30 มี.ค. 2021 เวลา 03:21 • ไลฟ์สไตล์
นับหนึ่งใหม่ ตอนอายุใกล้ 40 ทันมั้ย⁉️⁉️ (Ep 1)
ถ้าใครได้อ่านเรื่อง การเดินทางเปลี่ยนชีวิตคุณได้ ที่เปิ้ลเขียนไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว
ก็จะพอรู้เบื้องลึกเบื้องหลังว่าเปิ้ล เป็นเด็กเกเร เอ้ย ต้องเรียกว่า เกเรจนเกือบแก่เลยทีเดียว
ปีที่เริ่มเดินทางไปเที่ยวนั้น เปิ้ลใช้เวลาอยู่กับตัวเองเยอะมาก ไปต่างจังหวัดคนเดียว และไปต่างประเทศอีก 2 ครั้ง ตามงบที่เหลืออยู่ 😂😂
บอกเลยว่าตอนนั้นไม่ได้ทำงานด้วย มีไปช่วยพี่สาวคนนึงที่เคยเปิดผับด้วยกัน ทำร้านเล็บ กับ ร้านส้มตำ พี่เค้าก็เลี้ยงดูปูเสื่อไม่ให้อดตาย ทั้งอาหารและน้ำเมาเลยทีเดียว 😅😅
ตอนนั้นไม่มีใครรู้เลยว่า ถังแตก ล่ะ 🤫 แต่ก่อน ยังหน้าบางงัย บอกใครไม่ได๊ ตามสไตล์วัยรุ่นที่ใช้เงินเกินตัว และก็นั่งคิด ๆ ๆ ๆ ว่าจะเอาไงกับชีวิตดี
ตอนนั้นคิดง่าย ๆ ไปไหนก็ได้ ที่ไม่มีใครรู้จัก เพราะไม่อยากให้ครอบครัวรู้ว่าเรากำลังแย่ แต่สุดท้าย แม่ ก็รู้อยู่ดี แม่ก็คือแม่ อะน่ะ🥺🥺
3
แล้วความคิดตอนไปเที่ยวต่างประเทศก็ผุดมาว่า เราต้องไปอยู่ต่างประเทศ ไปตายเอาดาบหน้าว่ะ
อย่างน้อยก็ไม่มีใครเห็นว่าเราเป็นยังไง
ความรู้สึกตอนขึ้นเครื่อง 😂😂 คิดถึงตอนนั้นตลกดี
👉 เค้าเรียกว่า หนีอาย ว่าซั่นนน!!!
2
จริง ๆ เคยมีความคิดนี้อยู่แล้วแต่มันหายไป ตอนมีความรักอะนะ 😌
💔ความรัก ทำให้คนตาบอด เป็นสำนวนที่ความหมายจากเรื่องจริง
ตอนนั้นเลยหาทางทำเรื่องไปหลายประเทศ โชคดีมีคนรักเยอะ เลยมีคนช่วยทำเอกสารเยอะ เพราะจริง ๆ เราแทบไม่มีทางที่จะได้มาเลยยยยยยยยาย 0% เห็น ๆ
เงินตอนนั้นก็เหลือแค่ 2 แสนกว่า ๆ จากการจำนำรถ (แถมมีหนี้อีกนิดหน่อย) 🥲
ไหนต้องหาใบรับรองเงินเดือน
ไหนต้อง Statment ตอนนั้นต้องใช้ 1 ล้านบาท (ตอนหาเงินก้อนนี้นี่มัน………สุด)
เราต้องใช้เล่ห์มารยาสาไถย ทั้งการออดอ้อนเพื่อนพี่ทั้งหลาย และ ต้องเดินสายมู อย่างหนักกก
สุดท้ายก็ผ่านได้มาออสเตรเลีย ด้วยวีซ่านักเรียน 4 ปี
ตอนมาออสตอนแรก มีแค่แม่ กับ เพื่อนบางคนที่รู้ คนในครอบครัวเราคนอื่นไม่รู้เลย เพราะเราเป็นคนไม่ค่อยอยู่บ้านอยู่แล้ว และไม่ต้องการให้ใครรู้
จำได้ว่าตอนมามีเงิน $400 ค่าเงินตอนนั้น 32 บาท ปี 2012 ก็ประมาณหมื่นกว่าบาท นั่นคือเงินที่เหลือทั้งเนื้อทั้งตัว
แม่ถามว่า ให้แม่หาเงินให้พกไปเพิ่มมั๊ย
เราบอกทันที “ไม่คะ”
ถ้าเราเริ่มด้วยการขอแม่อีก มันก็จะเป็นแบบนี้ไปอีกเรื่อย ๆ
พอถึงซิดนีย์ เพื่อนมารับ (ลืมเล่าไปว่า ที่แม่ให้มาที่นี่เพราะมีคนรู้จัก นางกลัวเราหายไป ตามไม่ได้)
เราก็ไปแชร์ห้องอยู่กับเพื่อน ในราคา $80 ต่ออาทิตย์ มันเป็นบ้านนอกเมืองมากกกกกกก นอกเมืองจริ๊งจริง อยู่กันหลายคน ทุกคนน่ารักมาก
มาแรก ๆ ก็ได้เพื่อนพวกนี้ ที่เอาข้าวเอาน้ำมาให้เผื่อ เพราะนางทำร้านอาหารไทยกัน ทั้งที่เพิ่งรู้จักกันยังมีน้ำใจขนาดนี้
เพื่อนก๊อง กับ งานแรก
วันแรกมา เราก็ตามเพื่อนออกไป นางรับงานแจกใบปลิวไว้ นางบอกให้เราพัก เราไม่อยากพัก อยากเห็นโลกใหม่ พอตามออกไป เจ้านายนางใจดี ให้งานเราด้วย รับสิคะ รออะไร “เพราะความจนมันน่ากลัว” เพิ่งรู้😅
งาน คือ เดินแจกใบปลิวเป็นเมนูอาหารตามบ้าน 4 ชั่วโมง 800 ใบ $60 พร้อมข้าว 1 กล่อง ได้ค่าเช่าห้องวีคแรกละโว้ย 😆😆😆
เพื่อนเรากลัวเราหนัก (800 ใบ หนักอยู่) กลัวเราไม่ไหว เพราะอยู่ไทย อีเจ๊ นี่ คุณหนู งัย
🎯 แต่เชื่อมะ ความรู้สึกเรา แมร่ง โคตรมีความสุข รู้สึกอิสระ บอกไม่ถูก
หลังจากนั้นเรารับงานนี้ทุกวันหยุดเลย เพราะได้เดินดูบ้านเมืองเค้า ฟังเพลง แล้วได้ตังค์ด้วย มีที่ไหน งานดี ๆ แบบนี้
หลังจากวันแรกที่เดินกลับมาจากแจกใบปลิว เพื่อนเรา (แนะนำตัวนางก่อน นางชื่อ ก๊อง เป็นทอมตัวน้อยน่ารัก ๆ อึด ถึก ทน) นางก็ยื่นเรซูเม่ของเรา ที่เราเคยส่งให้นาง นางปริ้นมาเรียบร้อย 1 ปึก
ก๊อง : อะ ต้องทำงานละ เอานี่ไปเดินสมัครงาน
ป้าเปิ้ล : 😳😳😳😳 ห๊ะะะะ สมัครไง ชีวิตนี้กรูไม่เคยเดิน สมัครงานเลย
ก๊อง : ก็เดินไปถามเค้าเซ้ ว่าต้องการพนักงานเสริฟมั๊ย
…………และมันก็เดินไปทำงาน……………
ป้าเปิ้ล : ???????
เอาว่ะ เป็นไงเป็นกัน เพราะ ก่อนมาเคยคิดในใจไว้ละ …
🎶🎶 ไม่ได้เด่น ไม่ดัง จะไม่หันหลังกลับ ทุกวันคืน นอนร้องไห้ อีกมะไหร่ จะโชคดี (อยู่ ๆ เพลงนี้ก็ลอยมา เพลงมันได้อารมณ์นะ)
งานเสริฟ ร้านไทยร้านแรกที่ไปสมัครงาน
และก็โชคดี ที่เราเคยเปิดร้าน และ เคยเรียนการโรงแรม มาก่อน จึงได้งานร้านอาหารไทยแบบไม่ยากนัก
ตอนนั้น ทำงานแม่มทุกวัน ใครหยุดป้าสอยชิฟหมด แบบวีคนึงทำ 14 ชิฟเลยย
พอทำไปสักระยะ ก็มีปัญหาเรื่อง “ข้อมือ” เพราะว่า จาน มันหนักมาก ทำให้ข้อมือไม่สามารถยกอะไรได้เลย ตามวัยอะนะ
และได้เห็นคนที่อายุมากกว่าเราทำงานหนัก แต่ ยังเป็นวีซ่านักเรียนมา 10 ปี ซึ่งทุกคนต้องพยายามทำทุกทางเพื่อต่อวีซ่าให้ได้ (บอกเลยมันไม่ง่าย และวิชาเรียนที่ต่อวีซ่า ส่วนใหญ่มันไม่ได้อะไรจริง ๆ)
บวกกับ เมื่อไปเรียนก็จะได้รู้จักเพื่อนคนอื่น ๆ ก็จะเริ่มได้ยิน การทำงานในแบบอื่นที่ได้เงินดี 🤑🤑
แถมบางอาชีพสามารถสมัครเป็นคนที่นี่ได้ 😮
ตอนนั้นเริ่มคิดละ ตอนนั้นเราอายุ 37 ย่าง 38 ถ้าวีซ่าหมด แล้วต่อไม่ได้ เราจะกลับไปไทยด้วยทักษะอาชีพเสิร์ฟ ล้างจานหรือแจกใบปลิว ก็น่าจะไม่ใช่หละ😌😌😌
เพื่อน ๆ ที่น่ารัก ในปีแรกเลย
เลยต้องมานั่งคิดใหม่....... ว่า ฉันจะเป็นดาวเรือง หรือ ดาวโรย กลับไทยกันแน่⁉️⁉️
หลายคนอ่านมาถึงตรงนี้ อาจจะงง ๆ ว่า อ้าวแล้วที่มรึงลงเรียนมาเนี่ย วิชาอะไร มันเอากลับมาใช้ไม่ได้รึ
รึที่ว่า เค้ามาขุดทองเมืองนอก นี่ไม่จริงรึ
ต้องมี หลัวฝรั่ง เท่านั้นรึ ถึงจะอยู่เมืองนอกได้
บางคนดูหนังมากไป ก็คิดว่า มีเงินซื้อตั๋ว ก็มาอยู่สวย ๆ เป็นนางเอกได้
บางคนอยากมาทำงาน ทำทุกทางให้ได้มา เจอหลอกไปก็เยอะ
🎯 เดี๋ยวคราวหน้าเปิ้ลจะมาเล่าต่อนะคะ ว่า จากผู้ใหญ่เกเร ติดลบใช้วิธีคิดอะไร หรือ เจอเหตุการณ์อะไร ถึง ชีวิตเปลี่ยนมาถึงตรงนี้
เผื่อแนวคิดที่เปิ้ลคิด จะเป็นไอเดียให้คนกำลังวางแผนมาได้นะคะ
แต่ตอนนี้ขอไปทำรายงานข้อสอบครูก่อนเด้อคะ
‼️ใครมีประสบการณ์ เริ่มต้นชีวิตที่ต่างแดนมาแชร์กันนนะคะ เผื่อคนที่เค้ากำลัง อึน ๆ อยู่จะได้มีกำลังใจ
เจ้านายคนแรก ที่เป็น ไอดอล เก่ง เฉียบ
ภาพและบทเขียนจาก👇
ป้าเปิ้ลคนงาม อดีตสาวเฟี้ยสเมืองกรุงบินสู่ซิดนีย์
มาเป็นครูสอนบิวตี้ ช่ำชองการต่อขนตา
มีหลัวทำเป็นเชฟขนม
รักการกิน อินการอ่าน เป็นนักสะสมประสบการณ์
ฝากติดตามผลงานทาง👇
เฟสบุ๊คเพจ
📍https://www.facebook.com/InLashLife/
📍https://www.facebook.com/KinkakuuSweetTalk/
YouTube channel
❤️Bitchy Diary ( สวย strong skills in Sydney )
❤️Kin Ka Ku ( ทำเรื่องในครัวให้เป็นเรื่องหมู ๆ ไปด้วยกันนะคะ )
โฆษณา