4 เม.ย. 2021 เวลา 02:00 • การศึกษา
MongoDB : EP03 - การเพิ่มข้อมูลเข้าใน MongoDB
Insert data to MongoDB
ในบทความนี้จะเป็นการอธิบายวิธีการเพิ่มข้อมูลเข้าไปใน MongoDB โดยสำหรับไลบราลี่ (​ Libraly ) PyMongo นั้นสามารถทำการเพิ่มข้อมูล ( Insert ) ที่ใช้งานบ่อยอยู่ 2 แบบ คือ การเพิ่มแบบข้อมูลเดียว และแบบข้อมูลเป็นชุด
1. การเพิ่มข้อมูลแบบข้อมูลเดียว ( Insert One data )
Insert One
สำหรับคลาส (​ Class ) : MongoDB ทำการสร้างฟังก์ชั่นที่ไว้สำหรับเพิ่มข้อมูลลงไปใน MongoDB ทีละหนึ่งชุดข้อมูล ดังนี้
- add_data() : เป็นฟังก์ชั่นที่รับค่า _data ซึ่งเป็นข้อมูลโครงสร้าง JSON จากนั้นทำการเพิ่มข้อมูลโดยการเรียกใช้คำสั่ง insert_one() ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นจาก PyMongo จากนั้นทำการตรวจเช็คว่ามีการเพิ่มข้อมูลสำเร็จโดยการตรวจสอบว่า มีค่า ObjectID กลับมาหรือไม่ ถ้าข้อมูลนั้นสามารถเพิ่มเข้าไปใน MongoDB สำเร็จ ก็จะแสดง "Add new data in : ObjectID" ออกมาทางหน้าจอ
Test Insert One
ทดสอบการทำงานโดยการจำลองสร้าง data ขึ้นตามตัวอย่างรูปข้างบน จากนั้นเรียกใช้งานฟังก์ชั่น add_data() พร้อมทั้งใส่ข้อมูล data เข้าไปในฟังก์ชั่น เมื่อรันคำสั่ง มีการเพิ่มข้อมูลเข้าไปใน MongoDB สำเร็จ ก็จะแสดงข้อความออกทางหน้าจอ "Add new data in : 606842a1227115c9e0c694ba" ซึ่งแสดงว่าข้อมูลใน data นั้นสามารถเพิ่มได้สำเร็จ
2. การเพิ่มข้อมูลแบบหลายชุด ( Insert Many Datas )
Insert Many
ทำการสร้างฟังก์ชั่นสำหรับเพิ่มข้อมูลทีละหลายชุด ( Many Datas ) ในคลาส ( Class ) : MongoDB โดยมีการทำงานดังนี้
- add_datas() : ฟังก์ชั่นเมื่อมีการใส่ datas เข้าไปในฟังก์ชั่น จากนั้นมีการเรียกใช้งานคำสั่ง insert_many() ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นคำสั่งจาก PyMongo จากนั้นเมื่อมีการเพิ่มข้อมูลในทีละหลายข้อมูลแล้ว ทำการตรวจเช็คว่าข้อมูลนั้นได้ถูกเพิ่มเข้าไปครบตามจำนวนที่ใส่เข้ามาหรือไม่ ถ้าใช่ก็แสดง "Add new datas in : จำนวน rows" ออกทางหน้าจอ
Test Insert Many
ทดสอบการทำงานโดย จำลองสร้างข้อมูล datas มาจำนวน 3 ชุด จากนั้นทำการเพิ่มข้อมูลแบบทีละหลายชุด ( Many Insert ) โดยการเรียกใช้งานฟังก์ชั่น add_datas() และส่งข้อมูล datas เข้าไปในฟังก์ชั่นนั้น จากนั้นรันโปรแกรม เมื่อมีการเพิ่มสำเร็จและจำนวนถูกต้องตามข้อมูลที่ส่งเข้า ก็จะแสดง "Add new datas in : 3 rows" ออกทางหน้าจอ
สำหรับบทความนี้เป็นการทดลองการเพิ่มข้อมูล ( Insert ) อย่างง่ายๆ ซึ่งเมื่อนำไปใช้งานจริงอาจจะมีการเพิ่มเติม ซึ่งขึ้นอยู่กับผู้ใช้ที่ประยุกต์ใช้งานนั้นๆ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา