3 เม.ย. 2021 เวลา 09:37 • ความคิดเห็น
ลูกสาวใช้ชีวิตอยู่กับผู้ชายก่อนแต่ง
นี่เป็นกระทู้เด็ดในพันทิป ที่ทำให้ดิฉันซึ่งมีลูกสาววัยแปดขวบอยากเสือกเรื่องของคุณแม่ท่านนี้ขึ้นมาทันที อ่านไปอ่านมาจับใจความได้ว่า ลูกสาวกับแฟนอยู่ด้วยกันตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว คุณแม่ไม่ได้เห็นคาตาแต่ใช้สัมผัสที่ 6 รู้ได้ (อืมม) ก็ไม่ได้พูดแค่เก็บไว้ในใจ พอเด็กทั้งคู่เรียนจบมีหน้าที่การงานดี ก็ซื้อบ้านร่วมกัน แล้วก็ย้ายไปอยู่ด้วยกัน คุณแม่รับรู้
แต่วันดีคืนดีก็น๊อตหลุด อาละวาดกับลูกสาวขึ้นมาว่า อยู่ก่อนแต่งแบบนี้แม่อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน จนลูกสาวตกใจที่คุณแม่คิดแบบนี้แล้วทำไมไม่บอก สรุปว่าแม่ลูกเค้าก็ปรับความเข้าใจกันได้นั่นแหละนะคะ
ซึ่งกระทู้ในพันทิปเนี่ย เรื่องสนุกไม่ได้อยู่ที่คนตั้งกระทู้หรอกค่ะ อยู่ที่คอมเม้นต่าง ๆ นานาค่ะท่านผู้ชมมมมมม ได้อ่านแล้วก็อยากจะคัดมาแบ่งปันความสนุกสนานกันค่ะ
1
อย่าเข้าใจผิดว่าความสนุกคือการได้หัวเราะเหยียดหยันความคิดคนอื่นนะคะ แต่ความสนุกของดิฉันเนี่ยก็คือการได้เปิดสมองมองดูว่า ใครคิดอะไร อย่างไร แบบไหน ให้ได้เปิดใจรับรู้ว่า โลกเรากว้างใหญ่ ใจคนมีหลากหลายรูปแบบ
2
เก็บข้อมูลพวกนี้ไว้ จะได้เตือนใจตนเองว่า ไม่มีใครคิดเหมือนเธอทั้งหมด และเธอไม่ใช่ศูนย์กลางจักรวาล มนุษย์นั้นมีหลากหลาย แต่ต่างหมุนวนรอบกันและกัน
2
📍คอมเม้นนึงบอกว่า ตนเองจะไม่ใจกว้างให้ลูกไปอยู่ก่อนแต่งตั้งแต่เรียน เพราะส่งลูกไปเรียนไม่ได้ให้ไปทำอย่างอื่น และไม่เห็นด้วยว่าการทดลองอยู่กันเพื่อดูนิสัยใจคอและเรื่องบนเตียง เนื่องจากคิดว่าเรื่องพวกนี้เห็นได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
📍อีกคอมเม้นมาจากคุณผู้ชายว่า ที่ลูกสาวคุณแม่บอกกับคุณแม่ว่า คิดว่าการแต่งงานไม่สำคัญอะไร นั้น เขาคิดต่าง ผู้ชายที่ไม่ยอมไปขอสาวแต่งงาน ถือว่าเป็นคนใช้ไม่ได้ ไม่ให้เกียรติผู้หญิง
📍คุณผู้ชายอีกท่านบอกว่า ผู้ชายกินฟรีไปแล้ว หลายคนไม่จ่ายย้อนหลังนะ กินบ่อย ๆ ก็จะเบื่อด้วย
📍คุณผู้หญิงท่านนึงแนะนำว่า ถ้าซื้อบ้านด้วยกันก็น่าจะจดทะเบียนกันไปก่อนก็ดี
📍มีคอมเม้นนึงน่าสนใจบอกว่า ในยุคของเขาถ้าอยู่กันก่อนแต่ง ก็มักจะได้อยู่กันยาว ๆ ผู้ชายส่วนมากพอนาน ๆ เข้าก็ไม่อยากแต่งแล้ว
📍อีกคอมเม้นนึงจากคุณผู้ชายเช่นกัน มองว่าจะอยู่ก่อนแต่งหรือไม่ไม่ใช่เรื่องที่เขาสนใจ แต่การผ่อนบ้านด้วยกันโดยยังไม่มีภาระผูกพันธ์ทางกฎหมายเป็นเรื่องที่เขาคิดว่าคุณแม่น่าจะให้ความสำคัญและพูดคุยมากกว่า
📍คุณผู้หญิงท่านนึงบอกว่า มีคุณแม่คุณพ่อที่หัวโบราณ แต่ตัวเองใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศตั้งแต่ 17-18 ทำให้ไม่ลงรอยกันในเรื่องนี้ ไม่สามารถคุยกันได้เลย
1
📍อีกท่านนึงเข้ามาบอกว่า ลูกคุณแม่โชคดีมากที่มีแม่ยอมเจอกันครึ่งทาง และให้กำลังใจว่าคุณแม่ทำถูกแล้ว ความสุขของลูกควรเป็นบทนำ ประเพณี จารีตควรเป็นตัวแค่ตัวประกอบ
นี่เป็นแค่ตัวอย่างเท่านั้น สนใจจะเข้าไปแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้นะคะ เชิญกระทู้นี้ค่ะ👇
ส่วนตัวคิดว่าเรื่องอยู่ก่อนแต่งหรือแต่งก่อนอยู่ เป็นเรื่องส่วนบุคคลที่ต้องรับมือและจัดการกันเอาเองตามความเชื่อความศรัทธา สำหรับลูกสาวที่บ้านก็วางแผนให้เขาอยู่ในโอวาทแค่ถึงอายุ 18 เท่านั้น หลังจากนี้ก็เริ่มบริหารจัดการชีวิตตนเองโลด ไม่ว่าจะทั้งชีวิตการเรียน อาชีพ การงาน และความรัก
1
ประสบการณ์ชีวิตนั้นจำเป็น จะรักจะเลิกจะผิดหวังคบแฟนเป็นร้อย หรือคบแฟนคนเดียวทั้งชีวิต ก็ตัดสินใจเรียนรู้เอาเอง เรื่องพวกนี้สอนกันตามตำราไม่ได้ บาดแผลในชีวิตทำให้คนเติบโตทั้งนั้น ดิฉันเองไม่คิดว่าการมีความสัมพันธ์ทางกายคือเรื่องร้ายแรงหม่นหมองของชีวิต และก็ไม่คิดว่าเป็นเรื่องที่ต้องมานั่งตั้งหน้าตั้งตาค้นหารสนิยมที่ชื่นชอบอย่างเอาเป็นเอาตาย
แต่มองว่าเป็นเรื่องธรรมดาอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในส่วนประกอบหลาย ๆ อย่างของมนุษย์ การอยู่ก่อนแต่งเพื่อทดลองเรียนรู้กันทั้งอุปนิสัยใจคอรวมไปถึงเรื่องบนเตียงเป็นเรื่องจำเป็น แต่ไม่ได้หมายความว่า ถ้าเรื่องบนเตียงไม่ต้องตรงกันแล้วจะเซย์กู้ดบายกัน
แต่การได้ทดลองร่วมรักกันแล้วเห็นว่าไม่ต้องตรงกันนั้น ทั้งคู่สามารถคุยกันได้หรือไม่ หรือต่างฝ่ายต่างอมพะนำเก็บไว้ นี่ต่างหากคือเรื่องสำคัญ เพราะในชีวิตคู่เรื่องที่ใหญ่ที่สุดข้อนึงก็คือเรื่องของการสื่อสาร หากในช่วงทดลองอยู่ด้วยกัน ไม่สามารถสื่อสารบอกความต้องการของกันและกันได้ นั่นแหละจึงจะเป็นประเด็นให้ไม่ได้ไปต่อ ไม่ใช่ว่า Sex ไม่เข้ากันแล้วโบกมือบ๊ายบาย
2
เพราะคนสองคนถ้าจะอยู่กันไปจนถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรนั้น ต้องการอะไรมากมายกว่าเรื่อง Sex อีกเยอะนัก
❤️🙏
โฆษณา