28 มี.ค. 2021 เวลา 09:25 • หนังสือ
" วันนี้เรามาแบ่งปันความรู้ เรื่อง เงิน 4 ด้าน รายได้ 4 แบบกันครับ. ผมจะอธิบายสั้นๆได้ใจความ และ รับรองว่าอ่านจบเราจะเข้าใจโมเดลรายได้ และมีความรู้ด้านการเงินเพิ่มขึ้นมาอย่างแน่นอน "
ไม่ว่าจะอาชีพไหนก็ตาม จะมีงานได้เพียง 4 ด้านส่วนงานและรายได้มี 2 แบบ นั่นคือ.
1.) Active Income. ความหมายตามตัว คือตัวเราต้อง ทำ ( Active. ) ก่อนถึงจะได้เงินมา. นั่นคืออาชีพทั้งหมดทางฝั่งซ้ายทั้งหมด ได้แก่.
1. ) Employee. ( ลูกจ้าง )
มาถึงตรงนี้หลายคนอาจสงสัยว่า ทำงานเงินเดือนไม่ได้รวยงั้นหรอ.?
คำตอบ คือ ใช่ครับ. งานเงินเดือน ข้าราชการ ข้อคือเป็นงานที่มั่นคง สามารถใช้เงินอนาคตได้ แต่ ถ้าเทียบกับภาระที่ต้องรับผิดชอบแล้ว เงินเดือนที่มั่นคงมันดูน้อยไปเลย สังเกตง่ายๆ
- ทำไมคุณหมอบางท่านถึงเปิดคลีนิค.
- ทำไมคุณครูบางท่านถึงเปิดคอร์สสอนพิเศษ.
- ทำไมลูกจ้างหลายๆท่านถึงต้องหารานได้เสริม.
คำตอบ คือ เพราะ รายได้มันไม่สนองกับรายจ่าย จึงต้องหาช่องทางสร้างรายได้เสริม. 💸
2.) Self Emplolye. ( ธุรกิจส่วนตัว ) ไม่ว่าจะเป็น
- คุณหมอเปิดคลินิก.
- คุณครูเปิดคอร์สสอนพิเศษ.
- ร้านค้าขายต่างๆ.
- เปิดร้านกาแฟ ร้านอาหาร.
ตรงนี้หลายคนคิดว่า นี่แหละงานที่สบายที่สุด การเป็นนายตัวเอง บริหารจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง. แต่ ถึงอย่างนั้นแล้ว เราอาจทำงานหนักกว่า การเป็นลูกจ้างด้วยซ้ำ.
ลูกจ้างงานประจำทำ 5. วัน. แต่ เราอาจทำ 7. วัน ไม่ได้พักก็ได้.
และใช่ว่า ธุรกิจจะไปได้ดีเสมอไป.
บางคนตอนทำงานประจำเป็นพนักงานยอดเยี่ยม แต่อาจจะเป็น นักบริหารธุรกิจยอดแย่ก็ได้.
และ งานฝั่งซ้าย Active Incom. ไม่สามารถหยุดทำได้ เพราะ เรายังไม่มีอิสรภาพทางด้านการเงิน.
- อิสระภาพทางการเงิน คือ การที่เราหายตัวได้ เราไปเที่ยวเป็นปีๆ แต่ รายได้เราไม่หยุด นี่แหละครับคือ อิสรภาพ ทางการเงิน คนส่วนใหญ่มักจะเป็น Active Income. เฉลี่ยแล้ว 95% เลยทีเดียว.
2
2.) Passive income คือ การทำให้เงิน ทำงานให้เรา เป็นผู้ดแบระบบ และ มีอิสระภาพทางด้านการเงิน. เฉลี้ยนมีคนแค่ 5% เท่านั้นที่รับรายได้ฝั่งนี้ได้
คือ งานทางฝั่งขวาทั้งหมด ได้แก่
1.) Business Owner. = เจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่ และ ( ระบบ )
Business Owner. และ Self Emplolye. ต่างกันอย่างไร. ?
- Business Owner. ต้องใช้เงินมหาศาลในการลงทุน เช่น เจ้าของอสังหาริมทรัพย์. เจ้าของระบบเครือข่าย ค้าลิขสิทธิ์ ระบบการตลาด.
คำถาม แล้วจะมีอิสระภาพทางการเงินได้ยังไง.?
1.) เจ้าของระบบการตลาด. 📉
ผมขอยกตัวอย่างเป็น เจ้าของระบบการตลาดอย่าง CP. งานหลักๆคือการ ขายเฟรนไชส์ ขยายเครือข่าย 7-11 เป็นสาขาต่างๆ และ 7-11 ทุกสาขาทำงานทุกวัน 24. ชม. คิดดูเล่นๆ 5x,xxx. กว่าสาขา ทำเงินให้ CP ต่อปีเท่าไหร่ CP สร้างและขยาย ส่วน 7-11 ทำงานหาเงินให้ CP ปีละหลายล้านล้านบาท ส่วน CP ก็ทำหน้าที่แค่รับเงิน และ ขยายการตลาดต่อไป.
2.) ระบบเครือข่าย และ ค้าลิขสิทธิ์.
- เจ้าของ Social network. 📱
เช่น Facebook. Instagram. Twitter. YouTube. Line. AIS TRUE DTAC.
- เจ้าของค่ายเกมส์. 🎮
- ลิขสิทธิ์เพลง การ์ตูน ภาพยนตร์. 📺
ตรงนี้ คือ ทรัพย์สินทางปัญญา ใครที่มีความสามารถด้านนี้ ก็สามารถทำให้มีอิสรภาพทางการเงินได้เช่นกัน. และ ใช้เงินน้อยมาก เพราะ ใช้ความคิดในการสร้างเงิน. 🧠
3.) ธุรกิจเครือข่าย E-commerce. งานเครือข่าย ตรงนี้ใช้เงินลงทุนน้อย และสามารถสร้างอิสระภาพทางการเงินได้เช่นกัน เพราะ ทำได้ทั้งขาย และ ขยายเครือข่าย. 🌀
2.) Invester. ( นักลงทุน ) เช่น
- หุ้น ตลาดหลักทรัพย์
- กองทุนรวม
- เงินฝาก
- พันธบัตรรัฐบาล.
แต่ ช่องทางตรงนี้ต้องศึกษาเชิงลึก หาความรู้เพิ่มกันอีกนะ เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง แต่ ถ้ามีความรู้ทางด้านนี้ เรามีโอกาสรวยและเกษียณตัวเองได้ในเวลาสั้นๆ.เลย
1
แต่ ไม่ได้หมายความว่างานที่เป็น Active Incom. จะไม่ดีนะ งานที่ไม่ผิดศิลธรรม ไม่ผิดกฎหมายดีหมด และ อยู่ที่เราว่าเราชอบงานแบบไหน แบบไหนเหมาะกับเรา ถ้าเราทำแล้วมีความสุข แค่นั้นก็โอเคแล้ว. คนที่ทำงานเป็น Active อยากจะย้ายฝั่งมาเป็น Passive ก็ทำได้ ถ้าใจถึงไปก็ถึง คำว่าทำไม่ได้ คือ การดูถูกตัวเอง
ทุกอย่างเริ่มต้นที่ความคิด. 🧠
กล้าเปลี่ยนความคิด ชีวิตก็เปลี่ยน 🔥
2
#OLY_90s ชีวิตคิดบวก.
โฆษณา