"การลงทุนมีความเสี่ยง ควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจ" เป็นประโยคที่ติดหูมานาน แต่ไม่เคยเข้าใจมันจริงๆ หลายเดือนที่ผ่านมา ไม่ว่าจะปิดออเดอร์แล้วกำไรเท่าไหร่ แต่ก็มีออเดอร์อีกฝั่งที่ติดลบและไม่กล้ายอมปิดเพราะมันขาดทุนอยู่ ไม่สามารถรับได้หากจะปิดแล้วขาดทุนมากกว่ากำไร ยิ่งนานวันยิ่งขาดทุนหนักขึ้น หนักขึ้น จนต้องเติมเงินเพื่อรักษาพอร์ต ไม่ให้ระบบปิดออเดอร์อัตโนมัติ หากทุนติดลบจนเกินขีดจำกัดที่โบรคเกอร์กำหนดไว้ หรือที่เรียกเหตุการ์ณนี้ว่า "Stop Out"
การเติมเงินนั้นยังไม่หยุดพร้อมๆกับการติดลบที่เพิ่มขึ้น สิ่งที่ตามมาคือ การนั่งเฝ้าหน้าจอคอมตลอดเวลาเพื่อหาจังหวะปิดและเปิดใหม่ที่ราคาได้เปรียบ ทองคำในตลาดโลกนั้น ราคามีการเคลื่อนไหว ตั้งแต่เวลา 5:00 น. - 4:00 น. ของวันถัดไป ในช่วงหน้าร้อนและหน้าฝนของไทย กราฟจะหยุดวิ่งแค่เพียง 1 ขั่วโมงเท่านั้น
นั้นแหละครับเวลาที่ได้หลับเต็มตาของผม สัปดาห์ละ5วัน ที่ต้องอดหลับอดนอน ต้องเฝ้ากราฟตลอดเท่าที่จะเฝ้าได้ มันทรมาน มันเหนื่อย มันเริ่มไม่ไหว กลัวการ Stop out จะเกิดขึ้น กลับมาครุ่นคิดว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นมันเรียกว่า"การลงทุน"ได้อีกหรือ
เมื่อรู้สึกว่าทองไม่ใช่คำตอบ ผมก็จัดคู่เงิน EURUSD , USDJPY , GBPUSD อะไรที่มองเห็นในรายชื่อรายการคู่เงินก็กดออกออเดอร์หวังเป็นกำลังเสริม….ครับ อย่างที่คิดไว้ นอกจากทองที่กระทืบผมจนสะบักสะบอม ตอนนี้ดันไปเรียกเพื่อนมันมาช่วยสามัคคีชุมนุมบาทากันอย่างเมามัน ตอนนี้เงินที่ลงไปถึง 500,000 บาทแล้ว กำไรไม่เคยถอนออกมาสักบาทเลย ติดลบประมาณ 495,000 บาท
ขอดราม่าหน่อยเถอะครับ จากที่เป็นคนเข้มแข็งมันก็อ่อนแอ จากที่เคยแข็งแกร่งต่อเรื่องใดๆ ก็กลายเป็นท้อถอย เงินก้อนที่ผมกับแฟนช่วยกันสร้างมาอย่างยากลำบาก 10 ปี จำต้องจบแบบนี้หรือ?
...แล้วจากนี้ชีวิตจะไปทางไหนต่อครับ นี้ไม่ใช่คำถามแต่เป็นคำที่บอกกับตัวเองว่า "เอ็งมันไอ้กระจอก ไอ้คนล้มเหลวไม่เป็นท่า"