1 เม.ย. 2021 เวลา 05:44 • ข่าว
EP.104 “Murder on a Greyhound Bus”
รถโดยสาร หรือรถบัส ที่เรารู้จักกันดี เป็นรูปแบบการเดินทางคมนาคมที่เป็นที่นิยมเป็นอย่างมากในหลายๆประเทศ ด้วยเพราะมีราคาถูก และจอดรับ-ส่งผู้โดยสารตลอดทาง คนที่เป็นผู้โดยสารก็สามารถหลับได้อย่างยาวๆ หรือทำอย่างอื่นตอนอยู่บนรถได้ การต่อรถหรือเปลี่ยนรถก็ดูจะง่ายดาย มีสถานีมากมายรองรับความต้องการตลอด และคนที่โดยสารบนรถก็ค่อนข้างจะเยอะ ถึงแม้จะเดินทางคนเดียว ก็ไม่เปลี่ยว มีความปลอดภัยสูง ถึงแม้จะใช้เวลานานกว่าการเดินทางแบบอื่นก็ตาม
....แต่ก็ไม่เสมอไปหรอกนะ ใครจะไปรู้...บางวันเราอาจจะเจอ Jackpot ก็ได้
***เรื่องนี้มีข้อความที่มีคำบรรยายที่รุนแรง น่าสยดสยอง และมีเรื่องเกี่ยวกับ mental health ขอให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณนะคะ
รถ Greyhound คันที่เกิดเหตุ cr:https://murderpedia.org/
เราทำคลิปเรื่องนี้ไว้ สามารถตามไปดูได้ที่นี้ค่ะ:
เด็กหนุ่มผู้รักชีวิตและการผจญภัย:
Timothy McLean เด็กหนุ่มวัย 22 ปี กำลังนั่งกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่บนรถบัส Greyhound หมายเลข 1170 ที่มุ่งหน้าไปยังเมือง Winnipeg ของประเทศ Canada ในวันที่ 30 มิถุนายน ปี 2008
Cr:https://www.reddit.com/.../9mgv04/the_killing_of_tim_mclean/
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ในปี 2007 Timothy วัย 21 ปี เดินทางกับเพื่อนสนิทอีกคนนึง เพื่อเข้าทำงานในคณะ carnival ในตอนแรกที่ตั้งใจว่าจะหางานทำช่วงหน้าร้อนเท่านั้น แต่ไปๆมาๆ Timothy ที่รักการท่องเที่ยว ก็อยู่กับคณะ carnival นี้มาเกือบปี เขาเดินทางไปยังเมืองโน้นที เมืองนี้ที จนกระทั่งได้มาเจอกับ Colleen แฟนสาว ไม่นาน Colleen ก็ตั้งท้องลูกของ Timothy ประกอบกับ Timothy เริ่มเบื่อการเดินทางไปเรื่อยๆแบบไม่มีจุดหมาย เขาเลยเลือกที่จะย้ายไปตั้งรกราก เพื่อหางานที่มั่นคงทำ และสร้างครอบครัวที่เมือง British Columbia แทน เมื่อเลือกเมืองได้แล้ว Timothyเลยตัดสินใจเดินทางกลับบ้านที่เมือง Winnipeg เพื่อเก็บของและเตรียมตัวย้ายที่อยู่
1
Timothy. ขณะทำงานอยู่ใน Carnival    cr:https://mysteriesrunsolved.com/
วันที่ 30 มิถุนายน ปี 2008 นั้น Timothy ตัดสินใจซื้อตั๋วรถบัส Greyhound เพื่อมุ่งหน้ากลับบ้าน การเดินทางทริปดังกล่าวจะใช้เวลายาวนานถึง 24 ชั่วโมง จริงๆแล้วเพื่อนๆที่คณะ carnival ของ Timothy พยายามที่จะรวบรวมเงินเพื่อซื้อตั๋วเครื่องบินให้ Timothy แต่เจ้าตัวปฏิเสธ เนื่องจากเขานั่งรถโดยสารเป็นประจำอยู่แล้ว และไม่อยากให้เพื่อนๆต้องมาเสียเงินด้วย
Timothy นั่งรถมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเวลาผ่านไป 18 ชั่วโมงแล้ว รถมาจอดที่เมือง Manitoba เพื่อขนถ่ายผู้โดยสาร เวลาประมาณหกโมงเย็นก็มีผู้โดยสารบางส่วนเปลี่ยนลงรถไปและมีผู้โดยสารใหม่ๆขึ้นมา หนึ่งในผู้โดยสารที่เดินขึ้นมานั้นคือ Vince Li เขาเป็นชายชาวเอเชียรูปร่างสูงเกือบ 6 ฟุต เขาตัดผมสั้นและใส่แว่นตากันแดดสีดำ และนั่งลงบนรถแถวหน้าๆของรถโดยสารนั้นเอง
ชายหนุ่มผู้มาจากแดนไกล:
Vince Li นั้นเกิดที่ประเทศจีนในปี 1968 เขาเรียนจบปริญญาตรีทางด้านสาขาวิชาคอมพิวเตอร์และและอพยพย้ายมาอยู่ที่ประเทศ Canada ในปี 2001 Vince ทำงาน แต่งงานและใช้ชีวิตอยู่ที่ Canada จนกระทั่งปี 2006 ก็กลายมาเป็นพลเมือง ประชาชนของประเทศ Canada อย่างเต็มตัว
แต่ถึงจะย้ายมาอยู่ที่ประเทศใหม่ Vince ก็ใช่ว่าจะมีความสุข เขาค่อนข้างที่จะเป็นทุกข์มากด้วยซ้ำ เนื่องจากปัญหาทางด้านภาษาของตัวเองที่ไม่สามารถสื่อสารได้อย่างเต็มที่ ถึงแม้ว่าจะจบการศึกษาเฉพาะทางถึงระดับปริญญาตรี Vince ก็ไม่สามารถหางานที่มั่นคงได้ ทำให้ Vince ต้องรับจ้างทำงานเล็กๆน้อยๆที่ค่อนข้างจะเป็น minimum wage เช่นงานในร้านอาหาร Fast Food งานรับส่งหนังสือพิมพ์ งานในโบสถ์ หรือใน supermarket เป็นต้น เขายังมีปัญหาเกี่ยวกับการเข้าสังคม การพยายามทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานเล็กน้อย เพราะไม่สามารถสื่อสารในสิ่งที่ตัวเองอยากจะพูด หรือไม่เข้าใจสิ่งที่คนอื่นต้องการจะบอกมากนัก
1
**น่าจะอึดอัดไม่น้อยนะคะ การย้ายไปอยู่ที่ประเทศใหม่ แล้วต้องพยายามทำงานทุกอย่างเลี้ยงครอบครัว แถมยังไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปรกติเหมือนกับที่ตัวเองเคยเป็นมา แต่เพื่ออนาคตก็ต้องก้มหน้าก้มตาทำต่อไป
ในปี 2005 นั้น แพทย์ได้วินิจฉัยว่า Vince นั้นมีอาการทางจิตที่เรียกว่า schizophrenia (โรคจิตเภทชนิดนึง ซึ่งหนึ่งในอาการที่ผู้ป่วยเป็นคืออาการประสาทหลอนนั้นเองค่ะ) แต่เขาก็ไม่ได้เข้ารับการรักษา หรือทานยาอย่างต่อเนื่อง มิหนำซ้ำก็ยังมีปัญหากับภรรยาอย่างหนัก จนกระทั่งขอแยกทางกันเลย
1
ก่อนที่จะมาขึ้นรถโดยสารนั้น Vince ซื้อตั๋วรถเพื่อมุ่งหน้าไปยังเมือง Winnipeg และออกจากบ้านพร้อมกับกระเป๋าเดินทาง 3 ใบ เขาทิ้งโน้ตไว้ให้ภรรยา (หรือจะกลายมาเป็นอดีตภรรยา) แบบสั้นๆแค่เพียงว่า มีเรื่องด่วน เขาต้องออกนอกเมืองไปซักพัก และหวังว่าภรรยาจะมีความสุขในช่วงที่เขาไม่อยู่ (ฝ่ายภรรยาคิดว่าแปลกๆ แต่ก็คงไม่ได้อะไรมาก เพราะไหนๆก็จะแยกทางกันอยู่แล้ว)
2
หลังจากที่ออกจากบ้านมาแล้ว Vince ก็นั่งรถมุ่งหน้าไปยังเมือง Winnipeg แต่ก็ลงจากรถมากลางทางที่เมืองที่มีชื่อว่า Erickson ถึงแม้ว่าคนขับรถจะทักท้วงและบอกกับเขาว่า ตั๋วของเขาไม่ต้องเปลี่ยนรถ และสามารถนั่งยาวไปจนถึงเมือง Winipeg ได้ก็ตาม Vince ก็ยังไม่ฟัง เขาหอบข้าวของลงมา นั่งที่ม้านั่งที่ตั้งอยู่ที่สถานี เขานั่งเฉยๆ ตาเบิกโพลง นั่งนานข้ามวันข้ามคืน และคนสังเกตเห็นเขา เพราะ Vince ติดป้ายประกาศขาย Laptop ของตัวเองในราคา 600 เหรียญแคนาดา แต่ไปๆมาๆ ไม่มีคนซื้อ เขาเลยขายมันไปที่ราคา 60$ แทน
หลังจากที่นั่งรอรถข้ามวันข้ามคืน เขาก็ตัดสินใจ ขึ้นรถโดยสารหมายเลข 1170 ที่มาจอดเทียบท่าพอดี รถคันนี้แหละค่ะที่มี Timothy McLean นั่งมาด้วย
1
เกิดอะไรขึ้น:
หลังจากที่รถโดยสารเดินทางออกจากเมือง Erickson มาพอประมาณ ก็จอดแวะพักอีกครั้ง เพื่อให้ผู้โดยสารได้แวะสูบบุหรี่ หาอะไรทาน หรือทำธุระส่วนตัว พอผู้โดยสารขึ้นรถหมดแล้ว ตอนนี้เองที่ Vince นั้น เริ่มเดินไปตามทางเดินของรถเพื่อย้ายที่นั่ง
เขาเดินมองผู้โดยสารคนนั้นที คนนี้ที ก่อนจะเดินมาหยุดและนั่งลงข้างๆ Timothy ซึ่ง Timothy ก็เงยหน้าขึ้นมาทักทายเขา ยิ้มให้ ก่อนจะใส่หูฟังและหลับต่อเหมือนเดิม ถึงแม้ว่าทั้งรถจะว่าง มีที่นั่งสำหรับทุกคนให้นั่งคนเดียวได้ (ทั้งคันมีผู้โดยสารประมาณ 30 กว่าคน)
1
**Tim นั่งอยู่ที่แถวหลังของรถ เกือบจะหลังสุด และนั่งติดกับหน้าต่าง ข้างหลังก็เป็นผนังที่ติดกับห้องน้ำบนรถ ใครที่นั่งรถทัวร์อาจจะพอนึกออกนะคะ
นอกจากนี้แล้วคนที่นั่งเบาะข้างๆ ที่อยู่อีกแถว เริ่มเห็นว่า Vince มีอาการแปลกๆ เช่น เขาจะถือม้วนกระดาษชำระไว้ตลอดเวลา ไม่ยอมวาง ขนาดจะดื่มชาที่บรรจุมาในขวดขนาด 2 ลิตร ยังเอากระดาษชำระม้วนนั้น สอดไว้ใต้คางหนีบไว้แล้วยกขวดขึ้นมาดื่ม นอกจากนี้แล้ว Vince ยังเริ่มโยกตัวไปมา และพึมพำเป็นภาษาอะไรซักอย่าง ไม่มีใครฟังออกเพราะมันไม่ใช่ภาษาอังกฤษ
1
ตอนประมาณ 20.30 น. ฟ้ามืด คนขับปิดไฟในรถ เพื่อให้ผู้โดยสารได้พักผ่อน มีแสงไฟอยู่จุดเดียว คือจากหน้ารถที่เปิดทีวีทิ้งไว้ให้ผู้โดยสารดู บางคนกำลังนอนหลับ บางคนก็อ่านหนังสือบ้าง ดูทีวีบ้าง อยู่ดีๆก็มีเสียงกรีดร้องดังโหยหวนมาจากทางด้านหลังรถ พร้อมกับเสียงคนตะโกนบอกคนขับให้จอดรถๆๆๆๆ
1
เพราะมีคนถูกแทง!!!!!
พยานในที่เกิดเหตุเล่าว่า อยู่ดีๆ Vince ก็หยิบเอามีดเดินป่า (หรือที่เรียกว่ามีด Rambo) อออกมาจากกระเป๋า ….แล้วก็เริ่มจ้วงแทง Timothy ที่นั่งอยู่ข้างๆที่คอและหน้าอก
2
Timothy ในตอนนั้นก็ร้องออกมาและพยายามจะหนี แต่อย่างที่บอกว่าพิกัดที่นั่งอยู่ ไม่รู้จะหนีออกมายังไงเพราะที่นั่งก็บังอยู่แถมคนร้ายยังนั่งล็อกติดอยู่ข้างๆ ในตอนที่กำลังสับสนอลหม่าน Timothy ไม่รู้ว่าหนีออกมาแล้วมาล้มลง หรือโดนจับเหวี่ยงมานอนตรงทางเดิน แล้วก็เจอ Vince กระหน่ำแทงไม่หยุด คนขับก็จอดรถเข้าข้างทางและบอกให้ผู้โดยสารทุกคนออกจากรถ
ในระหว่างนี้เอง Chris คนขับรถบรรทุก ขับมายังที่เกิดเหตุ (ข้างทางของถนน Highway) และสังเกตเห็นรถโดยสารที่จอดอยู่ พร้อมคนที่ออกมายืนรอจำนวนมาก มีผู้โดยสารคนนึงโบกรถเขาให้จอดและบอกว่ามีคนถูกแทง
Chris จึงหันไปหยิบชะแลงออกมา และเดินขึ้นไปบนรถ Greyhound พร้อมกับคนขับรถ และผู้โดยสารที่เป็นผู้ชายอีกคนนึง (ที่ถือค้อนไปด้วย) เพื่อที่จะพยายามไปช่วย Timothy
1
เมื่อเดอะแก๊งค์ทั้งสามเดินขึ้นไปบนรถ ก็เห็น Vince ที่ยังกระหน่ำแทง Timothy ไม่หยุด ที่คอของ Timothy นั้นมีแผลขนาดใหญ่และ Chris รู้ในทันทีว่า พวกเขานั้นมาช้าไปเสียแล้ว Vince นั้นมีสายตาว่างเปล่า เหม่อลอย ในขณะที่ Chris กับพยานคนอื่น ตะโกนให้เขาหยุด Vince กลับคว้ามีดเริ่มหั่นคอ Timothy จนหัวของศพหลุดออกมาในที่สุด เขาชูหัว Timothy ขึ้นมาในมือข้างนึง อีกข้างนึงถือมีดแล้วเริ่มเดินเข้าหาชายทั้งสามคนช้าๆ พอเห็นดังนั้น Chris และพรรคพวก กรูกันออกมานอกรถ ปิดประตูแล้วหาของมากั้นประตูไว้ไม่ให้ Vince เปิดประตูออกมาได้ คนขับรถวิ่งอ้อมไปหลังรถ เพื่อตัดระบบไฟฟ้าของรถโดยสารทั้งหมด ทำให้ Vince ไม่สามารถเปิดประตู หรือขับรถหนีไปพร้อมศพได้
ไม่นานเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดแรกก็มาถึง แต่ยังคงรอเจ้าหน้าที่รายอื่นมาสมทบและรอหน่วยกองกำลังของตำรวจที่คล้ายกับเจ้าหน้าที่ SWAT มายังที่เกิดเหตุ Vince ที่นอกจากจะหยิบเอาหัว Timothy ชูขึ้นและเดินไปมา คล้ายกับโชว์ของรางวัลบางอย่างให้กับทุกๆคนได้ดู เขาก็เริ่มทำเรื่องที่ทุกคนถึงกับเบือนหน้าหนี ในระหว่างที่เดินไปเดินมา เขาก็จ้วงแทง ตัด เฉือนศพของ Timothy พร้อมกับหยิบเอาชิ้นเนื้อขึ้นมาดม…..แล้วก็หยิบใส่ปากเคี้ยวกลืนลงไป สร้างความสะอิดสะเอียนและความตกใจให้กับเหล่าเจ้าหน้าที่และผู้โดยสารคนอื่นเป็นจำนวนมาก (รถโดยสารมีลักษณะมีหน้าต่างเยอะใหญ่และเยอะมากนะคะ เพราะฉะนั้นไม่แปลกที่คนจะเห็นเหตุการณ์ส่วนใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้นในรถ)
3
ภาพจากคืนเกิดเหตุที่ตำรวจพยายามพูดคุยเกลี้ยกล่อม Vince Cr:https://murderpedia.org/
เวลาประมาณ 9.30 - 10.00 น. เจ้าหน้าที่กับผู้เจรจามาถึงที่เกิดเหตุ พร้อมกับรถโดยสารคันใหม่ที่รับเอาผู้โดยสารที่เหลือออกจากที่เกิดเหตุและเดินทางไปยังสถานีตำรวจ Vince ก็ยังไม่ยอมออกจากรถ และเจ้าหน้าที่ก็ไม่บุกเข้าไปในรถเพื่อจับกุมเขา จนกระทั่งเวลาประมาณ 1.30 น. Vince ก็พยายามจะหนีออกจากรถ ด้วยการปีนออกจากหน้าต่างรถทางข้างหลัง เจ้าหน้าที่จึงยิงปืนไฟฟ้าใส่เขาและเข้าจับกุมในที่สุด
หลังจากที่พา Vince ไปทำการเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อเก็บหลักฐานที่สถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ไปเจอเข้ากับ...ใบหูและลิ้นของ Timothy ที่ Vince ตัดออกมาแล้วเอาใส่ในกระเป๋า เมื่อจับ Vince ได้แล้ว เจ้าหน้าที่นิติเวช ขึ้นไปบนรถเพื่อทำการเก็บหลักฐานต่างๆ ก็เจอเข้ากับสภาพศพของ Timothy ที่เรียกได้ว่า “เละไม่มีชิ้นดี” มีเลือดและชิ้นเนื้อกระจายทั่วรถโดยสาร ที่น่ากลัวคือ ลูกตาทั้งสองข้างของศพหายไปและไม่มีใครหาเจอ ...เพราะ Vince กลืนมันเข้าไปแล้วพร้อม ⅓ ของหัวใจของ Timothy นั้นเอง (แงงงง 😱😱😱)
1
Cr:https://murderpedia.org/
พอเกิดเหตุสยองแบบนี้เข้า ภายใน 24 ชั่วโมง ข่าวก็ดังไปทั่วประเทศ (และนอกประเทศด้วย) น่าสงสารมากที่ Carol แม่ของ Timothy ที่ทำงานในสถานที่ดูแลคนชรา พอเห็นข่าวก็ไม่คิดว่าเป็นลูกของตัวเอง ได้เข้าร่วมทำการสวดมนต์กับบรรดาเพื่อนร่วมงาน และ บรรดาผู้ที่อยู่อาศัยในที่พักคนชราดังกล่าว เพื่อส่งแรงสวดมนต์นั้นไปยังครอบครัวของเด็กหนุ่มผู้เสียชีวิต จนกระทั่งสามีเก่า โทรมาบอกในไม่นานหลังจากนั้นเองว่า คนที่ตายคือ Timothy ลูกของเธอนั้นเอง
Carol และ Timothy ลูกชาย
**Timothy กำลังมุ่งหน้าไปยังบ้านพ่อ (พ่อกับแม่หย่ากันและ Tim อยู่กับพ่อมาตลอด) พ่อก็ไม่รู้ เตรียมออกไปซื้อไก่ทอดที่ลูกชายตัวเองชอบกินมาไว้ให้ เตรียมต้อนรับลูกกลับบ้าน จนกระทั่งเพื่อนลูกมาบอกข่าว ในตอนนั้นเจ้าหน้าที่เจอเอกสารที่ระบุว่าผู้ตายน่าจะเป็นใคร แต่ด้วยสภาพศพที่เละมาก ทำให้ต้องรอการพิสูจน์อัตลักษณ์อย่างเป็นทางการก่อน
The Aftermath:
หลังจากที่โดนเจ้าหน้าที่จับกุมตัว Vince ก็สารภาพกับตำรวจว่า เขาได้ยินเสียงในหัวมานานแล้ว เสียงนี้คือเสียงของคนที่ Vince คิดว่าเป็นพระเจ้าของเขา ซึ่งเสียงนี้จะคอยบอก Vince ว่า มีคนกำลังจ้องที่จะเข้ามาทำร้าย Vince ตลอดเวลา ทำให้ Vince ต้องออกจากบ้านและพยายามจะหนีไปให้ไกลมากที่สุด ตอนที่ลงมาจากรถโดยสารก็ได้ยินเสียง ตอนขึ้นรถโดยสารไปอีกครั้งก็ได้ยินเสียงอีก เขาเลือกนั่งข้างๆ Timothy เพราะเป็นคนเดียวที่เงยหน้ามาทักทาย Vince นั้นเอง
2
Vince หลังจากเกิดเหตุและถูกพาตัวมาขึ้นศาล Cr:https://murderpedia.org/
พอนั่งๆอยู่ เสียงก็เริ่มบอกให้เขาฆ่า Timothy เพราะหากเขาไม่ทำ ตัว Vince นั้นแหละจะเป็นคนโดนฆ่าเสียเอง จังหวะที่จู่โจม Timothy จนเสียชีวิตแล้วนั้น เสียงในหัวก็บอกเขาอีกว่า ศพของ Timothy นั้นจะฟื้นคืนขึ้นมาและทำร้ายเขาได้ เขาเลยต้องทำการทำลายศพอย่างหนัก เพื่อป้องกันไม่ให้คนตายฟื้นคืนชีพ
Vince ถูกส่งตัวไปประเมินสภาพจิตก่อนที่เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ทั้งจิตแพทย์ ทนาย อัยการ และผู้พิพากษาลงความเห็นตรงกันว่า ในขณะที่เขาก่อคดีนั้น Vince ไม่สามารถรับรู้ผิดชอบชั่วดีได้ และมีอาการป่วยถึงขั้นที่ว่า ไม่สามารถเข้ารับการพิจารณาคดีของตัวเองได้นั้นเอง Vince นั้นถึงแม้จะมีความผิดจริง แต่เข้าข่าย “not criminally responsible” ถึงแม้ว่า Vince จะสำนึกผิด และขอให้ผู้พิพากษา ลงโทษประหารชีวิตเขาก็ตาม ผู้พิพากษาส่ง Vince ไปบำบัดในโรงพยาบาลจิตเวชแทน
ประเด็นมันอยู่ที่ว่า เมื่อ Vince ถูกส่งเข้าไปบำบัดสภาพจิตในโรงพยาบาล ไม่กี่ปีต่อมา เขาสามารถออกจากโรงพยาบาลแล้วไปอยู่ใน group home พร้อมกลับคืนเข้าสู่สังคม โดยไม่มีประวัติติดตัวใดๆทั้งสิ้น ซึ่งในปี 2016 Vince ก็ออกมาแล้วและเปลี่ยนชื่อเป็น William Baker เข้าฝึกอบรมอาชีพเพื่อหางานทำต่อไป
cr:https://www.thestar.com/
ข่าวดังกล่าว สร้างความโกรธแค้นให้กับครอบครัวของ Timothy เป็นอย่างมาก เพราะถึงแม้จะเข้าใจว่า Vince เป็นผู้ป่วย แต่ครอบครัวมองว่า เขาสมควรได้รับโทษในคุกบ้าง ไม่ใช่ออกมาเดินตามถนนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พร้อมกันนี้เหล่าผู้โดยสาร กับคนขับรถบรรทุก หรือคนขับรถ Greyhound เองก็มีอาการแบบ PTSD จากภาพเหตุการณ์ที่ตัวเองเห็น แต่กลับไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆจากรัฐเลย ทำให้มีการฟ้องร้องเป็นคดีความเกิดขึ้นหลายคดีเช่น
⚖️ ครอบครัวของ Timothy ฟ้องกรมตำรวจของ Canada เพราะถึงแม้ว่าจะเข้าใจว่าไม่สามารถยับยั้งเหตุที่เกิดขึ้นได้ แต่ก็ไม่ควรปล่อยให้ Vince อยู่ในรถและ mutilate ศพของ Timothy นานขนาดนั้น
⚖️ผู้โดยสารคนอื่นฟ้องบริษัทที่ operate รถบัส Greyhound ว่าไม่มีการสกรีนความปลอดภัย ปล่อยให้คนมีอาวุธร้ายแรงแบบนี้ ขึ้นรถมาได้อย่างไร (อันนี้น่าคิด เพราะมันไม่เหมือนสนามบินนี่เนอะ)
หลังจากที่ Timothy เสียชีวิตได้เพียงแค่ 5 เดือน ลูกชายคนแรกของ Timothy ก็ถือกำเนิดขึ้นมา Colleen ผู้เป็นแม่ ด้วยความที่มีลูกหลายคนก่อนหน้านี้แล้ว ไม่สามารถเลี้ยงดูทารกน้อยคนเดียวเพิ่มได้อีก สิทธิการเลี้ยงดู จึงตกเป็นของ Carol ผู้เป็นย่าแทน
2
🔪🔪🔪 : ความคิดเห็นส่วนตัวเราเลยจะเห็นว่าในคดีนี้ Vince นั้นมีอาการป่วยจริง และมีอาการวิกลจริตถึงขั้นที่กฎหมายจะรองรับว่าไม่สามารถดำเนินคดีอาญาได้ แตกต่างจากคดีอื่นๆ เพราะถ้าพิเคราะห์ดูแล้ว คือเขาทำแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทำต่อหน้าสาธารณะชน และไม่ได้ซ่อนเร้นหรือมีความพยายามทำลายหลักฐาน มันไม่เหมือนเคสอื่นๆที่ฆ่าไปหลายๆคน วางแผนฆ่า หรือฆ่าแล้วพยายามกลบเกลื่อนพยานหลักฐาน หรือหนีไปไม่ให้ตำรวจจับ น่าจะเพราะเหตุนี้เลยได้เข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลแทนคุก
1
ส่วนตัวแล้วเห็นใจทั้งสองฝ่าย ฝ่ายที่สูญเสีย และฝ่ายผู้ป่วย เพราะผู้ป่วยก็คือผู้ป่วย เหมือนถ้าเราป่วยบ้าง วันนึงเราทำอะไรแบบนี้ลงไป มารู้ตัวอีกที ทำไปแล้ว เราจะรู้สึกยังไง? เราจะแก้ไขอะไรยังไง? และเราสมควรต้องเข้าไปอยู่ในคุกเหรอ? ทั้งๆที่เราก็ไม่ได้อยากจะทำ แค่เพียงเพราะเราควบคุมอาการป่วยของตัวเองไม่ได้? แต่อีกทาง เราก็อยากให้ประชาชนเดินถนนทั่วไปมีความปลอดภัย ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ มาเจอ jackpot เข้า เป็นความสูญเสียที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น
สุดท้ายแล้ว อยากให้เห็นใจผู้ที่มีอาการป่วยทางจิตมากๆ และอยากให้คนที่รู้สึกว่าตัวเองมีอาการป่วย เข้ารับการรักษาที่ถูกต้อง ไม่อยากให้โดนด่าทอ ไม่อยากให้คิดว่าตัวเองเป็นคน “บ้า” เพราะเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้กับทุกคน และมันไม่ใช่เรื่องน่าอาย หากเราพบเห็นคนใกล้ตัวมีอาการ ก็ควรให้กำลังใจและพยายามพาเข้าพบแพทย์เพื่อให้อาการท่ีหนักแล้วผ่อนเป็นเบา หรือหากเบาอยู่ก็ให้หายขาด
อ่านเรื่องนี้แล้วต่อไปนี้หากเราขึ้นไปนั่งบนรถโดยสาร เราจะกล้าหลับไหมนะ? ต้องเปิดตาไว้ข้างนึงตลอดเวลาแบบนี้หรือเปล่า น่ากลัวจัง
EP. เก่าๆดูได้อีกทางที่นี้ค่ะ
Facebook Page:
🐝Subscribe To My Youtube Channel🐝
Blockdit:
โฆษณา