7 เม.ย. 2021 เวลา 01:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
ปูพื้นฐาน DeFi 101 เริ่มต้นเรียนรู้โลก DeFi ฉบับมือใหม่ โอกาสทางการเงินแห่งอนาคต
.
ในปัจจุบันนี้หากใครเอ่ยถึงคำว่า Bitcoin หรือ Cryptocurrency ก็ดูจะไม่ใช่อะไรที่แปลกใหม่อะไรนัก แต่หากเราพูดถึง DeFi (Decentralized Finance) มันก็จะเป็นอะไรที่หลายคนสงสัยว่ามันหมายถึงอะไรกันแน่ ซึ่งหากคุณยังไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร ผมอยากจะบอกว่ามันเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจที่สุดของระบบการเงินในปัจจุบันเลยทีเดียว
DeFI นั้นหมายถึงระบบการเงินที่ไม่มีตัวกลาง ซึ่งเป็นคำศัพท์ใหม่ล่าสุดในวงการ Blockchain และ Cryptocurrency โดยสื่อถึงระบบการเงินที่ใช้รหัสคำสั่งโปรแกรมบนบล็อกเชนทำงานแทนมนุษย์
สำหรับใครที่เคยได้ยินคำว่า Bitcoin กันมาบ้าง จะเข้าใจว่าโดยพื้นฐานแล้ว Bitcoin คือระบบการเงินไร้ตัวกลางที่สามารถทำงานได้โดยไม่ต้องอาศัยธนาคารหรือตัวกลางใดๆ ไม่ว่าใครก็สามารถใช้งาน Bitcoin ได้โดยไม่ต้องขออนุญาตใคร หรือไม่ต้องกังวลว่าธุรกรรมของเราจะถูกใครซักคนหยุดยั้งได้
การใช้งานของ Bitcoin ที่เป็นการโอนเงินนั้นอาจจะไม่ใช่การใช้งานที่ดูน่าตกใจอะไร เพราะในความเป็นจริง มันรองรับธุรกรรมจำนวนมากไม่ได้และยังมีต้นทุนการโอนที่สูงกว่าระบบการโอนเงินแบบดั้งเดิม
แต่ส่วนที่เป็นหัวใจหลักของ Bitcoin คือ “การทำงานที่จะถูกต้องเสมอโดยไม่ต้องมีตัวกลาง” ถ้าเราคิดภาพระบบการเงินทั้งหมดนั้นล้วนเต็มไปด้วยตัวกลางมหาศาล ในแง่นึงแล้วตัวกลางเหล่านี้ต่างอำนวยความสะดวกแก่เรา แต่มันก็ตามมาด้วยข้อจำกัดทางการเงินมากมายที่ทำให้เราต้องปฎิบัติตามหลักการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการขออนุญาตในการเปิดบัญชี การฝากเงิน หรือการโอนเงิน เป็นต้น
1
ตัวกลางเหล่านี้ถูกสร้างมาเพื่อให้กระบวนการทางการเงินนั้นถูกตรวจสอบ และให้ทุกคนในระบบเชื่อใจได้ว่าจะไม่มีการทุจริตเกิดขึ้น แต่ด้วยการตรวจสอบจากตัวกลางจำนวนมากทำให้ระบบการเงินแบบดั้งเดิมเชื่องช้ามาก เพราะต้องขออนุญาตจากหลายๆฝ่าย และยังเพิ่มต้นทุนในการสร้างอย่างมหาศาล
3
เพราะเหตุนี้จึงทำให้แนวคิดของรหัสคำสั่งโปรแกรมบนบล็อกเชน (Smart Contract) ถูกพัฒนาต่อยอดขึ้นมาในชื่อโปรเจค Ethereum ซึ่งเป็นเหรียญอันดับสองของโลก โดยมีมูลค่าตลาดรองจาก Bitcoin นั้นน่าสนใจมาก เพราะในขณะที่ Bitcoin ทำได้แค่การโอนเงินแต่ Ethereum นั้นกลับนำเสนอแนวคิดที่จะทำให้เราสามารถใส่โปรแกรมการทำงานที่ซับซ้อนลงไปบน Blockchain ได้ และหากมันถูกนำไปใช้กับระบบการเงิน นั่นก็เท่ากับว่าเราจะได้ระบบการเงินไร้ตัวกลางแบบใหม่ ที่ทำงานได้ประสิทธิภาพดีขึ้นกว่าระบบการเงินแบบดั้งเดิมอย่างแน่นอน
ระบบการเงินแบบใหม่ที่ทำอะไรได้มากกว่าแค่การโอนเงินนี้เอง คือสิ่งที่เราเรียกว่า DeFi (Decentralized Finance) ซึ่งในปัจจุบันระบบนี้สามารถทำงานได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการกู้เงิน การสร้างสินทรัพย์ การค้ำประกัน การแลกเปลี่ยน และอื่นๆอีกมากมาย ที่สามารถเป็นไปได้ในระบบการเงินแบบดั้งเดิม โดยไม่จำเป็นต้องมีองค์กรหรือธนาคารใดๆเป็นเจ้าของมัน สิ่งนี้สามารถทำงานได้อย่างอิสระเหมือนเครื่องจักรที่มีชีวิต และในปัจจุบันก็มีคนที่เชื่อใจในระบบ DeFi จนมีคนยอมฝากเงินไว้ในระบบนี้รวมกันมูลค่ามากกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ
2
และด้วยการที่แพลตฟอร์ม DeFi ต่างๆทำงานด้วย Code หรือรหัสคำสั่งโปรแกรมบนบล็อกเชน (Smart Contract) ที่มีความน่าเชื่อถือ ดังนั้นหาก Code นั้นๆระบุว่าจะมีเพียงเราซึ่งเป็นเจ้าของเท่านั้น ที่สามารถ ฝาก-ถอน เงินของเราได้ มันก็จะเป็นเช่นนั้นเสมอ จึงไม่มีทางเลยที่เจ้าของแพลตฟอร์ม DeFi จะสามารถขโมยหรือถอนเงินของเราออกไปได้ และสิ่งนี้เองที่ทำให้เราไม่จำเป็นต้องเชื่อใจในมนุษย์อีกต่อไป เราเพียงแค่เชื่อใจใน Code ก็พอ แต่ในทางตรงกันข้ามหาก Code ของแพลตฟอร์ม DeFi นั้นๆ ตั้งใจเขียนออกมาเพื่อขโมยเงินของเรา และเราไม่ได้ตรวจสอบให้ดี เราก็สามารถสูญเสียเงินได้เช่นกัน ผมจึงขอนิยามโลก DeFi ว่า “Code is law” หรือ Code คือกฎของทุกสิ่ง
นอกจากเรื่องความน่าเชื่อถือของ Code แล้ว สิ่งหนึ่งที่ทำให้ DeFi สามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดก็คือการสร้าง Sharing Economy ที่มีผลตอบแทนให้แก่ทุกคนที่มีส่วนร่วมในระบบนี้ ตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์ม Uniswap ซึ่งเป็น Decentralized Exchange หรือตลาดแลกเปลี่ยนไร้ตัวกลาง โดย Uniswap นี้ทำงานเป็นที่แลกเปลี่ยนสกุลเงินคล้ายๆกับ Super Rich เพียงแต่มันเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล โดยทุกคนสามารถฝากเงินเข้ามาในระบบนี้เพื่อรับส่วนแบ่งค่าธรรมเนียมที่เกิดขึ้นจริงได้
บทความนี้เป็น Guest post จาก คุณกานต์นิธิ ทองธนากุล ผู้ก่อตั้งเพจ Kim DeFi Daddy และ Bitcoin Addict Thailand
อ่านบทความเพื่อทำความเข้าใจต่อได้ที่ https://techsauce.co/tech-and-biz/defi-101-basic-decentralize-finance-cryptocurrency
โฆษณา