะตรงต่อเวลา ห้ามไปไม่ทัน ถ้าผิดระเบียบจะต้องถูกสั่งพัก ไปไหนไปด้วยกัน ไม่ทิ้งลูกน้อง เวลาแสดงบนเวที ผู้แสดงต้องรวมตัวกันเป็นกลุ่ม ถ้าใครทำตัวออกห่างกลุ่มไปสร้างจุดเด่นอยู่คนเดียว ครูจะเรียกไปดุทันที
สุรพล สมบัติเจริญ สร้างนักร้องหน้าใหม่ในวงการมากมาย เช่น ไพรวัลย์ ลูกเพชร, กังวาลไพร ลูกเพชร, ยงยุทธ เชี่ยวชาญชัย, ละอองดาว-สกาวเดือน
ยงยุทธ เชี่ยวชาญชัย เป็นนักร้อง เคยเป็นพลทหาร สังกัดกองทัพอากาศ เป็นเพื่อนกับ สุรพล สมบัติเจริญ สุรพลเป็นผู้ชักชวนเข้าสู่วงการเพลง"
ส่วนละอองดาว-สกาวเดือน เป็นฝาแฝด ชื่อจริงว่า จำปีกับจำปา โสธรบุญ ส่วนชื่อ ละอองดาวและสกาวเดือน นี้ สุรพล สมบัติเจริญ เป็นคนตั้งให้ สองคนนี้เคยร้องเพลงตามงานวัดต่าง ๆ เข้ากรุงเทพฯสมัครเข้าวง สุรพล สมบัติเจริญ ครูสุรพลรับไว้เป็นลูกบุญธรรม เขียนเพลงชื่อ เด็กท้องนา ให้ร้อง เพลงแรกก็ดังเลย นับว่าเป็นนักร้องลูกทุ่งแฝดคู่แรกของเมืองไทย เพลงอื่น ๆ ก็มี สาวนครชัยศรี สาวท่ายาง สอนน้อง คอยเธอ
การรับนักร้องเข้าวง สุรพล สมบัติเจริญ มักห้ามการร้องแนวเสียงของตน โดยบอกว่า แล้วจะดังได้อย่างไร ถ้าร้องแนวเสียงของเขา นักร้องยุคนั้นจึงมีแนวเสียงต่างกัน
สุรพล สมบัติเจริญ ถูกลอบยิงเสียชีวิตขณะร้องเพลงอยู่ที่วิกแสงจันทร์ หน้าวัดหนองปลาไหล กำแพงแสน นครปฐม คืนวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2511
สิบหกปีแห่งความหลัง เป็นเพลงสุดท้ายของเขา...
ที่เล่ามาคือเรื่องจริง คราวนี้มาว่าเรื่องแต่ง
ในนวนิยาย ฆาตกรรมจักรราศี นักสืบพุ่มรัก พานสิงห์ ไปพบนักโหราศาสตร์ยูเรเนียนซึ่งช่วยคำนวณดวงของ สุรพล สมบัติเจริญ เพื่อประกอบการสืบคดี
ตรงนี้ขอบอกก่อนว่าผมไม่เชื่อเรื่องยูเรเนียน แต่เขียนเรื่องนี้เพราะมันเป็น 'ดีไซน์' ของคดีนี้ ผมจึงขอให้น้องชายที่เคยศึกษาศาสตร์ยูเรเนียนคำนวณให้
ใน ฆาตกรรมจักรราศี หมอดูยูเรเนียนบอกพุ่มรักว่า "สุรพล สมบัติเจริญ ชาตะ 25 กันยายน 2473 ที่จังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อกี้ผมลองคำนวณเวลาตกฟากจากเหตุการณ์สำคัญในชีวิต พบเวลาเกิดของเขาคือ 11:01 น. ดวงของ สุรพล สมบัติเจริญ ดีมาก อาทิตย์คือเจ้าชะตาชาย ทำมุม 45 องศากับศุกร์ แบบดาวโดดในมุมแรง ซึ่งเป็นดาวที่มีอิทธิพลสูงต่อเจ้าชะตา แสดงให้เห็นว่าเจ้าชะตาเป็นคนมีเสน่ห์มหานิยม มีอารมณ์ศิลปินสูง มักเกี่ยวข้องกับความรัก นอกจากนี้ อาทิตย์ยังทำมุม 90 องศา ศูนย์รังสีดาวพฤหัสกับวัลคานุส โดยพื้นฐานเป็นคนที่มีโชคมหาศาล มีอำนาจการเงินมาก ถือได้ว่าเจ้าชะตามีวาสนาสูง ชอบการเปลี่ยนแปลง ทำสิ่งใหม่ ๆ ที่ท้าทาย นี่เป็นผลจากศูนย์รังสี พลูโต และวัลคานุส...
"เมอริเดียน ตัวตน-สัญชาตญาณ หรือสิ่งที่เป็นอยู่ภายในของเจ้าชะตา ทำมุมกับศูนย์รังสีศุกร์กับฮาเดส จันทร์กับพฤหัส เป็นที่นิยมของมวลชน และทำมุมกับศูนย์รังสีพุธ-คิวปิโด แปลว่าเป็นนักร้อง นักดนตรี ที่ยิ่งใหญ่ เพราะทำมุมกับวัลคานุส...
"เป็นที่น่าสังเกตคือ เมอริเดียนทำมุมกับศูนย์รังสีอังคาร-ซูส ซึ่งหมายความถึงอาวุธปืน พลังสร้างสรรค์ และการทหาร"
พุ่มรักว่า "ตามประวัติครูสุรพลเป็นทหารตอนหนุ่ม"
"งั้นก็ถูกแล้ว มีความเกี่ยวข้องกับทั้งสามประการ คือมีความเป็นทหารในวัยหนุ่ม มีพลังสร้างสรรค์งานดนตรีที่เปลี่ยนแปลงวงการ และจบชีวิตด้วยอาวุธปืน...
"เมื่อดูโดยภาพรวม สิ่งที่เป็นสัญชาตญาณและตัวตนภายนอกแสดงออกมามักตรงกับใจ คือจันทร์ และโดยพื้นฐานของดวงชะตา จะเป็นที่รักของประชาชน มีโชคในหมู่คณะ คือศูนย์รังสีพฤหัส-คิวปิโด มีความเป็นครูในตนเอง คือศูนย์รังสีเสาร์-อาพอลลอน มีอิทธิพลทางปัญญา คือศูนย์รังสีวัลคานุส-โพไซดอน มีแนวโน้มติดสิ่งเสพติดชนิดหนึ่ง คือศูนย์รังสีเนปจูน-ฮาเดส ที่เป็นน้ำหรือควันบุหรี่..."
"ตามประวัติครูสุรพลชอบสูบบุหรี่เกล็ดทองมาก"
"ทีนี้มาถึงสาเหตุของการตาย ตำแหน่งนั้นคือ เมอริเดียนทำมุมกับมฤตยูและซูส หมายถึงการถูกยิง การระเบิดจากไฟ และศูนย์รังสีอังคาร-ซูส... อ้อ! คุณว่าเขาตายเมื่อไหร่นะ?"
พุ่มรักตอบว่า "16 สิงหาคม 2511"
อาจารย์ทศขยับคีย์บอร์ด
"ในวันนั้นศูนย์รังสีเสาร์-ซูสจรทำมุม 90 องศากับอาทิตย์กำเนิดของเจ้าชะตา ศูนย์รังสีเสาร์-ซูสหมายถึงการถูกยิง ศูนย์รังสีเสาร์-วัลคานุส และอังคาร-เนปจูน ต่างทำมุมเล็ง 45 และมุมเล็ง อันหมายถึงอุปสรรค การกำจัด การทำลายล้าง...
"เมื่อพิจารณาตามโค้งสุริยยาตร์ของคุณสุรพล อายุตามโค้งโหราศาสตร์ คือ 37 องศา 33 ลิปดา อาทิตย์ในวัย 37 ปีทำมุมสนิทกับซูส หมายถึงมีเรื่องเกี่ยวกับฟืนไฟ ปืนผาหน้าไม้ต่าง ๆ และทำมุมแรงกับดาวพุธ หมายความว่าเป็นช่วงที่เขากำลังดัง ที่น่าสนใจคือ มันทำมุมกับศูนย์รังสีซูส-โครโนส อันหมายถึงการบัญชาการใหญ่ มหาเพลิง หรือจะแปลว่า คำสั่งฆ่าก็ได้ ตบท้ายด้วยตำแหน่งศูนย์รังสีเนปจูน-มฤตยู หมายความได้อย่างเดียวว่า ต้องถึงแก่ความตาย...
"ทีนี้ยังมีอาทิตย์กำเนิดเทียบกับวัยจร 37 องศา 33 ลิปดา พบว่า ดาวฮาเดสโคจรมาทำมุมสนิท 45 องศา และดาวแอตเมตอสก็มาทำมุมในลักษณะดาวโดด ทั้งคู่เพิ่มดีกรีความแรงของความอึดอัด ความเศร้า ความเกลียดชัง และที่ร้ายสุดคือ ศูนย์รังสีเสาร์-มฤตยู คือการพลัดพรากอย่างฉับพลัน การถึงแก่กรรม...
"จะสังเกตได้ว่ามีความสัมพันธ์สลับกันไปมาอย่างน่าประหลาดใจ ตามหลักยูเรเนียน ยิ่งมีตำแหน่งสัมพันธ์สลับกันในลักษณะเรื่องเดียวกัน ยิ่งตอกย้ำว่าเหตุการณ์นั้น กำลังจะเกิดขึ้นในรอบปีนั้น...
"ทีนี้มาดูที่วันจุดระเบิด 16 สิงหาคม 2511 โดยดูตำแหน่งสลับระหว่างดาวจรกับพื้นดวงกำเนิด อาทิตย์จรในวันนั้นทำมุมกับศูนย์รังสีฮาเดส-แอตเมตอส กำเนิดอย่างเหลือเชื่อ อืม! ในดวงจรสุริยยาตร์ก็เป็นตำแหน่งนี้ ทั้งที่เป็นการพิจารณาคนละวง ที่สำคัญทำมุมกับศูนย์รังสีเสาร์-มฤตยู กำเนิด อันหมายถึง ความตาย..."
อาจารย์ทศครางเบา ๆ "ไม่น่าเชื่อจริง ๆ"
"อะไรครับ?"
"ในคืนวันนั้น ตำแหน่งจุดอิทธิพลคือ อังคาร+เสาร์-ซูส ทำมุมสนิทกับเมอริเดียนกำเนิดของเขา จุดอิทธิพล อังคาร-เสาร์-ซูส แปลตรงตัวว่า การเสียชีวิตด้วยการถูกลอบยิง"