28 มี.ค. 2021 เวลา 15:52 • ประวัติศาสตร์
150 กว่าปีไม่เคยจางหาย "ภัยเหลือง" "Yellow Peril" ภัยเอเซียมันน่ากลัวมากสำหรับคนผิวขาว?
2
I❤️Coffee ขอรวบรวมเรื่องราวที่คาดว่าน่าจะเป็น “ทฤษฎีสมคบคิด” จนเริ่มจะบานปลายกลายเป็นสงครามกลางเมืองก็เป็นได้กับ ...."ภัยเหลือง"
1
จากในวงสนทนาภาษากาแฟแลข้อมูลอื่นๆ มานำเสนอพอหอมปากหอมต้นคอกันจ้าาา
1. "Yellow Peril" หรือ "ภัยเหลือง" นั้นเป็นความรู้สึกในเชิงลบและอคติของคนผิวขาวที่มีต่อชาวเอเชีย ผิวเหลือง เริ่มต้นจากการต่อต้านแรงงานชาวจีน
1
cr:https://medium.com/
2. ในปี 1868 สหรัฐฯ อนุญาตให้ชาวจีนหลายหมื่นคนเข้ามาทำงานที่เสี่ยงอันตราย เช่น การทำเหมืองแร่ แรงงานสร้างทางรถไฟ และอนุญาตให้คนเหล่านี้ขอสัญชาติและตั้งรกรากในสหรัฐฯ ได้ตามสนธิสัญญาเบอร์ลิงเกม
1
3. เมื่อคนจีนทะลักเข้ามาในสหรัฐอเมริกาจำนวนมาก จากนั้นก็มีชาวญี่ปุ่นที่อพยพตามมาในช่วงปี 1907-1930 จนเริ่มมีกระแสความหวาดกลัวคนเอเชียเพิ่มมากขึ้น และคนขาวเกิดการต่อต้านและประท้วง โดยห่วงว่าคนเหล่านี้จะมาแย่งงานหรือสวัสดิการต่างๆ ที่พวกเขาพึงได้ โดยต่อต้านไม่ให้คนเอเชียได้รับสิทธิ์ในการถือสัญชาติอเมริกัน
3
4. การต่อต้านก็บรรลุผล โดยมีการจํากัดจํานวนคนเอเชียที่จะเข้าประเทศ พร้อมทั้งออกกฎหมายตั้งเขตที่อยู่อาศัยเฉพาะคนเอเชียตามเมืองต่างๆ เช่น ไชน่าทาวน์
5. "Yellow Peril" หรือ "ภัยเหลือง" เริ่มประทุรุนแรง ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ญี่ปุ่นถล่มฐานทัพเรือเพิร์ลฮาร์เบอร์ของสหรัฐ มีการโต้กลับจากคนผิวขาวต่อผิวเหลืองอย่างรุนแรง โดยการทิ้งระเบิดปรมาณูในญี่ปุ่นในเวลาต่อมา
กฎหมาย The Yellow Peril  ปี1911
6. กฎหมาย Yellow Peril มาสิ้นสุดจริงๆ หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 เสร็จสิ้น สหรัฐฯ เข้ายึดครองสถานการณ์ เรื่องความหวาดกลัวคนเอเชียจึงเงียบหายไป
7. ในยุคสงครามเย็น "Yellow Peril" หรือ "ภัยเหลือง" ถูกนำกลับมาเรียกประเทศจีนที่ปกครองภายใต้ลัทธิคอมมิวนิสต์ ที่เข้าไปมีบทบาทสำคัญในสงครามเย็นในเอเชีย ทั้งสงครามคาบสมุทรเกาหลี และสงครามเวียดนาม
8. "Yellow Peril" หรือ "ภัยเหลือง" ก็กลับมาอีก หลังจากญี่ปุ่นฟื้นตัวหลังสงครามโลก และมีนโยบายเศรษฐกิจการค้าที่แข็งแกร่ง จนกลายเป็นผู้ผลิตสินค้านานาชนิดส่งออกไปขายทั่วโลกในราคาที่ต่ำและคุณภาพดีกว่า มีผลกระทบเป็นอย่างมากต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยทำให้ชาวสหรัฐฯ นิยมใช้สินค้าญี่ปุ่นมากขึ้น
9.และปัจจุบัน จีนกำลังเป็นมหาอำนาจในโลกเศรษฐกิจ มีความเข้มแข็งด้านการเงิน การค้า เทคโนโลยี มีการพัฒนาประเทศอย่างรวดเร็ว ทำให้ทั้งสหรัฐและยุโรปหวั่นเกรงเป็นที่สุด
1
10 และแล้วกระแส "Yellow Peril" หรือ "ภัยเหลือง" ที่เกิดจากจีนกลับมาอีกครั้ง จากกลุ่มภูมิภาคเอเชีย ด้วยความพยายามทำให้ประเทศโดยรอบของจีน ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ฮ่องกง อินเดีย เกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัยต่อการเติบโตของจีน
2
