31 มี.ค. 2021 เวลา 11:27 • ไลฟ์สไตล์
เข้าสู่วงการสายฝ. เพราะหมอดู
ถึงคุณผู้อ่านที่รัก
ขอบคุณมากมายสำหรับกำลังใจที่มีให้กัน ผ่านทางการอ่าน การคอมเมนต์ และการแชร์ ที่มีให้อย่างล้นหลาม มันเป็นแรงผลักที่ทำให้ฉันกลับมาที่นี่อีกครั้ง เพื่อมาเล่า "วันนั้นเจอนี่" Journey ที่ฉันเคยพบเจอมาเมื่อวันนั้น
สายฝ. หรือ สายฝอ ตามความเข้าใจที่ฉันไปหาอ่านมา เป็นคำที่ใช้เรียกกลุ่มคนที่นิยมฝรั่ง นิยมการแต่งตัวในแนวเซ็กซี่ รวมไปถึงคนที่มีสามี - ภรรยาเป็นชาวต่างชาติ (บ้าน ๆ เรียกมีผัวฝรั่งนั่นแหละ)
ฉันก็เป็นคนหนึ่งที่มาแนวสายฝ. แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องการแต่งตัวแน่นอน ต่อให้พยายามแค่ไหน มันก็ดูไม่ออกค่ะว่าเป็นแต่งตัวสายฝ. ของฉันเป็นอย่างหลังค่ะ คือมีปั๋วฝร่างงงง
เส้นทางการเข้าสู่วงการสายฝ. ของหลาย ๆ คนก็คงจะแตกต่างกันไป บางคนอาจไปเรียนเมืองนอกแล้วเลยได้มีแฟนฝรั่ง บางคนอาจใช้วิธีพูดคุยผ่านเว็บหรือแอบพลิเคชันต่าง ๆ บางคนก็ใช้เอเจนต์เป็นสื่อกลาง ส่วนฉันใช้หมอดู เอ๊ะ ! ยังไง? มาคะ ขยับเข้ามาใกล้ ๆ วันนี้จะฉันจะเหลาให้ฟัง
"คนคนนี้ไม่เชื่อหมอดู"… คำแรกที่หมอดูพูดกับฉันเมื่อเริ่มต้นดูดวง
เอิ่ม...ถ้าไม่เชื่อจะมาดูหมอทำเอี้ยอะไรเนี่ย ? แค่นึกในใจนะคะ จริง ๆ แล้วไม่กล้าพูดออกมาหรอกค่ะ ใครจะไปกล้าพูด กลัวหมอดูจะตบกระโหลกเอาสิ เอ้ย ไม่ใช่ ฉันเป็นสุภาพต่อหน้าผู้คนเสมอต่างหากค่ะ
1
ย้อนกลับไปเมื่อ 20 กว่าปีมาแล้ว เพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยกรี๊งกร๊างมาหาเพื่อชวนไปเป็นเพื่อนดูหมอ "หมอคนนี้จองคิวยากนะ ได้ยินมาว่าแม้นแม่น ช่วยไปเป็นเพื่อนหน่อยสิ" "ได้ ๆ ว่างอยู่พอดี" ฉันตอบไป
1
เมื่อไปถึง แน่นอน เพื่อนก็เริ่มคุยกับหมอดูไปโดยมีฉันนั่งเป็นกำลังใจอยู่ข้าง ๆ คอยจดเลคเชอร์สิ่งที่หมอดูพูดเกี่ยวกับเพื่อนทั้งหมด จดละเอียดราวกับจะเตรียมสอบเอนทรานซ์ เมื่อดูให้เพื่อนเสร็จหมอก็หันมาถามว่า คนนี้ล่ะ ดูด้วยไหม ? เพื่อนเอาข้อศอกกระทุ้งข้างต้ว "ดูสิดู" เพื่อนกระซิบ
เอ่อออออ...ดู (ก็ได้) ค่ะ
เมื่อสอบถามวันเดือนปีเกิด เวลาตกฟาก หมอดูก็เริ่มพูดออกมาคำแรก "หนูคนนี้ไม่เชื่อหมอดู !!!"
ไม่ใช่ไม่เชื่อหมอดูนะ แต่จากประสบการณ์การดูดวงไม่กี่ครั้งในชีวิต ก็ไม่เคยเห็นว่าหมอดูคนไหนจะแม่นสักคน เห็นมีแต่เดา ๆ เอาจากความน่าจะเป็น คนนี้ก็คงเช่นเดียวกันแหละ ฉันคิดในใจอีก
"อยากรู้อะไรบ้างล่ะ ?" หมอถามต่อ หลังจากที่อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ไม่รู้จะถามอะไร คุณหมอก็แทรกขึ้นมาเองว่า "ไม่เป็นไร จะพูดให้เองก็แล้วกัน" ว่าแล้วก็ส่งกระดาษกับปากกาไปให้เพื่อนของฉัน แล้วบอกเพื่อนว่า "เอ้า...จดให้เพื่อนด้วยนะ เดี๋ยวหมอจะพูดไปเรื่อย ๆ เลย"
ประมาณ 10 - 15 นาทีที่หมอดูพูดอะไรต่ออะไรมากมายนั้น ฉันก็ฟังไปผ่าน ๆ ตามสไตล์ แต่มาสะดุดกับสิ่งนึงที่หมอบอกว่า "หนูจะรวยมาก ถ้าไปอยู่เมืองนอก"
"หนูจะรวยมาก ถ้าไปอยู่เมืองนอก" "หนูจะรวยมาก ถ้าไปอยู่เมืองนอก" "หนูจะรวยมาก ถ้าไปอยู่เมืองนอก" ฉันท่องวนซ้ำไปซ้ำมา แบบว่าจะให้มันซึมเข้ากระดูก
3
ถามว่าฉันเชื่อหมอดูไหม เชื่อสิ เชื่อหมดใจ ถ้าได้ไปอยู่เมืองนอก ฉันก็คงจะรวยตามที่หมอดูบอก
2
ค่าดูหมอ 500 บาท ได้มาเรื่องเดียว ไปอยู่เมืองนอกแล้วจะรวย
3
เมื่อกลับถึงบ้านก็เริ่มคิด เอ...เราจะไปอยู่เมืองนอกได้ยังไงเว้ ? หมอดูก็ดันไม่ได้บอกไว้ซะด้วยว่าวิธีการไปเมืองนอกจะต้องทำยังไง แค่ไปเที่ยวยังไม่เคยเล้ยยยย
พาสปอร์ต !!!!!! ใช่แล้ว อันดับแรกต้องมีพาสปอร์ตก่อนถึงจะไปเมืองนอกได้
เช้าวันรุ่งขึ้น ฉันแงะเงินในกระปุกที่มีอยู่น้อยนิด เอาไปทำพาสปอร์ตทันที เงินค่าพาสปอร์ตสำหรับฉันในตอนนั้นมันเป็นเงินที่ไม่น้อยเลย แถมยังหมดค่าหมอดูไปแล้วอีกตั้ง 500 บาท แต่เอาวะ มันเป็นการลงทุน ได้ไปอยู่เมืองนอกจริงเมื่อไหร่ก็จะได้ถอนทุนคืน
คำถามต่อมา แล้วจะไปยังไง ? ภาษาอังกฤษของเธอมันอยู่ในระดับฟุตฟิตโฟไฟตกกระไดแขนหักแบบสุด ๆ คงตัองพอพูดอังกฤษได้บ้างซะก่อน ถึงจะไปเมืองนอกได้
1
จะให้ไปลงคอร์สเรียนภาษาน่ะรึ ไม่มีทาง…. หมายถึงไม่มีทางเป็นไปได้น่ะ ฉันไม่มีเงินพอที่จะไปเข้าคอร์สติวภาษาอังกฤษหรอก งั้นฝึกเองไปก่อนดีกว่า
จากนั้นฉันก็เริ่มหาหนังฝรั่งมาดู เลือกเป็นหนังแบบอินดี้ที่ไม่มีซับไตเติ้ลแปลภาษาไทย เอามาดูภาพ และเฝ้าจับสำเนียงพูดในหนัง เดาความหมายเอาจากกริยาท่าทางของตัวแสดง ดูซ้ำวนไปวนมาจนเข้าใจว่าเขาพูดอะไร
หนังที่ดูตอนนั้นจะเป็นม้วนวิดีโอ ยังรู้จักกันอยู่ไหมคะ ? วิดีโอเป็นม้วน ๆ ไปหาซื้อได้ที่ร้านพี่แว่น จตุจักร ใครเป็นคอหนังต่างประเทศในสมัยนั้นต่างมีพี่แว่นเป็นที่พึ่ง หนังดี หนังหายาก หนังไม่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ ต้องไปถามหาเอาจากพี่แว่น
1
ดาหน้าด้าน ๆ คุยกับฝรั่ง
จะพูดภาษาได้ ต้องฝึกกับเจ้าของภาษาโดยตรง จากเด็กบ้านนอกขี้อาย ฉันกลายเป็นคนกล้าพูด กล้าทักทายฝรั่งไปแบบพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ เจอฝรั่งเป็นไม่ได้ ต้องกระโดดเข้าใส่ พูดถูกบ้างผิดบ้าง แต่ฝรั่งก็เอ็นดู ยอมพูด ยอมคุยด้วย จนฉันสามารถสื่อสารได้แบบเข้าใจ แบบไม่อดตายแน่ ๆ ถ้าได้ไปเมืองนอก
พาสปอร์ตก็มีแล้ว ภาษาอังกฤษก็พูดได้แล้ว แต่จนแล้วจนรอด ฉันก็ยังไม่ได้ไปเมืองนอกซะที เฮ้อ !!
จนมาวันหนึ่ง เพื่อนชวนไปเที่ยวหัวหิน เอ๊ะ ! หัวหินอีกแล้ว ฉันมีความผูกพันอะไรกับหัวหินนะ ใครยังไม่ได้อ่านบทความ "ฉันเป็นเจ้าหญิงที่ขี่เป็ด" ลองย้อนไปอ่านดู แล้วจะรู้ว่าฉันผูกพันอะไรกับหัวหิน
1
มาต่อกันที่เรื่องไปหัวหิน ที่ไปหัวหินเพราะเพื่อนชวนไปเที่ยวงานเทศกาลแจ๊สเฟสติวัล ซึ่งจัดเป็นปีแรก ตอนนั้นมีวงดนตรีวงโปรดของฉันเล่นอยู่ด้วย ก็คือ "วงทีโบน" นั่นเอง
หลายคนอาจงง วงทีโบน วงเก่า ๆ แก่ ๆ ที่เล่นเรกเก้น่ะรึ ? ใช่ค่ะ ทีโบนเล่นเพลงแนวเรกเก้ แนวสกา แต่ถ้าเป็นเอฟซีตัวจริงเสียงจริงแบบฉันละก็ จะรู้ว่า ทีโบนมีภาคที่เล่นแจ๊สด้วย และที่กล้านินทาว่าวงแก่นี่ก็เพราะว่ามั่นใจว่า ถ้าพี่ ๆ ทีโบนบังเอิญมาอ่านเจอ ก็จะไม่โกรธ เพราะเชื่อว่าพี่ ๆ จะจำฉันได้ ฉันเป็นแฟนเพลงรุ่นแก่ไปด้วยกัน ว่างั้นเหอะ 😂😂
และที่หน้าเวทีคอนเสิร์ตของวงทีโบน ที่งานหัวหินแจ๊สเฟสติวัลในวันนั้นนั่นเอง ที่ฉันได้พบกับ ฝ. ฝาหร่างงงงงงงง
1
ด้วยความเคยชิน ฉันก็ทักทายปราศัยกับ ฝ. คนนั้นตามปกติ เหมือนกับที่เคยทักทาย ฝ. คนอื่น ๆ นั่นแหละ แต่ต่างกันตรงที่ ฝ. คนนั้น ทำให้ฉันหยุดไม่คุยกับ ฝ. คนอื่นอีกเลย
อีกปีกว่า ๆ ถัดมา ฉันก็แต่งงานกับ ฝ. คนนั้น และลงหลักปักฐานอยู่บ้านแถวย่านฝั่งธนฯ
ผิดคาดละสิ เราไม่ได้ย้ายไปอยู่เมืองนอกด้วยกัน และฉันก็ลืมเรื่องไปอยู่เมืองนอกเสียสนิทไปเลย (ก็เลยยังไม่รวย 😂😂)
และนี่แหละก็คือเรื่องราวของฉันกับหมอดู ที่ชักนำฉันเข้าสู่วงการสายฝ.
หมอดู สำหรับฉันไม่ใช่หมอเดา แต่ฉันยกให้เป็นหมอดัน ถ้าหมอดูพูดอะไรแล้วไม่ชอบก็ปล่อยไป แต่ถ้าชอบและอยากจะเชื่อสิ่งไหนละก็ ขอให้เชื่อสิ่งนั้นจนหมดใจ แล้วเอามาเป็นแรงพลักดันให้เราทำจนได้สิ่งนั้นมา
1
ที่สำคัญ ดอกจัน 3 ดอก *** เลือกเชื่อแต่สิ่งดี ๆ ก็พอ จะได้ไปเมืองนอกหรือไม่ได้ไป แต่อย่างน้อย ฉันก็ได้อัพสกิลล์ภาษาอังกฤษของตัวเองจนอยู่ในระดับงูอนาคอนดาและปลาวาฬบรูด้าเลยทีเดียว
3
เดี๋ยว ๆ ๆ ๆ ก่อน แล้วตกลงจะได้ไปเมืองนอกไหม ? แล้วรวยไหม ?
อยากรู้ ขอเชิญติดตามในบทความต่อไปนะคะ ขอกำลังใจเป็นกดไลก์ กดแชร์ แล้วจะกลับมาเหลาให้ฟังใหม่ค่ะ
ผู้เขียน
การศึกษา : ปริญญาศิลปศาสตร์บัณฑิต ภาควิชาภาษาไทย
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
1
ประสบการณ์ : เขียนบทความ สารคดี บทละคร บทวิทยุ - โทรทัศน์
เรียนและรักษ์ภาษาไทย ชอบออกไปดู ไปดม ไปชมโลกด้วยความหลงใหลแล้วนำกลับมาเล่า
 
ติดตามผลงานอื่น ๆ ได้ที่
 
บล็อกท่องเที่ยว ป้าพาไปหลง
และฝากผลงานหนังสือ E-Book เที่ยวเมลเบิร์นด้วยตัวเองไปกับรถรางสาย 35
โฆษณา