30 มี.ค. 2021 เวลา 16:34 • ความคิดเห็น
มีใครยังติดของใช้ที่ใช้ตั้งแต่เด็กบ้างมั๊ยคะ? อย่างเช่น ผ้าห่ม หมอน หรือ ตุ๊กตา
สำหรับเราตั้งแต่จำความได้เราจะติดผ้าขนหนูสีขาวซึ่งเรามีหลายผืน แต่ก็ผืนที่ชอบมากเป็นพิเศษซึ่งผ้าอันนี้คุณแม่เราบอกว่าใช้ตั้งแต่เราเกิด ถ้าจำไม่ผิดเหมือนจะใช้ห่อตัวหรือผ้าห่มนี่แหละคะ ที่บ้านเคยซื้อผืนใหม่ให้ก็ไม่ถูกใจค่ะ เราใช้จับเวลานอนพร้อมกับห่มผ้าห่มอีกที ปัจจุบันตอนนี้เหลืออยู่ 2 ผืน ถ้าถามถึงสภาพ ยอมรับเลยผ้าขี้ริ้วยังดูดีกว่า 555
คุณพ่อกับคุณแม่เคยให้เลิกนะคะ เหตุผลก็เพราะโตแล้ว เราเลิกครั้งแรกตอนประมาณ 10-11 ขวบ คุณพ่อเค้าให้เวลาเราทำใจในการบอกลาการจับผ้านะคะ จนรุ่งขึ้นของวันสุดท้ายเราเป็นคนเอาไปให้เอง และเราถามคุณพ่อว่าจะเอาไปไหน คุณพ่อเค้าบอกว่าเอาไปทิ้ง เราทนเห็นไม่ได้เลยให้เค้าเป็นคนจัดการ แต่เราก็ไปเจอผ้าห่มผืนใหญ่อันใหม่ที่ให้สัมผัสคล้ายคลึงกันก็ใช้จนผ้ามันแข็งตัวและทิ้งไป ช่วงที่ห่างหายจากการมีผ้าห่มพิเศษเฉพาะตัวน่าจะเป็นช่วงม.ปลาย เนื่องจากโรงเรียนของเรากับสถานที่ทำงานของครอบครัวอยู่กันคนละจังหวัดเราอยู่จึงต้องอยู่หอพักและตอนหลังไปอยู่บ้านญาติ จะเจอกันตอนเย็นวันศุกร์และมาส่งตอนวันอาทิตย์เย็น สำหรับการนอนเราไม่มีการติดผ้าห่มหรือหมอนข้างใดๆเลย จนกระทั่งตอนอายุ 19 ย้ายมาอยู่บ้านที่ปัจจุบัน ตอนนั้นเราไปค้นหาผ้าเช็ดตัวผืนใหม่ เราเห็นผ้าหลายผืนอยู่ในถุงเลยถยอยเอาออกจนเราได้เจอกับผ้าเน่าสุดที่รักของเราซึ่งคนที่เก็บไว้ไม่ใช่ใครอื่นคือคุณแม่ของเรานั่นเอง
พอเราเจอเราดีใจมากและใช้มันอย่างต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้ คุณพ่อกับพี่ก็มีบ่นๆบ้างว่าโตแล้ว คุณพ่อเคยพูดกับเราว่า "เคยเลิกมาแล้ว จะไปใช้อีกทำไม?" แต่เราก็ไม่สนใจยังคงใช้อยู่ทุกวันแต่รอบนี้ก็ไม่ได้ติดมากขนาดที่ไปต่างจังหวัดจะต้องเอาไปด้วย คือขาดได้ แต่ถ้ามีผ้าเน่าให้จับจะรู้สึกดีกว่า ครั้งนี้เราพึหายจากการดิ่งมา และคิดว่าไปนอนแปลกที่และมีธุระเช้าเอาผ้าเน่าไปจะได้นอนหลับง่ายๆ แต่เราดันลืมไว้ที่โรงแรมไว้ในผ่าห่มอีกที ทำให้ตอนเตรียมของมองไม่เห็น ขนาดเช็คแล้วนะว่าไม่ลืมอะไรแต่ดันมาลืมผ้าเน่า แถมมานึกออกได้ตอนระหว่างเดินทางกลับมาได้เกือบครึ่งทางและโรงแรมที่พักก็อยู่คนละอำเภอต้องขับรถย้อนไปอีก เราเลยถามทำไงดี พี่ชายก็แซวว่า"ป่านนี้พนักงานเอาไปทิ้งแล้ว" เรานิ่งไปสักพักและคิดว่าจะทำยังไงดี พอคิดออกเราเลยบอกที่บ้านไปว่า "ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยสั่งผืนใหม่" (จริงๆมีอีกผืนอยู่ที่บ้านแต่อันที่ลืมคือผืนโปรด TT) พี่ชายเราก็บอกอีกว่า"ของใหม่จะเหมือนของเดิมได้ยังไง ผ้าก็คนละล็อตแล้ว" เราเลยถามกลับไปว่าแล้ว"จะทำยังไง?" พี่ชายเราก็บอกว่าให้เก็บผ้านั้นเป็นความทรงจำของเราแทน คิดถึงเมื่อไหร่ก็ให้นึกถึงรวามทรงจำที่มีร่วมกันระหว่างเราและผ้า โชคดีหน่อยที่โรงแรมที่พักเป็นของเพื่อนคุณแม่ คุณแม่เลยบอกว่า"ไม่เป็นไร เดี๋ยวคุณแม่บอกให้ป้าเค้าบอกเด็กให้เก็บไว้ให้" คุณพ่อก็บอกว่า "ถ้าอยากให้คนอื่าเค้ารู้ว่ายังติดผ้าอยู่ทั้งพนักงาน ทั้งเพื่อนแม่ก็ตามใจ" ตอนได้ยินตอนแรกก็ไม่รู้สึกติดใจอะไรเพราะรู้อยู่แล้วว่าคุณพ่อเค้าไม่ได้สนัยสนุนและเป็นคนที่ไม่มีวาทศิลป์ในการพูดกับครอบครัว แต่ในใจเราก็คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรแต่ไม่อยากพูดออกไปเพราะมองคนละมุม แต่ละคนต่างเชื่อมั่นในมุมมองของตนเอง พูดไปก็ไม่เกิดประโยชน์เงียบดีกว่า สักพักคุณแม่เราเค้าก็บอกว่าบอกเพื่อนให้แล้วว่าถ้าเจอให้เก็บไว้ด้วย
ความคิดที่ว่าเราผิดอะไรที่ยังติดผ้าเน่าอยู่ แล้วมันเรื่องน่าอายหรอ ทำไมเราต้องทิ้งสิ่งที่เราชอบด้วย แถมสิ่งที่ชอบยังไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนหรือผิดกฎหมาย และเพื่อนสนิทโรคซึมเศร้าก็เผยตัวแสดงอิทธิ์ฤทธิ์ flashbacks ภาพความทรงจำเก่าๆในหลายๆเรื่งที่เราต้องคอยทำตามในสิ่งที่ครอบครัวบอกว่าถูกต้องเหมาะสมแล้ว อย่างเช่นเรื่องเรียน เป็นต้น หรือเรื่องให้ทิ้งผ้าในตอนเด็ก มันทำให้เราเบื่อมากเซ็งสุดไปเลย เราไม่รู้จะทำยังไงเราเลยพยายามหลับเพื่อไม่ต้องคิดอะไร มันก็ช่วยได้นะคะพอตื่นมาเราก็คุยเรื่องอื่นๆแทน ช่วยดูทาง ขนถึงที่บ้านเอาของลง จัดของ อาบน้ำ และเตรียมที่จะเข้านอนแต่ความคิดมันดันกลับมา คิดอยู่อย่างนั้นจนเราตัดสินใจพิมพ์ระบายออกมา
คือเราเบื่อที่จะเถียงกันคุณพ่อแล้ว เพราะมองกันคนละมุม และเบื่อที่ชอบให้คนอื่นทำตามสิ่งที่ตัวเองคืดว่าถูกต้องและดี โดยไม่ยอมรับว่าตัวเองบงการ ซึ่งไม่ใช่แค่คุณพ่อคนเดียวนะ รวมถึงคนอื่นๆด้วย จนเรานึกถึงประโยคที่จิตแพทย์เคยบอกเราว่า "เราต้องรับให้ได้ในสิ่งที่เราชอบแต่ครอบครัวไม่ชอบ" แต่ก็คิดอีกว่าเรารับมาเยอะเหลือเกิน รับจนแบกจะไม่ไหวแล้ว ทำไมต้องให้รับอีก!!! ไม่ได้โกรธคุณพ่อนะเพราะเข้าใจและชินแล้ว และในสายตาเราภาพรวมคุณพ่อก็ดีมากๆด้วย ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้ที่บ้าน ไม่เคยนอกใจคุณแม่ ไม่ทำร้ายร่างกาย ใจดี แต่เราก็ยังตะหงิดกับคำพูดนี้อยู่ดี ไปนอนดีกว่าเผื่อจะลดความฟุ้งซ่านในใจลงได้บ้าง ฝันดีนะคะทุกคน
#SavageDysthymiastory #โรคซึมเศร้า #บันทึกโรคซึมเศร้า
โฆษณา