11. ตัวการสำคัญปลุกปั่น กระแส "Yellow Peril" หรือ "ภัยเหลือง" เริ่มต้นอีกในสมัยประธาธิบดี โดนัล ทรัมป์ เขาพยายามส่งเสริมแนวคิดต่อต้านคนเอเชียด้วยการใช้ถ้อยคำเหยียดเชื้อชาติระหว่างการรณรงค์หาเสียง ทรัมป์ได้เรียกโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ว่า “กังฟลู” (Kung Flu) ซึ่งมาจากคำว่ากังฟู (Kung Fu) อันเป็นศิลปะการต่อสู้ของจีน และคำว่าฟลู (flu) ที่แปลว่าไข้หวัดใหญ่
1
ด้วยเหตุที่ว่า สถิติของผู้ติดเชื้อในสหรัฐอเมริกา พบว่าส่วนใหญ่ไม่ใช่คนผิวขาว แต่เป็นคนผิวสีและคนเอเชียมากที่สุด
และได้ทวีตรัวๆ โดยใช้คำว่า "เชื้อไวรัสจีน (Chinese Virus)" แทนคำว่าไวรัสโคโรนา หรือโควิด-19 หลายครั้ง จนทำให้หลายคนไม่พอใจ
12. คนอเมริกันเชื้อสายเอเชียในอเมริกา จะได้รับการยกย่องว่าเป็นต้นแบบที่ดี ทั้งขยันเรียนเก่งและทำงานดีมีคุณภาพ โดยที่สหรัฐพบข้อมูลสำรวจใหม่ว่า เด็กอเมริกันเชื้อสายเอเชียมีแนวโน้มเรียนเก่งแซงเด็กอเมริกันท้องถิ่น มากขึ้นเรื่อย
3
จนมีข่าวว่า มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้ใช้นโยบาย "โควตาทางเชื้อชาติ" เพื่อจำกัดจำนวนคนเอเชียในมหาวิทยาลัย กลายเป็นว่า นักเรียนกลุ่มเอเชี่ยนอเมริกันต้องใช้คะแนนสอบและคุณสมบัติอื่น ๆ มากกว่านักเรียนกลุ่มอื่นๆ
เหตุผลที่นักเรียนกลุ่มเอเชี่ยนอเมริกันเรียนดีนั้น มีหลายงานวิจัยระบุว่า ไม่เกี่ยวกับสติปัญญา แต่เป็นเรื่องของค่านิยมแบบเอเชียที่เข้มงวด ทำให้เด็กขยันและทำสอบได้ดีกว่ากลุ่มอื่นๆ
1
ภาพแสดงประชากรสหรัฐแบ่งตามเชื้อชาติ คนผิวขาว 60.1% คนลาตินอเมริกา 18.5% คนผิวดำ 12.2% คนผิวเหลือง(เอเชีย)5.6%
cr:https://www.visualcapitalist.com/visualizing-u-s-population-by-race/
พวกเขาคาดการณ์ว่าอีก 24 ปีข้างหน้า คือในปี 2045 สัดส่วนประชากรจะเปลี่ยนไป คนผิวขาวจะลดลงเหลือ 49.7% จาก 60.1% หายไป 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ เป็นอีกหนึ่งเหตุผล ที่ต้องกีดกันคนผิวสีในทุกๆ กรณี
1
cr:https://www.visualcapitalist.com/visualizing-u-s-population-by-race/
ย้อนไปในยุคช่วงปลายศตวรรษที่ 19 กับการปลูกฝังแนวคิด "Yellow Peril" หรือ "ภัยเหลือง" ในงานเขียนของโชเซฟ อาร์ตูร์ เดอ กอบิโน ระบุว่า ชนชั้นสูงชาวฝรั่งเศส ซึ่งเป็นคนที่ทำให้แนวคิดเหยียดเชื้อชาติ (Racism) เป็นระบบขึ้นมาเป็นพวกคลั่งลัทธิคนขาวเป็นใหญ่
1
ว่ากันว่า "คนขาวนั้นโดยเนื้อแท้แล้วผูกขาดความงาม ภูมิปัญญา และความเข็งแกร่ง" ส่วนคนผิวเหลืองนั่นมีหน้าตาและปัญญาระดับกลางๆ
แนวคิดกอบิโนนำไปสู่การเชื่อว่าคนขาวยิ่งใหญ่ที่สุด เป็นอารยะ (พวกอารยันผิวขาว) และเป็นรากฐานให้แนวคิดของพวกนาซี >>https://aaww.org/yellow-peril-scapegoating/
โฆษณาชวนเชื่อในยุโรปให้ต่อต้านภัยคุกคามจากคนผิวเหลือง หรือคนเอเชีย
การ์ตูนเหยียดผิวเรื่อง The Yellow Terror in all His Glory (1899) ชายชาวจีนหน้าตาโหดร้ายยืนคร่อมร่างหญิงผิวขาวที่นอนสลบซึ่งเป็นตัวแทนของโลกตะวันตก
-สาเหตุหลักๆ ของการกีดกัน รังเกียจ เหยียดคนเอเชีย ผิวเหลือง-
ถึงแม้คนเหล่านั้นจะเกิดในสหรัฐอเมริกาและถือสัญชาติอเมริกัน เชื้อสายเอเชี่ยนอเมริกันก็ตาม ความเกลียดชังก็ไม่ต่างจากชาวเอเชียผิวเหลือง ตาตี่ 100% เลยแม้แต่น้อย เพราะ....
