เนื้อหาบางส่วนมาจากหลักการคิดการลงทุนของ Howard Mark CEO ของ Oaktree capital และ Tim Ferris นักธุรกิจสุดแนวครับ
ใครที่เคยทำธุรกิจหรือเคยลงทุนหรืออย่างน้อยเคยได้ยินเรื่องการทำธุรกิจและการลงทุนมาบ้างก็น่าจะเคยได้ยินเรื่องการนำ Best case scenario (สถานการณ์ดีที่สุดที่อาจเกิดขึ้น) และ Worst case scenario (สถานการณ์แย่ที่สุดที่อาจเกิดขึ้น) มาใช้ประกอบการตัดสินใจในการดำเนินกลยุทธ์ หลักคิดก็คือ ในทุกๆการตัดสินใจเราต้องประเมินผลที่จะตามมาจากการตัดสินใจนั้นให้ได้ครอบคลุมครบถ้วนความเป็นไปได้ไม่ว่าจะในด้านบวกหรือด้านลบให้มากที่สุด
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราจะลงทุนซื้อสินค้าสักอย่างหนึ่งมาขาย Best case ก็อาจจะเป็นเราสามารถขายของได้จนหมดตามราคาที่เราตั้งใจไว้ ส่วน Worst case ก็อาจเป็นไปได้ว่าสินค้าของเราอาจจะไม่สามารถขายได้เลยแม้แต่ชิ้นเดียว ทำให้เราต้องเสียเงินลงทุนไปทั้งหมด เมื่อเราเปรียบเทียบสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้ในทั้ง 2 กรณีแล้วหากสถานการณ์ดีที่สุดที่อาจเกิดขึ้นนั้นดีกว่าสถานการณ์เลวร้ายที่สุดมากๆ แบบนี้เราก็ควรที่จะตัดสินใจเดินหน้าต่อไปครับ (กรณีนี้ เช่น มีคนออกเงินให้เราไปซื้อสินค้า เราลงแรงขาย เลวร้ายที่สุดเราก็เสียเวลา แต่ถ้าขายได้กำไรเราก็แบ่งกับเจ้าของเงินคนละครึ่ง)
ทีนี้ก็ถึงเวลาเอาหลักการ Best / Worst case scenario มาใช้ซะที ไม่ว่าเรากำลังอยากทำอะไร ลองมอง scenarios ทั้งหมดเป็นสเปรคตัมแถบสี จากสีขาวเข้มไปจนถึงดำสนิทนะครับ โดยให้สีขาวมีค่าเท่ากับ 10 แทน Best Case (เราทำอะไรที่เปลี่ยนชีวิตสำเร็จ กลายเป็นคนละคน) ส่วนปลายอีกด้านสีดำมีค่าเท่ากับ 1 แทน Worst case (เราเสียชีวิตหรือพิการ)