6 เม.ย. 2021 เวลา 09:19 • หนังสือ
เมื่อคำว่า “เก่ง”,“ฉลาด” อาจกลายเป็นตัวฉุดให้ชีวิตล้มเหลว
#MiniตกผลึกBooks เล่มที่ 2
”Mindset” โดย Carol S. Dweck
1
#ดีงามยังไง
เล่มนี้เป็นป้ายเตือนสติชั้นดีว่า…
“Mindset (ชุดความคิดในหัวเรา) มีผลต่อความสำเร็จทุกเรื่องในชีวิต
ที่ชีวิตเราไม่ไปไหนมาไหน ก็เพราะ Mindset ของเรานี่แหละ“
(ความสำเร็จในที่นี้ไม่ใช่แค่เรื่องเงินทอง ของนอกกาย
แต่รวมถึงเรื่องภายในด้วย เช่น ความสัมพันธ์ที่ดี
ความสุข การบรรลุศักยภาพของตัวเอง)
3
#keyเด็ดๆที่ได้
เข้าใจว่า Mindset แบบไหนถึงทำให้เรา “รุ่งหรือร่วง”
และได้ย้อนดูตัวเองว่าใช้ Mindset แบบไหนอยู่
จาก 2 ประเภท
1
Fixed Mindset คือ ชุดความคิดที่ทำให้เรา “หยุดอยู่กับที่”
Growth Mindset คือ ชุดความคิดที่ทำให้เรา “ก้าวหน้า”
1
2
คนที่มี Fixed Mindset มักจะยึดติดกับผลลัพธ์ปลายทาง เช่น
ความสำเร็จ/ความล้มเหลว
เก่ง/ห่วย
ถูก/ผิด
ฉลาด/โง่
และคิดว่าคุณสมบัติพวกนี้ “ตายตัว (Fixed)” พัฒนากันไม่ได้
3
ความคิดในหัวจะประมาณนี้
“ฉันเก่ง ฉลาดอยู่แล้ว ไม่ต้องพัฒนาอะไรอีกแล้ว”
หรือ ”ฉันเป็นคนหัวไม่ดี เกิดมาแบบนี้ ก็คงมาได้แค่นี้แหละ”
ไม่ว่าจะคิดแบบไหน นับเป็น Fixed Mindset ทั้งสิ้นครับ
เพราะมันไม่กระตุ้นให้เกิดการพัฒนาใด ๆ
4
ที่น่ากลัวคือ คนที่คิดแบบนี้
ก็มีแนวโน้มจะมองว่าคนอื่น ๆ พัฒนาไม่ได้ด้วยเช่นกัน
เช่น เจ้านายมองลูกน้องว่า ฝีมือไม่ดี คงไม่มีวันทำได้
แบบนี้ลูกน้องยากที่จะได้รับโอกาสในการพัฒนาฝีมือ
สามีที่คาดหวังว่าภรรยาต้องเข้าใจเขาในทุกเรื่อง
ก็ย่อมผิดหวังหนัก เมื่อไม่ได้ดั่งใจ และมีโอกาสที่จะทำลายความสัมพันธ์
5
พ่อแม่บางคนปลูกฝัง Fixed Mindset ให้ลูกโดยไม่รู้ตัว
เช่น การชมว่า “ลูกฉลาดมาก” เมื่อทำอะไรสำเร็จ
ดูผิวเผินเหมือนดี แต่มันอาจทำลาย “ศักยภาพ” ของลูกได้เช่นกัน
1
เพราะลูกจะฝังใจว่าตัวเองต้อง “ดูฉลาด” ในสายตาพ่อแม่
จึงไม่กล้าทำอะไรออกนอกกรอบ หลีกเลี่ยงความเสี่ยงมากเกิน
หรือผิดหวังมาก ๆ เมื่อตัวเองผิดพลาด
6
ส่วนคนที่มี Growth Mindset จะไม่ยึดติดกับผลลัพธ์เท่าไหร่
แต่จะคิดว่า ”ผลลัพธ์ นำไปสู่การพัฒนาได้เสมอ”
จึงมีความสุขกับการเรียนรู้ และเติบโต
3
พวกนี้จะมองความล้มเหลวเป็นเรื่องท้าทาย
มองความสำเร็จเป็นแค่อีกก้าวที่จะพัฒนาต่อไป
1
5
และไม่ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่จุดไหน
คนที่มี Growth Mindset จะคิดว่า ”เราเก่งขึ้นได้อีก เราดีขึ้นได้อีก” เสมอ
คนพวกนี้จึงประสบความสำเร็จกว่า
และยั่งยืนกว่าคนที่มี Fixed Mindset หลายเท่า
2
#เอาไปใช้ยังไงล่ะ (Key Actions)
#Step1 เข้าใจก่อนว่า
คนเราแต่ละคนอาจมี Fixed Mindset ในบางเรื่อง
และ Growth Mindset ในบางเรื่องอยู่แล้ว
และมันสามารถเปลี่ยนแปลงได้ทั้งคู่
เช่น
ในวัยเด็ก ผมเคยมี Fixed Mindset ด้านการพูด
คิดว่าตัวเอง “เป็นคน” ไม่กล้าแสดงออก พูดหน้าชั้นเรียนไม่ได้
สุดท้ายความเชื่อนั้นก็ทำให้ผมไม่กล้าพูดซักที
แต่ผมมี Growth Mindset ด้านกีฬา
เชื่อว่าเล่นไม่เก่งก็ฝึกได้
สุดท้ายผมก็เล่นกีฬาได้หลากหลาย
step นี้จะทำให้เราเข้าใจตัวเอง และเข้าใจผู้อื่น
ทำให้ลดความคาดหวังกับตัวเองหรือผู้อื่นลง
#Step2 เลือกใช้ Growth Mindset กับเรื่องที่อยากเติบโต
เราไม่จำเป็นต้องใช้กับทุกเรื่องครับ
เพราะเรามีแรง มีเวลาจำกัด
บางเรื่องที่ไม่สำคัญ ก็ปล่อยมันเป็น Fixed Mindset ไว้ก่อนก็ได้
4
เช่น
ในวัยทำงาน ผมตัดสินใจใช้ Growth Mindset มาพัฒนาการพูดของผม
เพราะมันจำเป็นในการทำงาน
แต่เรื่องทักษะการร้องเพลงที่คิดว่าตัวเองเป็นคนร้องเพลงห่วยบรม
ผมก็ปล่อยมันไว้ เพราะคิดว่ายังไม่จำเป็น
#Step3 ลง Action Plan
แค่คิดว่าจะพัฒนาแล้วก็จบ… จบเห่เลยครับ
ต้องลงแผนการด้วยครับว่าจะทำอะไร เมื่อไหร่ ที่ไหน
แบบเป็นรูปธรรม ไม่งั้นความคิดก็จะไม่กลายเป็นความจริง
1
เช่น
ผมมีเป้าหมายจะพัฒนาการพูดของผม
ผมก็จะตั้งไว้ว่า จะซ้อมการพูดทุกวัน วันละ 30 นาทีที่บ้าน
จนกว่าจะพูดได้คล่อง
1
#Step4 รักษาความคิด
เจออุปสรรค ปัญหา อย่าหยุด
อย่าโทษตัวเอง
ให้ตีเป็นการ "เรียนรู้" เพื่อพัฒนาให้ดีขึ้นได้เรื่อย ๆ
สำเร็จ ก็อย่าเหลิง
ให้ตีเป็น “จุดพักใจ” เพื่อก้าวต่อไปที่โตขึ้น
2
#สรุปแก่นทั้งหมดในประโยคเดียวคือ
”Enjoy the process”
ปล่อยวางผลลัพธ์ เพื่อสนุกกับขั้นตอนครับ
2
#Commentเพิ่มเติม
อ่านค่อนข้างง่าย หนังสือเน้นไปที่ case study
ว่าคิดแบบ Fixed กับ Growth จะได้ผลลัพธ์ต่างกันยังไง
เน้นให้เรา "ตระหนัก" เพื่อเปลี่ยน Mindset
แต่ในส่วนของการ take action
เราต้องไปประยุกต์เอาเองครับ
จบละ ลองเอาไปใช้กันนะ
Pump วิศวกร Content
#สรุป #ตกผลึก #Books #หนังสือ
ติดตามเราได้ที่
Facebook Fanpage : ตกผลึก Books : ความรู้ท่วมหัว เอาตัวให้รอด
Line Square : "ตกผลึก Books"
โฆษณา