1. ชาวเอเซียผิวเหลืองจะครองโลก ..กลัวชาวเอเชียด้วยเหตุเมื่อมองไปข้างหน้าชุมชนชาวเอเชียจะเจริญเติบโต แข็งแกร่งขึ้นไปเรื่อยๆ เช่นเดียวกับที่มองกันว่า มุสลิมจะครองโลก
1
ยกตัวอย่างคนเชื้อสายมุสลิมผิวเหลืองในฝรั่งเศสจะมีจำนวนประชากรมากกว่าคนผิวขาว เหตุผลเพราะคนผิวขาวไม่ค่อยมีลูกสืบสายสกุลกัน
ต่างจากมุสลิมที่เขาสนับสนุนให้มีลูกเยอะๆ มีเมียหลายคน เพื่อสืบสายสกุล สังเกตจากการเลือกตั้งในฝรั่งเศส คนมุสลิมจะชนะการเลือกตั้งและเข้าปกครองในระบบการเมืองฝรั่งเศส
2
2. เหตุผลทางการเมือง เมื่อประเทศจีนผงาดขึ้นมาอีกครั้ง และความชัดเจนในยุคของรัฐบาลโดนัล ทรัมป์ ที่ประสบผลไม่น้อยในการสร้างความเกลียดชังต่อรัฐบาลจีน
จนขยายผลสู่ระดับประชาชน เป็นประเทศที่ใช้นโยบายเกลียดชังคนอื่นเพื่อเล่นงานฝ่ายตรงข้าม หวังผลทางการเมือง หรือแม้เปลี่ยนผู้นำไปแล้ว ก็ใช่ว่าความคิดของประชาชนจะเปลี่ยนไป
3. มองวัฒนธรรมของจีนและคนเอเชียที่แตกต่างด้วยสายตารังเกียจ และยังเชื่ออีกว่าอารยธรรมตะวันตกจะต้องถูกคุกคาม ในไม่ช้าพวกคนจีน และคนเอเชียจะเต็มบ้านเต็มเมือง ไปสู่การทำลายโลกตะวันตก
ซึ่งทุกวันนี้ฝั่งโลกตะวันตก ก็ยังคงมองจีนด้วยสายตาหวาดระแวง กลัวว่า "ภัยคนผิวเหลือง" (Yellow Peril) จะทำลายโลกของพวกเขา แต่ในความเป็นจริงจีน และชาวเอเชียก็ไม่เห็นจะทำลายโลกตะวันตกอะไรได้เลย มีแต่จะขนเงินไปให้ด้วยซ้ำ
การจะเปลี่ยนแปลงแนวความคิด ที่ฝังรากลึก ของคนอเมริกันผิวขาว จากเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้วนั้นเป็นเรื่องยากเสียแล้ว
เพราะจนถึงทุกวันนี้โลกตะวันตกก็ยังคงมองจีน และชาวเอเชียด้วยสายตาหวาดระแวงกลัวว่า "ภัยคนผิวเหลือง" (Yellow Peril) จะทำลายโลกของพวกเขา ด้วยทฤษฎีสมคบคิดกันต่อไป
2
⭕️อย่าลืมว่าประวัติศาสตร์ชนชั้นผู้นำ ชนชั้นปกครองและผู้ชนะเป็นผู้เขียนขึ้นมาทั่งสิ้น
2
ส่วนชนชั้นล่างหรือทาสในยุคนั่นล้วนอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ ใช้แต่แรงงาน จะไปรับรู้อะไรได้มากว่าการเอาตัวรอดไปวันๆ
2
ผนวกกับทฤษฎีสมคบคิด ให้เราได้เชื่อ และหลงเชื่อ ใช้เป็นข้ออ้างสร้างข้อพิพาทหวังผลประโยชน์ต่อยอดกันตราบนานเท่านาน😊
ราตรีสวัสดิ์
อ้างอิงจาก :

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา