29 เม.ย. 2021 เวลา 05:15 • นิยาย เรื่องสั้น
3.25. รัชทายาทพลัดถิ่น
ซุนซ่างเซียง เหยื่อนักการเมือง - สองอาวุโส งอหยี่เหนียง ก๊กไถ้ - เกียวชวน ก๊กโล
เวลาต่อมา พวกเล่าปี่จึงได้ทำการต้อนรับตัวแทนจากฝ่ายกังตั๋ง เป็นเสนาบดีโลซกที่ทำหน้าที่พ่อสื่อ นำข้อเสนอจากซุนกวนมาชักนำให้เล่าปี่ไปแต่งงานกับซุนซ่างเซียง ผู้เป็นน้องสาวต่างมารดาที่เมืองต๋องง่อ ทำเอาเล่าปี่งุนงงในเจตนาแอบแฝง จนต้องขอปรึกษากับขงเบ้งเป็นการลับก่อน
"ตัวเราก็อายุรุ่นราวคราวเดียวกับซุนเกี๋ยน บิดามันแท้ๆ นี่มันกลับต้องการให้เราลดชั้นไปเป็นน้องเขยของมันเชียวหรือ ต้องเป็นจิวยี่มีแผนการใดซ่อนเร้นอยู่เป็นแน่ ตอบปฏิเสธไปดีหรือไม่” เล่าปี่เอ่ยถาม
ขงเบ้งลอบประเมินในใจ ตอนนี้ ตัวมันเองก็อยู่ในสถานะที่มั่นคงในเมืองเกงจิ๋วระดับหนึ่ง ราษฎรเริ่มถอดใจจากเล่ากี๋ ทายาทเล่าเปียวผู้เหลวไหลอ่อนแอ เทใจให้กับเล่าปี่ ขงเบ้ง สองแกนนำคนใหม่ของขุมกำลังเกงจิ๋วแล้ว
หากเล่าปี่เกิดเภทภัยอันใดไปในตอนนี้ มันก็อาจจะยึดครองเมืองสำคัญนี้ไว้เป็นฐานที่มั่น ใช้อาเต๊า ทารกน้อยเป็นหุ่นเชิด แล้วค่อยหลอกใช้สองขุนพล กวนอู เตียวหุย และคนอื่นๆมาอยู่ในสังกัดตนเองต่อไป เฉกเช่นที่ชัวมอสองพี่น้องเคยกระทำต่อเล่าเปียวในอดีต
ดังนั้น การกำจัดเล่าปี่ให้พ้นทาง อาจจะเป็นหนทางหนึ่งที่น่าทดลองดู และนี่คือโอกาสงามครั้งหนึ่งในชีวิตแล้ว น่าเสียดายเพียงแต่มิอาจปรึกษากับจูกัดกุ๋ย ผู้เป็นบิดาที่ยังหายสาบสูญอยู่
แต่กุนซือมังกรซ่อนคิดไกลไปอีกหนึ่งชั้น จูล่งคือหมากลับ หากเล่าปี่เดินทางไปตามลำพัง แล้วเกิดโชคดี ปลอดภัยไร้เรื่องราว ก็สมควรจะพ่วงจูล่ง ประมุขพรรคฟ้าเหลืองไปด้วย เผื่อจะได้ก่อกวนให้เกิดเรื่องราวได้ง่ายขึ้น เพราะล่าสุด จูล่งเองก็เริ่มมีคดีความคาใจกับคนของกังตั๋งบ้างแล้ว และเบื้องหลังของมันนั้น ก็ง่ายต่อการใส่ความเพิ่มเติมเชื้อไฟ
ในเมื่อวาระซ่อนเร้นซับซ้อนเช่นนี้ ขงเบ้งจึงเสนอว่า "นายท่านสมควรไปเป็นเจ้าบ่าว เกี่ยวดองกันกับฝ่ายกังตั๋ง จะทำให้ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นขึ้นอีกชั้นหนึ่ง ร่วมใจต่อต้านโจโฉได้อย่างเต็มกำลัง และเพื่อความปลอดภัย นายท่านควรไปกับจูล่ง เพราะครั้งก่อน จูล่งเคยไปกับข้าน้อย พอจะคุ้นเคยกับด้านนั้นมาบ้างแล้ว ย่อมช่วยเหลือท่านได้มากทีเดียว”
และแล้ว ขงเบ้งก็ทำการส่งรัชทายาทพลัดถิ่น และผู้นำขุมกำลังสัตตดาราให้เข้าสู่ถ้ำพยัคฆ์แดนเสือ มุ่งหวังให้เสือร้ายมาดนิ่มอย่างจิวยี่ขย้ำเสียให้ตาย เป็นกลยุทธ์ยืมดาบฆ่าคนเสียแล้ว
แต่งานนี้ กลับไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะเมื่อเล่าปี่ลงเรือมากับโลซกจนใกล้จะถึงเมืองต๋องง่อนั้น นักการเมืองวานิชอย่างโลซกก็ใช้จังหวะที่อยู่กับเล่าปี่ตามลำพัง ฉีกกระชากหน้ากากของจิวยี่และขงเบ้งให้เล่าปี่ฟังจนหมดสิ้นว่า ฝ่ายหนึ่ง ต้องการตราหยกฮ่องเต้ อีกฝ่ายหนึ่ง ส่งมาให้ตาย ทำเอาเล่าปี่ตระหนักถึงสถานการณ์คับขันของตนเอง และขอร้องให้โลซกช่วยหาทางออกที่เหมาะสม
ต้องเข้าใจว่า ในยามนั้น ดินแดนกังตั๋งมีความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจการค้า เกิดกระแสวานิชสามตระกูลใหญ่ที่เป็นแกนหลักในสหพันธ์การค้าพยัคฆ์หยก สกุลเกียว สกุลโลจากเมืองหลวง สกุลจูจากห้อยเข นับว่ามีสายสัมพันธ์กับชนชั้นปกครองแนบแน่น และทรงอิทธิพลต่อระบบการค้าทั้งหมดในแดนใต้
เจ้าพ่อการค้าเกียวชวนคือผู้อาวุโสแห่งรัฐ (ก๊กโล) พ่อตาของซุนเซ็ก จิวยี่ ศักดิ์ศรีสถานะสูงส่งกว่าใครเพื่อน ส่วนผู้นำสกุลจูคบหากับผู้นำสกุลโลลึกซึ้ง แต่อุปนิสัยสมถะเก็บตัวทั้งคู่ เปิดทางให้โลซก ศิษย์เอกเกียวชวนและเป็นหนึ่งในเสาหลัก ออกหน้าจัดการแทนร่วมกัน ภายหลังเนิ่นนาน สกุลจูค่อยส่งจูเหียนหนุ่มน้อย ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกันกับซุนกวน เข้ามารับตำแหน่งเป็นตัวแทนของตระกูลด้วยอีกคน
ดังนั้น โลซก ซึ่งสวมหมวกอยู่หลายใบ และเริ่มเสพติดผลประโยชน์ตามน้ำ จึงขอแลกเปลี่ยนกับสิ่งของที่มีค่ามากขึ้นกว่าเดิม เป็นตราหยกจักรพรรดิ์ ต้นเหตุของปัญหานั่นเอง เล่าปี่ไม่มีทางเลือกอื่น จึงจำยอมมอบตราหยกให้ไป โลซกจึงค่อยเล่าแผนการซ้อนกลทั้งสองฝ่ายให้ฟัง
...
เมื่อเรือโดยสารของว่าที่เจ้าบ่าวใกล้ถึงฝั่งเมืองต๋องง่อ จนเห็นเรือพาณิชย์แล่นขนส่งสิ่งของขวักไขว่ เรือประมงชาวบ้านแวะจอดหาปลาอยู่ประปราย อีกทั้งเรือโดยสารทั่วไปก็แล่นไปมาอีกไม่น้อย เพียงตำแหน่งที่มองเห็น ตลาดท่าน้ำใหญ่สมควรมีผู้คนนับพันที่ทำกิจวัตรอยู่ในบริเวณนั้น สมกับเป็นเมืองหลักของดินแดนแห่งการค้าอย่างแท้จริง
เล่าปี่ที่ดื่มกินสุราอาหารกับโลซกมาตลอดทาง จึงเดินโซเซขึ้นมาชมดูที่ดาดฟ้าเรือ เปล่งเสียงโห่ร้องยินดีแล้วบังเอิญเสียหลักกระทันหัน พลัดตกลงไปในแม่น้ำ ทำเอาจูล่งและนายทหารกังตั๋งหลายคนต้องรีบกระโดดลงไปช่วยขึ้นมาอย่างจ้าละหวั่น ความวุ่นวายเช่นนี้ ย่อมทำให้ชาวบ้านแถบนั้นรับรู้ว่า เล่าปี่ รัชทายาทพลัดถิ่น ผู้ที่เพิ่งพลัดตกแม่น้ำคนนี้ กำลังเดินทางเข้ามาพบกับเจ้านครซุนกวน
ส่วนเล่าปี่เองเมื่อได้รับการช่วยเหลือขึ้นมา ก็สร่างเมา รีบตรวจสอบพบว่า สิ่งของที่พกติดตัวล้วนสูญหายไปกับสายน้ำจนหมดสิ้น รวมทั้งของสำคัญอย่างตราหยกจักรพรรดิ์ด้วย ยังดีที่กระบี่ฟ้าสังหารที่ติดตัวมา ถูกวางฝากไว้กับจูล่งก่อนดื่มสุรา จึงยังพอหลงเหลือของสำคัญติดตัวไว้ได้บ้าง
นี่คือแผนทำลายตราหยก ที่โลซกแนะนำให้ เพราะถ้าเล่าปี่ไม่มีตราหยกด้วยความพลั้งเผลอไปแล้ว จิวยี่ก็ไม่มีเหตุให้ต้องเร่งรีบทำลายพันธมิตรเพื่อการแย่งชิงซึ่งหน้ากันอีกต่อไป แต่ที่จริงแล้ว เป็นเพียงการกล่าวอ้างเล่นละครกันเท่านั้น เพราะตราหยกของจริงได้ถูกโลซกรับไปเก็บซ่อนเป็นสมบัติส่วนตนไปแล้ว
ในเมื่อเกิดเรื่องพิสดารกลางน่านน้ำเช่นนี้ ผู้คนนับพันคนก็ช่วยกันกระจายข่าวอย่างรวดเร็ว ทำให้คนอื่นๆอีกมากมายพลอยจับตาดูการเคลื่อนไหวของเล่าปี่ในกังตั๋ง จนไม่อาจปิดเรื่องการเดินทางมาครั้งนี้ให้เป็นความลับอีกต่อไป
ช่างบังเอิญนักที่เป็นเวลาเดียวกันกับที่ขบวนเรือพาณิชย์ของเจ้าสัวเกียวชวน เสียวเกี้ยว และครอบครัวสกุลซุนทั้งหลายที่หลบหนีศึกเซ็กเพ็กไปพำนักยังดินแดนทางทะเลใต้เสียเนิ่นนาน เดินทางกลับมาถึงพอดี จึงพลอยรับทราบความเคลื่อนไหวครั้งนี้ไปด้วย ทำเอาเจ้าสัวเกียว ซุนซ่างเซียง และซุนไท่ไถ้ มารดา ไม่พอใจต่อการกระทำของซุนกวน จิวยี่ ที่ทำเรื่องใหญ่ จัดการงานวิวาห์โดยไม่บอกกล่าวกันก่อน
หมายเหตุ ตามธรรมเนียมจีน เมื่อหญิงสาวแต่งงานแล้ว จะใช้แซ่ของสามีนำหน้าแซ่เดิมของตนเอง และคำว่า ไท่ไถ้ เป็นคำยกย่องผู้หญิงสูงอายุ ต้องเมื่อกำเนิดง่อก๊กแล้ว จึงมีคำเรียกหาเป็น ง่อก๊กไถ้ หรือ ซุนก๊กไถ้ ซึ่งควรจะเกิดขึ้นในภายหลัง ผู้เขียนจึงเลือกใช้เป็น ซุนไท่ไถ้ แทนในช่วงต้น
หมากต่อไปของโลซก ลอกเลียนแบบอย่างมาจากตันหลิม ปราชญ์นักสร้างข่าว จึงให้เล่าปี่ จูล่งรีบจัดส่งเครื่องบรรณาการ และสินสอดของหมั้นไปมอบต่อเจ้าสัวเกียวชวน และซุนไท่ไถ้ ในฐานะญาติผู้อาวุโสอย่างเอิกเกริกโจ่งแจ้ง พร้อมทั้งบอกเล่ากระจายข่าวให้ชาวเมืองรับรู้ถึงงานวิวาห์ระหว่างเล่าปี่กับซุนซ่างเซียง จนกลายเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วเมือง เป็นการมัดมือชก ไม่อาจกลบเกลื่อนแก้ไขอีกต่อไป
คราวนี้ ซุนกวน จิวยี่ ก็เลยไม่อาจยกเลิกงานวิวาห์ที่กุเรื่องขึ้นมาอย่างลับๆเสียแล้ว จำต้องไปเกลี้ยกล่อมให้แม่นางซุนที่เพิ่งกลับมาจากแดนไกล ให้ยินยอมทำตามแผนการไปจริงๆ หมากกลล่อลวงที่จารึกในพงศาวดารว่าเป็นแผนการของขงเบ้งนั้น ที่แท้ก็เป็นความคิดอ่านของโลซก นักการเมืองวานิชนี่เอง แต่เรื่องนี้ คนที่รับรู้ย่อมไม่อาจเปิดเผยความจริงได้
...
กำหนดวันวิวาห์จึงเกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน โดยเล่าปี่หวังว่า รีบแต่งรีบกลับ เพื่อให้หนีรอดจากถ้ำเสือ แต่ซุนกวนกลับเอ่ยปากรั้งตัวให้อยู่ด้วยกันก่อนอีกสามเดือน รอให้พ้นปีใหม่แล้วค่อยจากไป ซุนไท่ไถ้ผู้เฒ่าจะได้ไม่สะเทือนใจมากเกินไปที่ต้องแยกจากบุตรสาว แต่พอล่วงเลยเวลาก็ทำลืมเลือนเฉไฉต่อไปอีก
ในช่วงเวลานั้นเอง ซุนกวน จิวยี่ จึงผลัดกันตั้งโต๊ะจัดเลี้ยงให้กับพวกเล่าปี่ และได้พบปะเสวนากันอยู่เนืองๆ ในฐานะคนในครอบครัวเดียวกัน เบื้องแรก ก็แค่ดื่มกินพูดคุยสัพเพเหระ แต่พอนานไป กลับเริ่มพาดพิงไปถึงวิทยายุทธ์การต่อสู้ โดยทั้งสองกลับยกย่องเชิดชูจูล่ง วีรบุรุษผู้กล้าแห่งทุ่งเตียงปัน
จิวยี่นึกสนุก จึงเสนอความคิดให้จัดเป็นงานเลี้ยงประลองฝีมือแทนการพูดคุยว่างเปล่า เพื่อกระตุ้นให้ขุนพลนักสู้ฝ่ายกังตั๋งได้พัฒนาฝีมือ เปิดประสบการณ์ต่อสู้ใหม่บ้าง กำหนดไว้ล่วงหน้าให้ลงสนามต่อสู้กันทุกเจ็ดวัน ประลองสุดฝีมือ แต่ต้องหยุดยั้งมิให้บาดเจ็บล้มตาย
จูล่งจึงตกเป็นฝ่ายรับความกดดันแทน เพราะซุนกวนจัดให้ขุนศึกฝ่ายใต้ผลัดเปลี่ยนหน้ากันไม่ซ้ำหน้าในแต่ละรอบ ซึ่งจูล่งเป็นอาคันตุกะจำเป็นต้องออมฝีมือ ไม่กล้าทำอันตรายฝ่ายตรงข้าม แต่อีกฟากกลับลงมือเต็มกำลัง บางทีก็กลุ้มรุมด้วยจำนวนคนที่มากกว่า โดยอ้างว่าเป็นวิทยายุทธ์แบบคู่บ้าง ค่ายกลพิเศษที่คิดค้นกันมาบ้าง ความรุนแรงเริ่มหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ
แรกๆ ผู้มาท้าประลองยังมืออ่อนด้อย จูล่งก็สามารถรับมือได้ไม่ยากนัก แต่พอนานเข้า ร่างกายก็เริ่มอ่อนล้า แนวทางวิชาถูกเรียนรู้ และดักทางไว้ก่อน ในขณะที่คนที่ส่งมาต่อสู้ก็เก่งกาจขึ้นเรื่อยๆ ทำให้จูล่งเริ่มได้รับบาดเจ็บอย่าง “ไม่จงใจ” บ้างแล้ว โดยที่เล่าปี่ก็จนใจ ไม่รู้จะจัดการเช่นไรจึงรอดพ้นจากขุมนรกนี้ไปได้ ราวกับว่า พวกกังตั๋งจงใจเก็บคนทั้งสองไว้ให้ทรมานเล่น รอให้ถึงวันตายชัดๆ นี่คงเป็นการแก้แค้นจากซุนกวน จิวยี่ ในเหตุการณ์การตายของไต้เกี้ยวแน่แล้ว
จนวันหนึ่ง ก็มาถึงคิวของขุนพลอดีตโจรสลัดจิวท่ายแล้ว การต่อสู้อย่างดุเดือดจึงเกิดขึ้น และจุดเด่นของจิวท่ายที่นำมาใช้ คือ พลังเสื้อผ้าเหล็ก ร่างกายทนทานต่ออาวุธได้มากกว่าคนท่ัวไป จึงทำการตกลงไว้ล่วงหน้า ให้เป็นการต่อสู้แบบปะทะรุนแรง ยอมให้บาดเจ็บได้ตามสมควร เพื่อสอดคล้องกับแนววิชาหลักที่มี
การประลองฝีมือครั้งนี้ จึงกลายเป็นการต่อสู้แบบหนึ่งกระบี่แลกหนึ่งกระบี่ จนต่างฝ่ายต่างเต็มไปด้วยบาดแผลและรอยเลือด แม้ว่าจูล่งยังยืนหยัดเอาชนะได้อยู่ แต่จูล่งถือว่าเสียเปรียบกว่า เพราะร่างกายบอบช้ำมากแล้ว และปัญหาสำคัญก็คือ รอบต่อไป เขายังมีนัดหมายต้องเจอกับขุนพลกำเหลง ผู้เป็นด่านสุดท้ายอีกคน
ย้อนกลับไปในอดีต ที่จริง จูล่งกับกำเหลงเคยต่อสู้ประมือกันมาก่อนเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ในขณะที่คนหนึ่งเป็นนายน้อยคนใหม่แห่งพรรคฟ้าเหลือง นำทัพออกศึกครั้งแรก คนหนึ่งคือโจรสลัดหนุ่มที่เพิ่งสร้างชื่อเสียง ได้รับแต่งตั้งเป็นระดับหัวหน้ามาหมาดๆจากผู้นำกองโจร
สองคนสองเส้นทางโคจรมาพบกันที่ริมแม่น้ำฮวงโห โดยต่างฝ่ายต่างไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามฝ่ายตรงข้าม และทั้งคู่เผอิญคลุมหน้าปิดบังโฉม เพื่อแย่งชิงพื้นที่อิทธิพลครอบครองเหนือน่านน้ำสีเหลืองขุ่น ประกาศก้องว่า ใครพ่ายแพ้ต้องหลีกทางไปให้พ้นบริเวณนั้นเกินห้าร้อยลี้
จอมโจรทั้งสองคล้ายต้องการลดทอนกลิ่นไอสังหาร สั่งการให้ลูกสมุนหยุดมือ ท้าทายฝ่ายตรงข้ามให้มาดวลเดี่ยวตัดสินปัญหา ต่างฝ่ายต่างเพียงระบุสังกัดและเป้าหมายที่ต้องการ แล้วค่อยเริ่มลงมือปะทะกันอย่างดุเดือด
ครั้งนั้น จูล่งอาศัยพื้นฐานวิชาที่เหนือกว่า เอาชนะกำเหลง และรุกไล่จนคนแพ้ ต้องออกไปหากินนอกทะเลใหญ่แทน ลั่นวาจาไม่หวนคืนสู่น่านน้ำฮวงโหอีก ซึ่งแม้จะเป็นการศึกครั้งสำคัญในวัยหนุ่ม แต่นั่นก็เป็นเพียงหนึ่งสมรภูมิที่ต่างฝ่ายต่างก็ลืมเลือนกันไปหมดแล้ว
การประลองครั้งสุดท้ายระหว่างกำเหลง มังกรพิโรธ กับจูล่ง ขุนพลเมฆขาว ยิ่งรุนแรงดุดันมากขึ้น เพราะกระบวนท่าของกำเหลงเป็นแนวทางบ้าบิ่น ห้าวหาญ และเสี่ยงชีวิตทั้งสิ้น กำเหลงจึงประกาศใช้กติกาเดียวกันกับวันก่อนเช่นกัน
จูล่งที่บาดเจ็บผิวกายอยู่ก่อนแล้ว ย่อมเป็นฝ่ายเสียเปรียบ โดนแรงกระแทกทำให้แผลเก่าปริแตกซ้ำ จึงได้รับบาดเจ็บสาหัสไปก่อน โดนกำเหลงไล่ฟาดฟันเพิ่มเติมไปอีกหลายแผล ยังดีที่พออาวุธของจูล่งหลุดมือ กำเหลงก็ไม่ถือโอกาสเอาเปรียบ เพียงประเคนหมัดศอกกระแทกซ้ำจนใบหน้ายับเยิน เลือดนองท่วมร่าง ล้มฟุบกลางลานประลอง ถือว่ายุติการประลองด้วยความพ่ายแพ้เป็นครั้งแรก
เล่าปี่ทนอัดอั้นใจไม่ไหวด้วยสงสารองครักษ์คู่ใจ และคับแค้นใจที่ไม่อาจทำอะไรได้ จึงผลุนผลันลุกจากงานเลี้ยงออกมาที่สวนดอกไม้ ใช้กระบี่ฟ้าสังหารฟันใส่ก้อนหินที่ประดับสวน เพื่อระบายอารมณ์หงุดหงิด แต่ด้วยความที่เป็นกระบี่ชั้นดี จึงสามารถฟันจนก้อนหินขาดเป็นสองท่อนในคราเดียว
พอดีซุนกวนกับพวกตามมาพบเข้า จึงเสแสร้งกล่าวปลอบประโลมใจ และเอ่ยปากขอยืมกระบี่มาทดสอบฟันก้อนหินดูบ้าง ก็สามารถตัดได้ขาดเช่นกัน สร้างความอัศจรรย์ใจในความคมของกระบี่ยิ่งนัก จนเอ่ยชมเชยไม่หยุดปาก
เล่าปี่เห็นว่าซุนกวนยังเป็นวัยหนุ่มคึกคะนอง พอใจในกระบี่ดี จึงเอ่ยปากยกให้เป็นสินน้ำใจ ซุนกวนรู้สึกยินดีออกนอกหน้าที่ได้กระบี่วิเศษมาครอง หลังจากนั้น จึงค่อยผ่อนคลายท่าทีลง ไม่จัดงานเลี้ยงประลองฝีมือบ่อยครั้งเหมือนช่วงเวลาที่ผ่านมา ราวกับได้ล้างแค้นแทนไต้เกี้ยวไปแล้ว จึงปล่อยให้จูล่งมีเวลาได้พักผ่อนรักษาตัวบ้าง สถานการณ์ของนาย-บ่าวต่างถิ่นจึงค่อยดีขึ้นตามลำดับ
...
เตียวเจียว ดาวนักปราชญ์ในสังกัดขุมกำลังสัตตดารา เริ่มร้อนใจที่ประมุขพรรคต้องมาติดร่างแหกับเล่าปี่ โดนจำกัดพื้นที่อยู่แต่ในปราสาท คล้ายกับเป็นนักโทษการเมืองโดยฝ่ายขงเบ้ง กวนอูก็ไม่แสดงท่าทีจะมาช่วยเหลือแต่อย่างใด และคราวนี้ ท่านประมุขถึงกับบาดเจ็บสาหัสแล้วด้วย
เตียวเจียวจึงตัดสินใจสั่งการให้เตียวเฟิง-เปียนสี เตียวเลี้ยว และเตียวคับ อีกสามดาวในสังกัด หาทางเคลื่อนไหว กดดันฝ่ายเมืองเกงจิ๋ว เพื่อเป็นข้ออ้างให้เล่าปี่ขอตัวกลับไปดูแลรักษาเมือง
นางเปียนสีจึงอาศัยความวุ่นวายของศึกสายเลือดรุ่นลูกที่กำลังคุกรุ่น แนะนำให้โจโฉแยกพี่น้องออกจากกัน โดยส่งโจผี อิกิ๋ม ลงมาเมืองอ้วนเซีย โจเจียง เตียวเลี้ยวไปทางเมืองหับป๋า ตั้งรับสะสมเสบียงกรัง และสร้างแรงกดดันฝ่ายเกงจิ๋วทั้งสองด้าน ทำให้ไม่กล้ารุกรานขึ้นมาด้านเหนือ
ที่จริง ส่งโจผี ซึ่งมีวัยยี่สิบต้นๆออกไปลงสนามรบ ก็พอทำเนา แต่ส่งโจเจียงที่เพิ่งมีอายุเพียง สิบเอ็ดสิบสองปีออกไป นับว่า เป็นเรื่องประหลาดอยู่บ้าง หากแต่โจโฉไม่ค่อยชอบหน้าโจเจียงเป็นทุนเดิม และเห็นว่า เตียวเลี้ยวมีความรู้ความสามารถ พอไว้วางใจได้ จึงเหมือนให้เตียวเลี้ยวเป็นอาจารย์คอยสั่งสอนวรยุทธ์การต่อสู้ให้กับโจเจียง สร้างเป็นความผูกพันไว้อีกชั้นหนึ่ง
เมื่อสองพี่น้องคนโตแยกกันออกไปจากเมืองหลวงแล้ว เด็กน้อยสองคน โจสิด โจหิม ก็ไม่มีคนให้ตอแยให้มากความ ใช้ชีวิตรื่นรมย์ไปตามเรื่องตามราว พลอยตัดปัญหาปวดหัวของโจโฉไปได้เรื่องหนึ่ง
แต่งานนี้ ขงเบ้งกลับยิ่งถูกใจ เพราะนำมาใช้แรงกดดันจากด้านเหนือเป็นข้ออ้าง กำชับให้กวนอู กวนเป๋ง จิวฉองไปตั้งรับโจเจียง เตียวเลี้ยวที่กังแฮ เตียวหุย เล่าฮองไปตั้งรับโจผี อิกิ๋มที่ซงหยง ไม่ให้เคลื่อนไหวโดยพลการ
การเคลื่อนไหวเช่นนี้ กลายเป็นการเปิดช่องให้ขงเบ้งสร้างฐานอำนาจในเมืองเกงจิ๋วส่วนกลางอย่างสบายใจ ซื้อใจประชาชนชาวเมืองตามลำพัง โดยปิดข่าวไว้ไม่ให้แจ้งไปทางเล่าปี่เลย จนผู้คนพื้นเมืองคุ้นเคยรักใคร่ในตัวกุนซือมังกรซ่อน ขงเบ้ง ซึ่งเป็นคนบ้านเดียวกันมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อไม่มีคำร้องขอตัวเล่าปี่มาจากฝั่งเกงจิ๋ว ซุนกวน จิวยี่จึงพลอยปิดข่าวเรื่องนี้ไปด้วย ความพยายามแบบ “ส่งเสียงไกล หวังผลใกล้” ของเตียวเจียวจากขุมกำลังสัตตดาราจึงยังคงสูญเปล่าเสียแล้ว
...
สุดท้าย เล่าปี่เองหมดสิ้นความอดทน ก็ต้องหันไปพึ่งบริการของนักการเมืองวานิช โลซกอีกครั้ง ซึ่งโลซกก็ไม่ทำให้ผิดหวัง พร้อมจะจัดหาทางออกให้ โดยขอแลกเปลี่ยนกับป้ายประจำตัวของเล่าปี่ ซึ่งหมายถึง ภายหน้าโลซกสามารถใช้ป้ายนี้ร้องขอความช่วยเหลือจากเล่าปี่อันใดก็ได้ เป็นการลงทุนในอนาคตที่คุ้มค่ายิ่งนัก
ช่วงนั้น บังเอิญ ข่าวการศึกกับชนเผ่าเย่เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง งานปราบปรามชนเผ่าท้องถิ่นที่น่าจะเป็นงานง่ายๆ กลับสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อขุมกำลังกังตั๋ง จนสูญเสียบุคคลชั้นนำไปหลายคน
เร่ิมต้นจากซุนเซียง น้องชายของซุนกวน ซึ่งเคยพัวพันกับการชิงอำนาจผู้นำ ร่วมกับซุนเปินซุนฟู่ในอดีต และดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าเมืองชายแดนในพื้นที่นั้น ถูกคนลอบสังหารตายอย่างลึกลับ
แน่นอนว่า คำร่ำลือในท้องตลาดย่อมพาดพิงถึงกองทัพจากส่วนกลางว่า อาจจะเป็นการฉวยโอกาส “เก็บตามใบสั่ง” มาจากจิวยี่ ขุนพลสำอางผู้ทรงอิทธิพล เพื่อลดทอนแรงต่อต้านผู้นำที่ไม่พึงประสงค์จากคนในตระกูล
การตอบโต้อย่างหนักหน่วงถูกจุดประกายขึ้นอย่างรวดเร็ว จนผู้นำเผ่าเย่ต้องออกโรงด้วยตนเอง แต่กลับถูกยิงตายในขณะที่กำลังเจรจา หาทางออกอย่างสันติ สร้างความโกรธแค้นต่อชนเผ่า จนลุกลามก่อจราจลขึ้นอีกเป็นวงกว้าง
ส่วนไทสูจู้ แม่ทัพใหญ่ที่กำลังใช้ทั้งไม้แข็งไม้อ่อนสลับกัน สังหารคนสำคัญฝ่ายตรงข้ามได้มากมายแล้วก็จริง แต่รั้งรอท่าทีเพื่อหวังให้ศัตรูยอมสยบศิโรราบ กลับถูกลอบสังหารโดยนักฆ่าลึกลับอย่างกระทันหัน ทำให้ขุนพลลิบอง รองแม่ทัพฝ่ายขวาต้องก้าวขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่แทน และเริ่มกวาดล้างชนเผ่าพื้นเมืองเป็นการล้างแค้นอีก จนสถานการณ์ชายแดนรุนแรงตึงเครียด จนน่าเป็นห่วงยิ่งนัก
สุดท้าย จิวยี่จึงต้องส่งหนึ่งบุ๋น ลกซุน คนที่ตนเองไว้วางใจได้มากกว่า แต่งตั้งเป็นแม่ทัพ นำกองทัพลงไปเสริมกำลัง และเร่งจัดการให้ปัญหาเรื้อรังนี้เสร็จสิ้นโดยเร็ว โดยให้ยึดแนวทางการรอมชอม แทนที่จะเร่งไฟแค้นไม่จบสิ้น
เมื่อมีเรื่องการเมืองภายในวุ่นวายเกิดขึ้น จึงเป็นช่องทางให้เล่าปี่ จูล่ง มีหนทางหลบหนี และหวังพาตัวซุนฮูหยินมาด้วย เพื่อใช้เป็นตัวประกันยามคับขัน โดยใช้ป้ายประกาศิตของจิวยี่ที่ขงเบ้งได้รับมาครั้งก่อน ผ่านด่านสกัดรายทาง หลบหนีออกจากเมือง หวังจะคืนสู่เมืองเกงจิ๋วโดยเร็วที่สุด
หากแต่ปัญหาก็คือตัวซุนฮูหยิน เจ้าสาวแสนวุ่นของเล่าปี่เอง ที่จะให้ความร่วมมือกับพวกตนหรือไม่ และมีความจริงใจแค่ไหน เพราะนางก็ยังมิได้ลงหอลงโรงกับเจ้าบ่าวสูงวัยแต่อย่างใด
...

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา