28 มี.ค. 2021 เวลา 11:41 • ธุรกิจ
Higher Inflation Is Coming !!
เงินเฟ้อรุนแรง กำลังจะมา!! คุณเตรียมพร้อมแล้วหรือยัง?
By Jeff Clark
พร้อมหรือยัง ? สำหรับค่าครองชีพที่สูงขึ้นรออยู่ข้างหน้า
มีข้อมูลหนึ่งที่น่าสนใจ คือ มียอดการค้นหาคำว่า “ เงินเฟ้อ” ของ Google สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ประกอบกับบรรดานักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังได้ออกมาเตือน ว่ากำลังจะเข้าสู่“ ยุคเงินเฟ้อ” รอบใหม่
3
ถ้าเป็นเช่นนั้นคุณจะเตรียมการอย่างไร? แล้วมันเลวร้ายแค่ไหน? และเฟดจะควบคุมได้หรือไม่?
บทความนี้ จะครอบคลุมเรื่องของเงินเฟ้อ 5 ประการ ที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยอิงจากประวัติศาสตร์ที่เคยเกิดขึ้น
2
เรื่องแรก# 1: การันตีว่าเงินเฟ้อที่สูงขึ้นแน่นอน!!
ประการแรกก็คือ อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น จากประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นว่า 1) มีหนี้ที่มากเกินไป และ 2) การใช้งบประมาณขาดดุลทำให้เงินเฟ้อวิ่งสูงขึ้น
Jeff Clark ได้อ้างคำกล่าวของ Carmen Reinhart และ Kenneth Rogoff ว่า
“ระดับหนี้ ที่มากกว่า 90% ของ GDP จะส่งผลกับระดับเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ” และ
“เมื่อระดับหนี้ของสหรัฐฯแตะหรือเกิน 90% ของ GDP อัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 6%
4
คำถามคือ หนี้สหรัฐ อยู่ใกล้ระดับ 90% แล้วหรือยัง?
ณ สิ้นปี 2020 หนี้ของรัฐบาลกลางสหรัฐอยู่ที่ 127.3% ของ GDP สูงสุดเป็นประวัติการณ์
1
หรือพูดง่ายๆคือ หนี้ของสหรัฐฯ เกินกว่าเกณฑ์ 90% ของ GDP แล้ว สิ่งที่จะชี้ให้เห็นคือ ท้ายที่สุดแล้วจะนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อ
ทางด้าน Peter Bernholz ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ กล่าวว่า “ภาวะเงินเฟ้อที่สูง มักเกิดจากการขาดดุลงบประมาณของรัฐบาล”
3
แล้วปัจจุบัน การขาดดุลงบประมาณของสหรัฐ เป็นอย่างไร?
การขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลสหรัฐไม่เคยมากเท่านี้มาก่อน อยู่ที่ -3.2 ล้านเหรียญ มากกว่าสองเท่าของวิกฤตแฮมเบอเกอร์ ในปี 2008 ซะอีก
3
เรื่องที่สอง # 2: เงินเฟ้อพร้อมที่จะเกิดขึ้นได้เสมอ
จากงานวิจัยของ Amity Shlaes ได้ยกตัวอย่างจากช่วง 100 ปีที่ผ่านมา เมื่ออัตราเงินเฟ้อของสหรัฐพุ่งสูงขึ้นจนน่าตกใจ คือเกิดขึ้นภายในเวลาเพียงสองปี
และในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา อัตราเงินเฟ้อ ในสหรัฐพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในสามครั้ง
2
• Shlaes กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯอยู่ที่ 1% ในปี 1915 ภายในเวลาเพียง 2 ปีก็เพิ่มขึ้นเป็น 17% ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นนี้ เป็นเพราะกระทรวงการคลัง “พิมพ์เงินมาใช้จ่ายในสงคราม”
2
• อัตราเงินเฟ้อในปี 1945 อยู่ที่ 2% แต่เพิ่มขึ้นเป็น 14% ภายในเวลาเพียง 2 ปี เพิ่มขึ้น 7 เท่า
1
• อัตราเงินเฟ้อในปี 1972 อยู่ที่ 3.2% และพุ่งขึ้น 11% ภายในปี 1974
งานวิจัยนี้กำลังจะบอกคุณ คือ อัตราเงินเฟ้อสามารถเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันและรวดเร็วจนควบคุมไม่ได้ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องอันตรายที่จะบอกว่าอัตราเงินเฟ้อ อยู่ในระดับต่ำ
2
เรื่องที่สาม # 3: นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีประสบการณ์กับเงินเฟ้อ
อาจจะกล่าวได้ว่า นักลงทุนส่วนใหญ่ในปัจจุบัน ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับอัตราเงินเฟ้อ และไม่รู้ว่าจะรับมือกับมันได้ดีแค่ไหน? ความจริงก็คือ คนส่วนใหญ่ไม่ได้เตรียมพร้อมสำหรับเรื่องนี้
ทางด้าน เฟด ต้องการอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น อยู่ที่ระดับ 2% ถือว่า นโยบายของเขาใช้ได้ผล!”
1
เรื่องที่สี่ # 4: หุ้น, อสังหาริมทรัพย์, สินค้าโภคภัณฑ์ และสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง
พื้นฐานความรู้เดิมคือ การลงทุนเหล่านี้สามารถชดเชยเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นได้และสามารถใช้เป็นตัวป้องกันความเสี่ยงเงินเฟ้อที่อาจเกิดขึ้นได้ในระยะยาว
ไม่มีการลงทุนใดเป็นวิธีที่ดีที่สุด คุณต้องตัดสินด้วยตัวเองว่า คุณคิดว่าการลงทุนเหล่านี้จะป้องกันเงินเฟ้อได้ดีจริงหรือไม่
6
เมื่อพิจารณาว่าสินทรัพย์เหล่านี้เพิ่มขึ้นเท่าใด จึงเป็นไปได้ยาก ที่สินทรัพย์เหล่านี้จะป้องกันเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นในอดีต
1
และแน่นอนว่าพันธบัตรเป็นการลงทุนที่น่ากลัวที่สุด ในช่วงที่อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น เนื่องจากอัตราผลตอบแทนอยู่ต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อ
3
เรื่องที่ห้า # 5: ทองคำและซิลเวอร์ อาจเป็นทางเลือกที่ดี
ในฐานะที่เป็นโลหะมีค่า ทองคำเป็นตัวป้องกันความเสี่ยงที่ดีเยี่ยม ในช่วงที่อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น แต่ซิลเวอร์ จะมีประสิทธิภาพดีกว่า
7
ทางด้าน ราคาซิลเวอร์ เพิ่มขึ้น กว่าสิบเท่า ในช่วงที่มีอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นในช่วงปลายทศวรรษ 1970 และเพิ่มขึ้นกว่าสี่เท่า เมื่อนักลงทุนกลัวว่า จะเกิดภาวะเงินเฟ้อจากความพยายามด้าน QE ทั้งหมด
1
อย่างไรก็ตาม บทความนี้ เป็นเพียงมุมมองของนักเคราะห์เท่านั้น ไม่ได้เป็นการชี้นำให้คุณลงทุนแต่อย่างใด "โปรดใช้วิจารณญาณ" ด้วยนะครับ
2
แอดปลา
โฆษณา