28 มี.ค. 2021 เวลา 23:30 • ธุรกิจ
รักชาติยิ่งชีพ!!! ชาวจีนพร้อมคว่ำบาตแบรนด์สัญชาติตะวันตกต่อต้านคว่ำบาตจีน
1
สืบเนื่องบริษัทสัญชาติยุโรปและอเมริกาหลายได้ประกาศคว่ำบาตรประเทศจีนเนื่องจากพญามังกรได้นำชาวมุสลิมอุยกูร์ไปใช้แรงงานเก็บเกี่ยวฝ้ายอย่างไม่เป็นธรรมทำให้บริษัทเสื้อผ้าชั้นนำหลายๆ เจ้าได้ประกาศคว่ำบาตประเทศจีนด้วย แต่มีหรือที่ชาวจีนผู้รักชาติจะทนได้ ชาวจีนผู้โกรธเกรี้ยวได้คว่ำบาตบริษัทเสื้อผ้าชั้นนำเพื่อเป็นการโต้ตอบเหตุการณ์ดังกล่าวครับ
4
เหตุเกิดจากค่ายกักกันและบังคับใช้แรงงาน
เป็นที่ทราบกันดีว่าประเทศจีนพยายามที่จะควบคุมชนกลุ่มน้อยจำนวนต่างๆ ให้อยู่ใต้อาณัติ แต่รัฐบาลจีนได้ปฏิบัติต่อชาวมุสลิมอุยกูร์ที่มีถิ่นพำนักอยู่บริเวณพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือเป็นพิเศษ โดยการสร้างค่ายกักกันชาวอุยกูร์กว่าล้านคนไว้ครับ ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวมีการกล่าวโทษเจ้าหน้าที่จีนได้ทรมานและบังคับใช้แรงงานคนที่ถูกกักขังให้ทำงานในไร่ฝ้ายอย่างไม่เป็นธรรม และยังมีการละเมิดวสิทธิมนุษย์ชนอีกหลายประการ เช่น การบังคับทำหมันถาวร การพรากเด็กๆ ไปจากครอบครัวอีกด้วยครับ
1
แม้นานาชาติจะพยายามกดดันพญามังกรเรื่องนี้มาตลอดแต่ก็ไม่ได้ผลมากนัก จนท้ายที่สุดจึงเกิดความร่วมมือกันระหว่างสหภาพยุโรป อังกฤษ อเมริกา และแคนาดา เพื่อคว่ำบาตรประเทศจีนครับ โดยกลุ่มประเทศดังกล่าวได้ตั้งเป้าไปที่ผู้บริหารระดับสูงในซินเจียงโดยทำการอบนไม่ให้มีการเดินทางไปจนถึงอายัติเงินในบัญชีของคนกลุ่มนี้ไว้ครับ
การคว่ำบาตจีนของเหล่าแบรนด์เสื้อผ้าชั้นนำ
ในเดือนมีนาคม 2020 สถาบันนโยบายและยุทธศาสตร์ออสเตรเลีย (Australian Strategic Policy Institute :ASPI) ซึ่งเป็นองค์กรอิสระที่สืบสวนข้อมูลทางด้านกลาโหมและความมั่นคงของประเทศออสแตรเลียได้เปิดเผยรายงานว่ารัฐบาลจีนได้เกณฑ์ชาวอุยกูร์หลายหมื่นคนให้ไปทำงานในหลายอุตสาหกรรม และหนึ่งในนั้นคือการทำไร่ฝ้ายซึ่งมีแบรนด์เสื้อผ้าชั้นนำอย่าง H&M ได้รับประโยชน์จากแรงงานภาคบังคับเหล่านี้อยู่ด้วยครับ
ต่อมาในเดือนตุลาคมปี 2020 องค์กรไม่แสวงผลกำไรชื่อ Better Cotton Initiative (BCI) ซึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบแหล่งที่มาของผ้าฝ้ายว่ามาจากแหล่งใดได้ประกาศไม่รับรองผ้าฝ้ายจากซินเจียง นั่นหมายถึงทุกแบรนด์เสื้อผ้าช้ำนำที่ต้องการการรับรองผ้าฝ้ายชั้นดีปราศจาคการละเมิดแรงงานเถื่อนจะต้องยุติการใช้ผ้าฝ้ายจากซินเจียงโดยดทันทีครับ
3
เมื่อผนวกรวมกับปัญหาทางการทูตและมนุษย์ชนดังกล่าว เหล่าแบรนด์เสื้อผ้าชั้นนำได้แสดงความกังวลเป็นอย่างมากต่อการละเมิดสิทธิมนุษย์ชนอย่างร้ายแรงงต่อชาวมุสลิมอุยกูร์ครับ และประกาศไม่สนับสนุนสินค้าผ้าฝ้ายจากซินเจียงโดยทันทีครับ ทาง H&M ออกมาประกาศว่าจะไม่ใช้ผ้าฝ้ายของซินเจียง นอกจากนี้ทางบริษัทกำลังยกเลิกสัญญาต่างๆ ที่มาจากไร่อื่นๆ ที่อาจมีการใช้แรงงานละเมิดมนุษย์สิชนครับ ในขณะที่ Nike ก็ดำเนินการเช่นเดียวกันรวมไปถึงไม่ให้บริษัทที่ทำสัญญาด้วยจัดหาชิ้นผ้าใดๆ ที่มาจากซินเจียงครับ
เหมือนราดน้ำมันเข้ากรองเพลิง
1
อย่างไรก็ตามเมื่อมีการประกาศแบนการใช้ผ้าฝ้ายผลิตในซินเจียงและตัดความสัมพันธ์ของการใช้วัตถุดิบในเขตนั้น ชาวจีนผู้รักชาติเริ่มตอบโต้เหล่าแบรนด์ดังทั้งหลายที่มา “กล่าวหา” ประเทศอันเป็นที่รักยิ่งของเขาว่าละเมิดชาวมุสลิมอุยกูร์อย่างแข็งขันครับ โดยเหล่าดารานักแสดงแดนมังกรได้ออกมายุติสัญญาที่มีกับแบรนด์ชั้นนำทันทีครับ เช่น คุณ Wang Yibo ได้ยกเลิกสัญญากับทาง Nike ในขณะที่ Jackson Yi และ Yang Mi ก็เลิกสัญญากับ Adidas นอกจากนี้แบรนด์ดังอื่นๆ ก็โดนหางเลขการยกเลิกสัญญาไปด้วย เช่น Tommy Hilfiger, Uniqlo, Converse, และ CK เป็นต้น
1
นอกจากคนในวงการบันเทิงแล้วประชาชนชาวจีนที่กำลังลุกเกรี้ยวโกรธได้ออกมาเขียนใน platform สังคม online อย่าง Weibo ประณามการกระทำของแบรนด์ต่างประเทศโดยทันที พวกเขากล่าวว่า “คนพวกนี้พยายามจะแพร่กระจายข่าวลือเพื่อคว่ำบาตฝ้ายในประเทศจีนในขณะที่พวกเขายังต้องการเงินจากเราชาวจีนเนี่ยนะ!? ฝันไปเถอะ!!!” และเหล่ามวลมหาประชาชนผู้รักชาติยิ่งชีพได้ประกาศพร้อมที่จะสู้ไม่ถอยกับเรื่องนี้ครับ
2
ชาวจีนทั้งหลายยุติการซื้อสินค้าของแบรนด์เหล่านี้ทันที ในขณะที่ platform e-commerce หลายๆ เจ้าก็ลบร้านค้าของแบรนด์นั้นๆ ออกจากระบบทันทีครับ ในทางกลับกันชาวจีนได้หันไปสนับสนุนแบรนด์ของจีนเองอย่างท่วมท้น โดยแบรนด์ที่ได้รับผลประโยชน์อย่างทันทีทันใดคือแบรนด์ Anta และ Li Ning ซึ่งเป็นแบรนด์อุปกรณ์กีฬาสัญชาติจีนนั่นเองครับ
3
การโต้กลับอีกทีของแบรนด์ตะวันตก
อย่างไรก็ตามคงเป็นที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าแบรนด์ชาติตะวันตกยังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากชาวจีน และในทางกลับกันบริษัทเหล่านี้ก็ไม่อาจจะสูญเสียฐานลูกค้าหลายล้านในประเทศจีนไปได้เช่นกันครับ ตอนนี้ทาง H&M ได้ออกมาประกาศในสื่อสังคม online ว่าพวกเขายังรักและเคารพในลูกค้าชาวจีนอยู่ และหบายแบรนด์พยายามที่จะไม่แตะเรื่องของการเมืองระหว่างประเทศครับ
ไม่รู้ว่าสายเกินไปหรือไม่ แต่ต้องใช่เวลาพิสูจน์ครับ ว่าใครจะแข็งกว่ากัน ระหว่างการกดดันทางการค้าและการคว่ำบาตรที่มีชาติตะวันตกหนุนหลังแบบนี้
โฆษณา