Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
JackPee stories
•
ติดตาม
28 มี.ค. 2021 เวลา 13:41 • สุขภาพ
ประวัติศาสตร์ของโรคมะเร็ง 01 : ทุกอย่างเริ่มต้นจากลูคีเมีย
ด้วยหลักการพื้นนฐานง่ายๆสองข้อ ทำให้เราเข้าใจโรคมะเร็งมากขึ้น
วันนี้ผมขอเขียนถึงหัวข้อที่สนใจเป็นพิเศษเกี่ยวกับสุขภาพและพัฒนาการทางการแพทย์นะครับ จะได้เห็นภาพว่าปัจจุบันโลกของเราพัฒนากันมาไกลมากขนาดไหน และผมคาดว่าเทคนิคการรักษาต่างๆจะดีขึ้นอีกมากในอนาคตครับ
In Scotland
19 มีนาคม ค.ศ.1845 นายแพทย์ชาวสก็อตแลนด์ นามว่า จอห์น เบนเน็ตต์ พบว่าคนไข้อายุ 28 ปีรายหนึ่งของเขามีอาการบวมบริเวณม้ามอย่างหาสาเหตุไม่ได้ โดยก่อนหน้านั้นคนไข้มีอาการอ่อนแรงมาเป็นเวลากว่าปีครึ่ง และมีก้อนเนื้อบริเวณหน้าท้องด้านซ้ายซึ่งขยายขนาดขึ้นเรื่อยๆ
คุณหมอเบนเน็ตต์ คาดการณ์ว่าอาการของคนไข้รายนี้น่าจะเข้าสู่ระยะท้ายๆแล้วเนื่องจากก้อนเนื้อที่ขยายตัวเริ่มมีขนาดคงที่แต่อาการของคนไข้กลับทรุดลงโดยมีอาการไข้ สลับไปกับการตกเลือด และปวดท้องรุนแรงเฉียบพลัน อีกทั้งความถี่ในการเกิดอาการเหล่านี้ก็ถี่ขึ้นตามลำดับ การรักษาของคุณหมอเบนเน็ตต์ในเวลานั้นก็โดยใช้การผ่าตัดและปลิงดูดเลือด (เรื่องปกติสำหรับการรักษาเมื่อ 176 ปีก่อน) อย่างไรก็ตามสุดท้ายแล้วไม่นานคนไข้ก็เสียชีวิตครับ
ภายหลังจากการชันสูตรศพคุณหมอเบ็นเน็ตต์พบว่าในเลือดของผู้ป่วยนั้นเต็มไปด้วยเซลล์เม็ดเลือดสีขาวจำนวนมาก และเนื่องจากการเพิ่มจำนวนของเม็ดเลือดขาวนั้นโดยปกติจะแปลว่าในร่างกายของคนไข้มีการติดเชื้อ ด้วยเหตุดังกล่าวทำให้คุณหมอสรุปลงไปในรายงานของตัวเองว่า สาเหตุของโรคที่แท้จริงนั้นน่าจะมาจากการติดเชื้อและเกิดหนองขึ้นในระบบเลือดของคนไข้นั่นเอง อย่างไรก็ตามหลังจากการชันสูตรอย่างละเอียดคุณหมอก็ไม่สามารถหาได้ว่าตกลงแล้วการติดเชื้อของคนไข้นั้นเกิดขึ้นที่อวัยวะใดหรือส่วนใดของร่างกายกันแน่
ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันนั้นเอง นักวิจัยชาวเยอรมัน นามว่า รูดอล์ฟ เวอร์ชอว์ ได้ตีพิมพ์งานวิจัยของตนเองออกมาซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับผู้ป่วยซึ่งมีอาการคล้ายกับกรณีของคุณหมอเบนเน็ตต์ โดยคนไข้รายนี้เป็นหญิงสาวอายุราวห้าสิบปี ซึ่งหลังจากเสียชีวิตพบว่าในร่างกายของเธอนั้นเต็มไปด้วยเซลล์เม็ดเลือดขาวเช่นกัน อย่างไรก็ตามนายเวอร์ชอว์นั้นเห็นต่างออกไป เขาไม่เชื่อว่าจู่ๆเซลล์เม็ดเลือดแดงของผู้ป่วยจะกลายไปเป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวได้ และยิ่งไม่เชื่อว่ามีการติดเชื้อขึ้นในกระแสเลือด (เพราะผลชันสูตรไม่สามารถหาได้ว่าเกิดการติดเชื้อขึ้น ณ ที่ใดในร่างกาย) และในเมื่อคิดไม่ออกว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาจึงเกิดคำถามขึ้นว่า หรือสาเหตุที่แท้จริงแล้วเกิดจากความผิดปกติของเม็ดเลือดกันแน่
สุดท้ายแล้วเขาจึงตั้งชื่อให้กับอาการประหลาดนี้นี้ว่า weisses blut หรือ white blood ตามเซลล์เม็ดเลือดสีขาวจำนวนมากที่พบในตัวคนไข้นั่นเอง (ภายหลังเปลี่ยนมาเป็นลูคีเมีย leukemia ตามรากศัพท์ภาษากรีก Leukos ที่แปลว่า สีขาว)
ในภายหลังเขาได้หันเหความสนใจของตนเองจากด้านพยาธิวิทยาไปศึกษาทางด้านยาแทนครับ ระหว่างนั้นก็ได้คิดทฤษฎีเกี่ยวกับระบบเซลล์ของร่างกายมนุษย์ ซึ่งต่อมาถือเป็นพื้นฐานสำคัญที่ทำให้บรรดาแพทย์ในยุคต่อๆมามีความเข้าใจกระบวนการเกิดโรคของโรคมะเร็งและสามารถคิดค้นวิธีการรักษาต่างๆขึ้นตามมาได้ครับ
ทฤษฎีที่ว่ามีหลักการสำคัญอยู่ 2 ข้อ คือ
1. ร่างกายของมนุษย์ประกอบขึ้นด้วยเซลล์
2. เซลล์เกิดขึ้นได้จากอีกเซลล์เท่านั้น
อาจจะฟังดูเรียบง่ายแต่หลักการสองข้อนี้กลับนำไปสู่คำอธิบายที่เป็นเหตุเป็นผลของการเกิดโรคลูคีเมียครับ
หลักการคิดก็คือ หากเซลล์เกิดขึ้นได้จากอีกเซลล์เท่านั้น การเติบโตของมันก็สามารถเกิดขึ้นได้แค่ 2 ลักษณะ คือ การเพิ่มจำนวน (hyperplasia) หรือการเพิ่มขนาด (hypertrophy)
ทั้งนี้ทุกส่วนในร่างกายมนุษย์ที่มีการเติบโตสามารถอธิบายได้ด้วยหลักการนี้ เช่น ในวัยรุ่นกล้ามเนื้อจะมีการเจริญเติบโตด้วยการขยายขนาดในขณะที่จำนวนเซลล์นั้นยังคงที่ (hypertrophy) ขณะเดียวกันมนุษย์มีการผลัดเซลล์ผิวหนังอยู่ตลอดเวลาซึ่งเซลล์ผิวหนังของเรานั้นเกิดจากการเพิ่มจำนวนของเซลล์ (hyperplasia)
1
จากหลักการนี้เองที่นายเวอร์ชอว์นำไปอธิบายกระบวนการเกิดโรคของโรคลูคีเมีย โดยเมื่อมองจากกล้องจุลทรรศน์แล้วเห็นเซลล์เม็ดเลือดขาวจำนวนมากมาย ทำให้เขาทราบว่าเซลล์เม็ดเลือดขาวนั้นกำลังเกิดการเติบโตโดยการเพิ่มจำนวนตัวเองอย่างไม่หยุดยั้ง จนในที่สุดเป็นการทำลายชีวิตตนเอง ในภายหลังเขานิยามการเติบโตของเซลล์แบบนี้ว่า Neoplasia ซึ่งแปลว่า การเติบโตที่บิดเบี้ยว
ด้วยความเข้าใจกระบวนการของโรคจากหลักการพื้นฐานนี้เองในเวลาต่อมาการจำแนกประเภทและการแบ่งมะเร็งออกเป็นระยะต่างๆ รวมไปถึงวิธีการในการรักษาได้ถูกพัฒนาให้ได้ผลดียิ่งขึ้นในขณะที่ส่งผลข้างเคียงต่อผู้ป่วยน้อยลงตามลำดับ
ที่มา : หนังสือ The emperor of all maladies ของ Siddhartha Mukherjee
ชอบและสนใจเนื้อหา ฝากกดติดตามด้วยนะครับ
บันทึก
1
4
1
1
4
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย