Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เรื่องแต่ง มหาสนุก
•
ติดตาม
26 มี.ค. 2021 เวลา 14:16 • นิยาย เรื่องสั้น
เรื่อง “ศึกมหาเทพเจ้าพิชิตฟ้า”
ตอนที่ 7
จินเป่าและหลานซูหนิงเดินทางมาเรื่อยๆ
จนมาถึงหุบเขาแห่งหนึ่ง ที่มีอักษรสลักชื่อไว้บนหน้าผาว่า “หุบเขาอมตะ”
หลานซูหนิงจึงถามไปยังจินเป่าว่า
เราจะเข้าไปจริงๆนะหรอ...
จินเป่าจึงตอบว่า แน่นอนอยู่แล้ว...
การที่เราจะไปตระกูลฟงยังไงก็ต้องผ่านเส้นทางนี้อยู่แล้ว รีบไปกันเถอะ...
ทั้งคู่จึงได้เดินเข้ามาในหุขเขา บรรยากาศโดยรอบของหุบเขานั้นเต็มไปด้วยไอเย็นและหมอกที่ลงจัดมากจนแทบจะมองไม่เห็น ทั้งคู่เดินมาเรื่อยๆจนทะลุหมอกออกมาได้...เมื่อเข้ามาถึงทั้งคู่ก็ต้องยืนอึ้ง!!!
กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
เพราะมันคือ...“ตำหนักขนาดใหญ่”
ในขณะที่พวกเขากำลังยืนอึ้งอยู่นั้นจู่ๆก็มีชายประมาณ10คนค่อยๆเดินลงมาจากตำหนักอย่างช้าๆจนทั้ง10คนมายืนอยู่ตรงด้านหน้าของพวกเขา
แต่ทั้ง10 คนนี้กลับไม่พูดอะไรเลยต่างพากันทำหน้านิ่งไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆราวกับว่าพวกเขาไม่มีวิญญาณอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว
แต่ในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังคิดอยู่ว่าทำไมพวกเขาทั้ง10 คนถึงไม่พูดไม่จาเลย...
จู่ๆชายทั้ง10 คนก็ขยับร่างกายและพุ่งเข้ามาทำร้ายจินเป่าและหลานซูหนิงในทันที
ทั้งคู่ต่างชักกระบี่แล้วเข้าฟาดฟัน...
แต่ดูเหมือนว่ากระบี่จะใช้ทำอะไรกับพวกเขาไม่ได้ผลเลย ทำให้หลานซูหนิงจึงต้องหยิบอาวุธประจำกายของเขาออกมา...
นั่นก็คือ “ขลุ่ยหยกคีรี”
หลานซูหนิงจึงได้เริ่มเป่าขลุ่ย...
เมื่อเสียงขลุ่ยดังขึ้น ทั่วอาณาบริเวณก็เงียบสงัด ชายทั้ง10 คนก็เกิดคลุ้มคลั่งขึ้นคล้ายจะอยู่ในอาการที่ไม่รู้ว่าจะฟังคำสั่งจากใคร?...
แต่จู่ๆชายทั้ง10 คนก็ล้มลงและสลบไป
ราวกับว่าไม่ได้ถูกควบคุมแล้ว
ทันใดนั้นเองก็มีซุ่มเสียงหนึ่งดังขึ้นมาว่า
“เร้นกายจากยุทธภพไม่ผ่านพบผู้ใด”
“อาศัยในหุบเขาอมตะมีชีวิตที่เป็นนิรันดร์”
นี่มันกี่ร้อยปีกันแล้วเนี่ยที่หุบเขาอมตะ
ไม่มีแขกมาเยี่ยมเยียนวันนี้ไฉนจึงได้มี
จอมยุทธน้อยทั้งสองเดินทางมาถึงที่นี่
ซุ่มเสียงนั้นปรากฏเป็นหญิงผู้หนึ่งที่อยู่ในวัยสาวรูปโฉมงดงาม ราวเทพธิดา
หญิงนางนี้คือ “แม่เฒ่าเทียนซาน”
เจ้าของหุบเขาอมตะแห่งนี้
จินเป่าจึงพูดขึ้นว่า จอมยุทธน้อยอะไรกัน!!
ดูไปดูมาแล้วพวกเราตัวโตกว่าเจ้าเสียอีก...
แม่เฒ่าเทียนซานจึงหัวเราะขึ้น ฮ่าๆๆๆ
แล้วพูดว่า โตกว่างั้นหรืออย่างพวกเจ้านะเป็นเหลนศิษย์ของข้าด้วยซ้ำไป...
อีกอย่างเหล่าประมุขและอาจารย์ทั้งหลายของพวกเจ้าอย่างน้อยก็น่าจะเป็น
หลานศิษย์เช่นกัน...หรือเจ้าว่าไม่ใช่ล่ะ
จินเป่าจึงตอบกลับไปว่า นี่...เจ้า!!!
เจ้าลบหลู่พวกเรา พวกเรา ย่อมไม่ถือสาแต่เจ้าลบหลู่ประมุขและอาจารย์ของพวกเราเราไม่ถือสา คงจะไม่ได้แล้ว
แม่เฒ่าเทียนซานจึงหัวเราะ ด้วยความชอบใจ ฮ่าๆๆๆ เอาเถอะเอาเถอะจะถือสาหรือไม่ถือสาก็ช่างมันเถอะ ว่าแต่ว่าพวกเจ้าเดินทางไกลมาที่หุบเขาอมตะด้วยเหตุอันใดคงจะไม่ได้มาเพื่อเดินเล่นหรอกมั้ง
หลานซูหนิงจึงตอบว่า พวกเราจะเดินทางไปยังตระกูลฟงจึงต้องผ่านเส้นทางนี้
ขอความกรุณาเปิดทางให้เราด้วย
แม่เฒ่าเทียนซานจึงพูดขึ้นว่า ไม่มีปัญหา แต่ว่าจะต้องดูความสามารถของพวกเจ้าก่อนว่าจะสามารถ เอาชนะข้าได้หรือเปล่า
ทันใดนั้นแม่เฒ่าเทียนซานก็ขว้างเข็มที่ร้อยด้วยเส้นด้ายพุ่งไปเสียบเข้าบริเวณท้ายทอยของชายทั้ง 10 คนหลังจากนั้นจึงร่ายคาถาเพื่อปลุกชายทั้ง 10 คนนั้นให้ตื่นขึ้นมาเมื่อชายทั้ง 10 คนฟื้นขึ้นมาพวกเขาจึงถูกควบคุมโดยแม่เฒ่าเทียนซานโดยผ่านเส้นด้าย...
แม่เฒ่าเทียนซานจึงควบคุมชายทั้ง 10 คนพุ่งเข้าไปล้อมตัวของจินเป่าและหลานซูหนิงเอาไว้ จินเป่าที่เห็นดังนั้นก็รู้ว่าหากใช้กระบี่คงจะไม่ได้ผลเขาจึงหยิบแผ่นยันต์ออกมาแล้วติดตามตัวของชายทั้ง 10 คนเอาไว้หลังจากนั้นก็พาหลานซูหนิงเหาะลอยขึ้นไปบนกลางอากาศ...
แล้วสั่งให้ยันต์ที่ติดตามตัวของชายทั้ง 10 คนระเบิดในทันทีชายทั้ง 10 คนต่างถูกระเบิดจนร่างกายแหลกเหลวชิ้นส่วนกระจัดกระจาย แต่ทว่าแม่เฒ่าเทียนซานก็ใช้วิชาบางอย่างสร้างม่านพลังปกคลุมขึ้นทำให้จินเป่าและหลานซูหนิงที่กำลังลอยอยู่ร่วงลงมาอยู่ที่พื้นและถูกขังด้วย
ม่านพลัง...
จินเป่าจึงฟาดฝ่ามือใส่ม่านพลังแต่กลับถูกม่านพลังกระแทกกลับมา สถานการณ์เริ่มวิตกกังวลมากยิ่งขึ้นแต่หลานซูหนิงก็ยังคงใจเย็นและสุขุม หลานซูหนิงจึงนึกขึ้นได้ว่า
ประมุขหลานเคยสอนยอดวิชาหนึ่งให้ซึ่งเป็นวิชาที่ใช้สำหรับทำลายม่านพลัง
มันคือวิชา “เสียงหยกพิริณ”
ว่าแล้วหลานซูหนิงจึงหยิบขลุ่ยหยกคีรี
ออกมาแล้วเป่าในท่วงทำนองวิชา
“เสียงหยกพิรุณ” เสียงขลุ่ยที่ดังขึ้นก็ค่อยๆเริ่มดังก้องกังวานอานุภาพจากเสียงเริ่มกระทบกับม่านพลังอย่างช้าๆและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆจนในที่สุดม่านพลังก็สลายตัวลง
แม่เฒ่าเทียนซานจึงพูดขึ้นว่า
ไม่เบาเลยนี่พวกเจ้าสมแล้วที่เป็นคนของตระกูลจินและตระกูลหลาน เอาล่ะเข้ามาก่อนสิ...จินเป่าและหลานซูหนิงก็ทำหน้างงๆแล้วเดินเข้ามา!!
แม่เฒ่าเทียนซานจึงพูดขึ้นว่า
ที่ข้าบอกว่าพวกเจ้าคือเหลนส่วนอาจารย์ของพวกเจ้าคือหลานศิษย์นั้นมิใช่การลบหลู่ แต่มันคือเรื่องจริงพวกเจ้าเห็นข้าที่อยู่ในวัยสาวเช่นนี้คงนึกไม่ถึงว่าตอนนี้ข้านะอายุ 108 ปีแล้ว...
จินเป่าตกใจอย่างมากจึงตระโกนออกมาว่า
อะไรนะ!!! 108 ปี งั้นหรือ...ไม่จริงใช่ไหมม
แม่เฒ่าเทียนซานจึงพูดต่อไปว่า
เดิมทีข้านั้น ออกท่องยุทธภพตั้งแต่เล็กจนระเหเร่ร่อนมาถึงหุบเขาอมตะข้าจึงได้มาลงหลักปักฐานอยู่ที่นี่ และด้วยความบังเอิญ จึงได้รู้ถึงความลับของหมอกในหุบเขาแห่งนี้ข้าใช้เวลาทุ่มเทกว่า 20 ปีจึงคิดค้นยอดวิชาที่ทำงานสัมพันธ์กับหมอกนี้ออกมาได้
มันก็คือยอดวิชา “สตรีบุปผานิรันดร์”
วิชานี้นั้นข้าเริ่มฝึกตอนอายุ70ปี
ข้าฝึกวิชานี้โดยอาศัยหมอกในหุบเขานี้ยังไงล่ะหมอกนี่มีคุณสมบัติในการช่วยย่นระยะเวลาในการเจริญเติบโตของมนุษย์เราได้ข้าใช้เวลาฝึกอยู่ประมาณ12ปีจนที่สุดก็สำเร็จวิชานี้ มันจึงทำให้ข้ากลายร่างมาเป็นหญิงสาวรูปโฉมงดงามดังที่พวกเจ้าเห็นอยู่นี้ไงล่ะ...
แต่ทว่าบนโลกใบนี้ไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบวิชายุทธก็เช่นกันภายหลังจากที่ข้าสำเร็จวิชานี้ไปได้ 1 ปีจึงได้รู้ว่าวิชานี้มันมีข้อบกพร่อง นั่นก็คือในทุกๆ 1 ปีข้าจะต้องคืนร่างกลับไปเป็นในร่างของคนชราอีกครั้งแถมพลังยุทธก็จะถดถอยลงมาครึ่งนึง
นี่แหละจึงเป็นข้อบกพร่องของวิชานี้
หากต้องการกลับไปเป็นในร่างหญิงสาวผู้งดงามเช่นเดิมก็จะต้องนั่งเดินพลังลมปราณเป็นเวลาถึง 7 วัน 7 คืนหากสามารถผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ก็จะสามารถกลับไปเป็นหญิงสาวผู้งดงามได้อีก
ดังนั้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา ข้าก็จะต้องทำแบบนี้ในทุกๆ 1 ปี ปีนี้เองก็เช่นกัน
จินเป่าจึงพูดขึ้นว่า ที่แท้เรื่องราวทั้งหมดทั้งมวลก็เป็นเช่นนี้นี่เองงั้นผู้น้อยทั้งสองก็ต้องขอกราบอภัยต่อท่านอาวุโสอย่างยิ่งที่ได้ล่วงเกินไปหลายครา...
แม่เฒ่าเทียนซานจึงพูดขึ้นว่า
ช่างเถอะ!ช่างเถอะ!ข้าไม่ถือสาหรอก
ว่าแต่พวกเจ้าจะเดินทางไปที่...
ตระกูลฟงด้วยเหตุอันใด
จินเป่าจึงได้เล่าเรื่องราวต่างๆและที่ไปที่มา ให้กับแม่เฒ่าเทียนซานได้ฟัง
แม่เฒ่าเทียนซานจึงพูดขึ้นว่า
ที่แท้ต้นสายปลายเหตุก็มาจาก
ไข่มุกสวรรค์นี่เองพูดถึงไข่มุกสวรรค์นอกจาก 4 ตระกูลใหญ่ที่ดูแลแล้ว
ก็มีไข่มุกสวรรค์ที่ได้จากปีศาจอสรพิษ และไข่มุกสวรรค์อีกลูก ก็น่าจะอยู่ในมือของตระกูลฟงแล้วเท่ากับว่าตอนนี้ไข่มุกสวรรค์ปรากฏแล้ว 6 ลูก...
ยังเหลืออีก 3 ลูกที่ยังไม่ได้ปรากฏ ข้าไม่รู้หรอกว่าไข่มุกสวรรค์ลูกที่ 8 และ 9 ที่เหลือน่ะอยู่ที่ไหน แต่ลูกที่ 7 ข้ารู้ว่ามันอยู่ที่ไหน
จินเป่าจึงรีบถามในทันว่า มันอยู่ที่ไหนหรือ!
แม่เฒ่าเทียนซานจึงหัวเราะขึ้น ฮ่าๆๆๆ
ก็อยู่ที่ข้านี่ยังไงล่ะ...ตอนแรกที่ข้าเดินทางมาถึงหุบเขาอมตะ ก็พบมันลอยอยู่ ใจกลางหุบเขานี่แหละ
เอาเถอะ!เอาเถอะ! เลิกพูดเรื่องนี้กันก่อนเถอะยังไงพวกเจ้าก็จะเดินทางไปยัง
ตระกูลฟงสิน่ะแต่ดูจากฝีมือของพวกเจ้าตอนนี้อาจจะยังไม่สามารถเอาชนะ
ฝ่ามือยมทูต ฟงเล่าเจี้ยนได้หรอก...
หลานซูหนิงจึงพูดขึ้นว่า
งั้นก็ท่านผู้อาวุโสได้โปรดชี้แนะให้พวกเราด้วย... แม่เฒ่าเทียนซานจึงพูดว่า
เห็นแก่อาจารย์ของพวกเจ้าข้าจะสอน
วิธีการจับภูติรับใช้ให้ก็แล้วกันเผื่อจะเป็นประโยชน์กับพวกเจ้า เอาล่ะตามข้ามา!!
หลานซูหนิงและจินเป่าจึงรีบเดินตามไป
เมื่อไปถึงพวกเขาก็พบเข้ากลับ
“หลุมดำขนาดใหญ่”
หลานซูหนิงจึงถามว่า
นี่มันหลุมอะไรหรือขอรับ...
แม่เฒ่าเทียนจึงตอบว่า
มันคือหลุมกักเก็บเหล่าภูติผีปีศาจและอสูรต่างๆยังไงล่ะ
ในช่วงแรกที่ข้าออกท่องยุทธภพก็ได้จับเหล่าภูตผีปีศาจเหล่านี้ติดตัวมาตลอด
จนได้มาถึงหุบเขาอมตะ จึงได้สร้างหลุมดำนี่ขึ้นแล้วนำพวกมันทั้งหมดมาขังไว้
ณ ที่แห่งนี้...
เอาล่ะรีบตามเข้ามา...
ว่าแล้วแม่เฒ่าเทียนซานก็กระโดดลงไปในหลุมดำแห่งนั้น จินเป่าและหลานซูหนิง
ที่เห็นดังนั้น ก็กระโดดตามลงไปด้วย
เมื่อลงไปถึงพวกเขาก็พบกับเหล่าภูติผีปีศาจและอสูรจำนวนมาก
แม่เฒ่าเทียนซานไม่รอช้ากระโดดขึ้นไปแล้วฟาดพลังใส่ปีศาจตนหนึ่ง แล้วเขียนยันต์ลงบนกระดาษหลังจากนั้นก็นำไปติดที่หัวของมันหลังจากนั้นจึงร่ายคาถา สุดท้ายจึงนำถุงวิญญาณดูดมันเข้ามาเก็บไว้
เมื่อต้องการเรียกใช้มันก็แค่ใช้เลือดเขียนยันต์แล้วเรียกมันออกมา...
หลังจากนั้นแม่เฒ่าเทียนซานก็กระโดดเหาะลอยออกมาจากหลุมดำ
แล้วพูดทิ้งท้ายไว้ว่า เมื่อพวกเจ้าได้ภูติรับใช้แล้วพวกเจ้าก็จะออกมาได้เอง
...3วันผ่านไป...
ในที่สุดทั้งคู่ก็สามารถออกมาได้ แต่ทว่า
ทั้งคู่ต่างอยู่ในสภาพสะบักสะบอม
อิดโรยอย่างมาก แม่เฒ่าเทียนซานจึงรีบให้ทั้งคู่ไปนอนพักผ่อนในทันที...
เมื่อทั้งคู่อาการดีขึ้นแล้วก็รีบพากันมาขอบคุณแม่เฒ่าเทียนซานในทันที
แต่ทว่าแม่เฒ่าเทียนซานกลับอยู่ในสภาพอิดโรยและอ่อนแรงผมก็เริ่มเปลี่ยนเป็น
สีขาว ผิวหนังก็เริ่มเหี่ยวย่น พลังยุทธถดถอย แม่เฒ่าเทียนจึงพูดขึ้นว่า
รีบพาข้าไปห้องทำสมาธิเร็วเข้า...
เมื่อไปถึงห้องทำสมาธิ แม่เฒ่าเทียนซาน
จึงเริ่มนั่งเดินพลังลมปราณในทันที
แล้วสั่งให้จินเป่าและหลานซูหนิง
คอยดูบริเวณภายนอกให้ด้วย
7 วัน 7 คืน หลังจากนี้ห้ามใครรบกวนโดยเด็ดขาดมิเช่นนั้น จะถูกธาตุไฟเข้าแทรก
อาจจะทำให้ถึงตายได้...
จินเป่าและหลานซูหนิงต่างดูแลบริเวณโดยรอบ เป็นอย่างดี จนเวลาล่วงเลยมาจนถึง
6 วัน 6 คืนซึ่งเหลืออีกเพียง 1 วัน 1 คืนที่
แม่เฒ่าเทียนซานจะสามารถกลับมาอยู่ในร่างเดิมได้อีกครั้ง...
แต่ทว่าในวันสุดท้ายนี้ก็ได้เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นจนได้ เมื่อไป๋หลงได้พาศิษย์ตระกูลฟงบุกเข้ามาในหุบอมตะ
จินเป่าจึงถามไปว่า นี่เจ้าเป็นใครบุกเข้ามาที่นี่ด้วยเหตุอันใด...
ไป๋หลงจึงตอบว่า พวกข้ามาจากตระกูลฟง
ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็ส่งมอบไข่มุกสวรรค์ออกมา จะหาว่าเราไม่เตือน!!!
จินเป่าจึงตอบว่า แบบนี้ก็ดีนะสิไม่ต้องไปถึงตระกูลฟงแต่พวกเจ้ามาให้ข้ากำจัดถึงที่
ว่าแล้วจินเป่าก็กระโดดขึ้นไปแล้วฟาดฝ่ามือลงมาใส่ไป๋หลงในทันที
ไป๋หลงเองก็ยกฝ่ามือขึ้นรับเช่นกัน
ทำให้สองฝ่ามือปะทะกันอย่างรุนแรง
เสียงดังสนั่นทั่วบริเวณ เกิดคลื่นพลังกระจายไปทั่ว...
ทั้งคู่ต่างยื้อกันอย่างดุเดือดต่างฝ่ายต่างใช้พลังเต็มที...ราวกับคลื่นทะเลที่บ้าคลั่ง!!
หลานซูหนิงที่ยืนดูอยู่ก็รู้สึกเป็นห่วง
อย่างยิ่ง เพราะว่าหากยอดฝีมือสองคนใช้พลังปะทะกันอย่างเต็มที ยังไงก็ต้องเจ็บทั้งสองฝ่าย ด้วยเหตุนี้หลานซูหนิงจึงกระโจนเข้าไปแล้วยิงพลังไปใจกลางของทั้งสอง
คนทำให้ทั้งสองคนคายฝ่ามือออกจากกันแล้วถูกคลื่นพลังกระเด็นไปทั้งคู่
หลานซูหนิงจึงรีบสั่งให้จินเป่าไปคอยดูแลแม่เฒ่าเทียนซานส่วนเขาจะจัดการพวกนี้เอง ว่าแล้วหลานซูหนิงจึงหยิบขลุ่ยออกมา
แล้วเป่าทำนองเสียดแทงในทันที
เมื่อศิษย์ตระกูลฟงได้ฟังต่างก็ทุรนทุราย
ราวกับมีมีดมาทิ่มแทงพวกเขาก็มิปาน
ไป๋หลงที่เห็นจินเป่าเข้าไปภายในตำหนัก
ก็รีบตามไปในทันที ไป๋หลงตามจินเป่า
จนมาถึงห้องทำสมาธิ จินเป่าที่เห็นไป๋หลงตามมาก็รีบเข้าไปขว้างในทันที
ทั้งคู่ได้เข้าต่อสู้กันในห้องทำสมาธิ
อย่างดุเดือด เสียงกระบี่กระทบกันดังสนั่น
ซึ่งทำให้แม่เฒ่าเทียนซานเริ่มเสียสมาธิ
ไม่นานนักแม่เฒ่าเทียนซานก็ถูกธาตุไฟเข้าแทรกจนกระอักเลือด จินเป่าที่เห็นก็ตกใจอย่างมากจึงเป็นการเปิดโอกาสให้กับ
ไป๋หลงจึงทำให้ถูกกระบี่ฟันเข้าที่แขนด้านซ้ายจนได้รับบาดเจ็บ และไป๋หลงยังฟาดฝ่ามือตามมาอีกด้วย ทันใดนั้นเอง
แม่เฒ่าเทียนซานก็ฟาดฝ่ามือใส่ไป๋หลงจนกระเด็น แล้วรีบพาจินเป่าหนีออกมา
แต่มันยิ่งทำให้แม่เฒ่าเทียนซานบาดเจ็บภายในหนักยิ่งขึ้นไปอีก อาจจะถึงขั้นไม่รอดก็เป็นได้ แม่เฒ่าเทียนซานและจินเป่าหนีออกมาด้านนอกและมาพบเข้ากับ
หลานซูหนิงที่จัดการกับศิษย์ตระกูลฟงจนหมดสิ้น ทั้งสามคนจึงลักลอบหนีออกทางหลังเขา จนออกมาถึงป่าแห่งหนึ่งได้
แม่เฒ่าเทียนซานรู้ตัวเองว่ายังไงครั้งนี้ก็คงไม่รอด ว่าแล้วแม่เฒ่าเทียนซานก็หยิบไข่มุกสวรรค์ออกมา แล้วมอบให้กับจินเป่า
แล้วพูดว่า ฟังนะไม่ว่ายังไงก็ต้องรักษามันไว้ให้ได้อย่าให้มันตกอยู่ในมือของคนชั่วเด็ดขาด ทันใดนั้นแม่เฒ่าเทียนซานก็ใช้พลังส่งตัวจินเป่าและหลานซูหนิงลอยไป
ทางด้านไป๋หลงก็ไล่ตามมาจนทัน
แม่เฒ่าเทียนซานที่เห็นไป๋หลงตามมา
ก็ตัดสินใจใช้คาถา “ปิดผนึกซากอสูร”
ซึ่งเป็นคาถาต้องห้ามอย่างยิ่งของยุทธภพ
แม่เฒ่าเทียนซานประสานมือเชื่อมจิต
แล้วใช้คาถานี้ในทันที เมื่อใช้ออก
ก็จะมียมทูตปรากฏตัวขึ้นแล้วใช้มือทะลวงด้านหลังของแม่เฒ่าเทียนซานพุ่งตรงไปที่ไป๋หลงหลังจากนั้นมือยมทูตก็จะดึงวิญญาณของไป๋หลงออกมาแล้วผนึกเข้าสู่ร่างกายของแม่เฒ่าเทียนซาน เมื่อผนึกสำเร็จ ผู้ใช้คาถาก็จะถูกยมทูตกลืนกินวิญญาณ ด้วยเหตุนี้แม่เฒ่าเทียนซาน
จึงสิ้นใจตายลงในทันทีที่ใช้คาถาเสร็จ....
จบตอนที่ 7
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย