9 เม.ย. 2021 เวลา 10:36 • ไลฟ์สไตล์
ถ้ามีลูก เราจะเป็นพ่อแม่แบบไหน จะสอนลูกอย่างไร ??
เคยถามคำถามนี้กับตัวเองกันไหมคะ
ขอบคุณภาพจาก Pixabay
เราเองก็ยังไม่แน่ใจในคำตอบแต่พยายามใช้เวลากับลูกในตอนนี้ที่เขายังเด็กให้มากที่สุด เพราะคิดว่าในช่วงนี้เป็นช่วงที่ลูกต้องการเรามากที่สุด
1
สายใยความรักของพ่อแม่ในช่วงแรกของชีวิตลูกจะเป็นสายสัมพันธ์ที่เหนี่ยวรั้งไม่ให้เขาออกนอกลู่นอกทางในอนาคต
แนวทางไหนที่คิดว่ามีประโยชน์แก่ลูกก็จะพยายามศึกษาและเก็บเกี่ยวมาใช้
เคยได้ฟังเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจในตอนที่ไม่มีลูกและคิดว่าหากวันหนึ่งตัวเองมีลูกจะสอนลูกแบบนี้ และวันนี้ที่ตัวเองมีลูกแล้วแม้ยังไม่ถึงวัยที่จะเรียนรู้บางเรื่องแต่ก็อยากบันทึกไว้เพื่อเริ่มปูพื้นฐานให้กับลูกและเผื่อมีประโยชน์กับคนอื่น ๆ
📍ถ้าลูกอยากมีเงินเก็บ
ขอบคุณภาพจาก Pixabay
มีเด็กคนหนึ่งอายุ 7 ขวบ ไปเล่นที่บ้านเพื่อน แล้วแม่ของเพื่อนให้เงิน 20 เหรียญ
เด็กคนนี้ก็ถามเพื่อนว่าทำไมเขาถึงได้เงิน 20 เหรียญ เพื่อนก็บอกว่าเขาทำงานบ้าน เก็บขยะ ล้างจาน
พอเด็กคนนี้กลับบ้านก็บอกกับพ่อว่าอยากทำงานบ้านและเก็บเงินแบบนี้บ้าง
พ่อก็บอกว่าน่าสนใจแต่พ่อคิดว่าการที่ลูกทำงานบ้านมันเป็นความรับผิดชอบของลูกอยู่แล้ว แต่ถ้าลูกอยากเก็บเงิน พ่ออยากเสนอไอเดีย
1
พ่ออยากให้ลูกอ่านหนังสือเกี่ยวกับความสำเร็จกับการคิดบวกแล้วเขียนสรุป แล้วเล่าให้พ่อฟังแล้วพ่อจะให้ 20 เหรียญต่อเล่ม
2
เด็กคนนี้ตกลงแล้วก็เริ่มอ่านหนังสือเกี่ยวกับความสำเร็จ การคิดบวก จนสามารถเขียนหนังสือของตัวเองออกมาตอนอายุ 14 ปี ซึ่งเป็นหนังสือที่มีชื่อเสียงและขายดี
3
เด็กคนนี้ชื่อ Caleb Maddix เขาได้รับรางวัล Forbes 30 Under 30 (30 คนที่ประสบความสำเร็จก่อนอายุ 30)
2
ถ้าเราอยากเป็นเช่นไรเราก็ต้องอ่านหนังสือเช่นนั้น ถ้าอยากมีความสุข ก็ต้องอ่านหนังสือเกี่ยวกับความสุข ถ้าอยากประสบความสำเร็จ ก็ต้องอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับความสำเร็จ
3
ไม่มีอะไรได้มาง่าย ๆ ถ้าเราอยากได้มันมา เราก็ต้องศึกษาและจริงจังกับมัน 🌿🌿
1
เมื่อพูดถึงหนังสือทำให้เรานึกถึงบุคคลหนึ่งที่เราเคยอ่านหนังสือของเขาหลายเล่ม ทั้งหนังสือธรรมะที่อ่านไปหัวเราะไปแต่ก็สอดแทรกแง่คิดที่ดีงามและหนังสือเกี่ยวกับการต่อสู้ชีวิตของเขาซึ่งน่าสนใจมาก เขาคือ คุณสมคิด ลวางกูร
1
📍ถ้าอยากประสบความสำเร็จต้องมีเป้าหมายในชีวิต
1
ขอบคุณภาพจาก http://www.honghongworld.com/post03037161002350
คุณสมคิดเคยเป็นเด็กยากจน ไม่มีพ่อ แม่ก็ต้องทำงาน ไม่มีเวลาเลี้ยงดู จึงฝากเขาไว้กับหลวงตาที่วัด บางครั้งก็อดจนถึงขั้นแย่งข้าวสุนัขกิน
โตขึ้นก็ทำงานรับจ้างแทบทุกอย่างจนรู้สึกว่าอยากหนีจากชีวิตที่ทุกข์ทรมานแบบนี้ จึงตัดสินใจไปถามหลวงพ่อว่าต้องทำอย่างไร
3
หลวงพ่อท่านก็แนะนำว่า
"ต้องฉลาด และถ้าอยากฉลาดก็จะต้องอ่านหนังสือเยอะ ๆ"
3
และเขาก็ทำตามทันที อ่านหนังสือที่มีในวัดทุกเล่มจนมาเจอหนังสือของเดล คาร์เนกี้ ที่ไม่ทราบแม้ชื่อเล่ม เพราะหน้าแรกหายไป เปิดเจอก็หน้าที่ 11 แล้ว แต่มันกลับเปลี่ยนชีวิตของเขาไปเลย
2
หนังสือบอกว่า "คนเราจะประสบความสำเร็จ ต้องตั้งเป้าหมายในชีวิต"
1
เขาก็ทำตามเช่นเดิม ตั้งเป้าหมาย 5 ข้อ เช่น มีเงินเก็บ 1 ล้านตอนอายุ 25 ปี , ทำงานบนเครื่องบิน, ได้ไปต่างประเทศ
จากเด็กวัดที่ต้องอดมื้อกินมื้อ ใครจะคิดว่าฝันของเขาจะเป็นจริงขึ้นมาได้ แต่เขาไม่สนใจ กลับหาวิธีการไปสู่เป้าหมายนั้น
1
โดยเริ่มชกมวยในวัย 11 ปี เพราะเป็นงานที่คนไม่มีความรู้สามารถหาเงินได้ทีละเยอะ ๆ
1
เขาทำงานอย่างหนัก ย้ายงาน ไต่เต้ามาเรื่อย ๆ จากเด็กล้างห้องน้ำของสายการบินจนขึ้นสู่ระดับบริหารของสแกนดิเนเวียนแอร์ไลน์ จนในที่สุดมีเงิน 1 ล้านบาทตอนอายุ 25 ปี และทำตามเป้าหมายอื่น ๆ ได้ครบทุกข้อ
2
แต่แล้วก็ต้องประสบกับหายนะของชีวิตจนเงินหมด เขาก็ตั้งเป้าหมายใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม คือ มีเงิน 10 ล้านให้ได้ เมื่อมาทำธุรกิจส่วนตัวเขาก็ประสบความสำเร็จตามเป้า แต่แล้วเขากลับสิ้นเนื้อประดาตัวอีกครั้งในชั่วข้ามคืนจากการลอยตัวค่าเงินบาท
1
แต่ในที่สุดเขาก็กลับมาประสบความสำเร็จอีกครั้งในอาชีพนักเขียน โดยสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในวงการหนังสือด้วยการทำหนังสือธรรมะที่น่าเบื่อให้กลายเป็นเรื่องสนุก ด้วยยอดขายถล่มทลายกว่า 31 ล้านเล่ม ยอดขายรวมกว่า 300 ล้านบาท
1
ขอบคุณภาพจาก http://www.honghongworld.com/post03037161002350
ปัจจุบันเขากลายเป็นทั้งนักเขียน เจ้าของสำนักพิมพ์และปรมาจารย์ทางด้านการปั้นนักเขียนอีกด้วย
เคล็ดลับความสำเร็จครั้งนี้ของเขา คือ ความคิดที่ว่า "จะทำอะไรต้องรู้จริง"
3
เขาจึงศึกษาธุรกิจสิ่งพิมพ์อย่างจริงจัง ทำให้สามารถจับตลาดได้ถูกจุด เพราะหนังสือที่ขายดีได้นั้นไม่ใช่แค่อ่านสนุก แต่ต้องโดนใจ เป็นเรื่องที่คนอ่านรู้สึกว่าได้ประโยชน์ด้วย ขณะเดียวกันการตลาดก็เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องศึกษา
2
ถึงแม้เขาจะประสบความสำเร็จมากมาย มีชื่อเสียงเงินทอง สุดท้ายเขากลับเป็นคนใฝ่หาความสงบ ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและอิ่มเอมจากการปฏิบัติธรรม
1
จุดพลิกในชีวิตเขาก็คือ การได้เจอหนังสือที่สอนให้ตั้งเป้าหมายในชีวิตและเขาก็ทำมันมาตลอด และเป้าหมายในตอนนี้ของเขาก็คือ
ถ้าอะไรทุกอย่างลงตัวหมดแล้ว เขาจะเลิกทำธุรกิจ ไปอยู่ต่างจังหวัดอย่างสงบ ๆ ปฏิบัติธรรม เขียนหนังสือถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตให้คนรุ่นหลัง
1
เพราะเขามองว่าไม่มีหนทางไหนที่จะให้ความสุขแก่เราได้มากไปกว่าการก้าวไปสู่ความดี โดยไม่ถอยหลังกลับ 🌿🌿
2
นอกจากนี้เรายังได้ยินโครงการของรัฐที่นำหนังสือมาเป็นเครื่องมือปรับเปลี่ยนความคิดของนักโทษในเรือนจำให้กลับเป็นคนใหม่
📍ไถ่โทษผ่านการอ่านหนังสือ
ขอบคุณภาพจาก https://www.posttoday.com/politic/report/436857
รัฐบาลบราซิลเปิดโอกาสให้นักโทษออกจากเรือนจำเร็วขึ้นหากขยันอ่านหนังสือ ในโครงการ "ไถ่โทษผ่านการอ่านหนังสือ" (Redemption through Reading)
1
ซึ่งหนังสือแต่ละเล่มผ่านการคัดกรองมาเป็นอย่างดีว่าเหมาะสมกับนักโทษ
1
มีหลักการ คือ หากอ่านหนังสือ 1 เล่ม จะได้ลดโทษ 4 วัน นักโทษมีเวลา 30 วัน ในการอ่านและเขียนเรียงความสรุปความเข้าใจ
2
โดยสามารถอ่านได้สูงสุด 12 เล่มต่อปี หมายความว่าถ้าอ่านครบตามนี้จะได้ลดโทษตกปีละ 48 วัน ดังนั้นยิ่งอ่านเยอะก็จะยิ่งออกได้เร็วขึ้น
โครงการนี้เชื่อว่าจะช่วยให้นักโทษมีความรอบรู้และเปิดมุมมองใหม่ ๆ เมื่อออกจากเรือนจำ พวกเขาจะได้เรียนรู้ว่าชีวิตยังมีรูปแบบอื่น ๆ ที่พวกเขาอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน
1
และเป็นการสะสมความรู้แทนที่จะแลกเปลี่ยนความรู้จากนักโทษคนอื่น ๆ ในเรือนจำ เพราะคนเราจะเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่เราคลุกคลีอยู่ด้วย
ขอบคุณภาพจาก Pixabay
พวกเขาจะได้มองเห็นถึงความเป็นไปได้ในการมีชีวิตที่เป็นปกติและจะเป็นคนใหม่ ไม่หวนกลับไปทำผิดซ้ำเดิม
Erwin James นักเขียนและคอลัมนิสต์ของ The Guardian อังกฤษ เป็นหนึ่งในบทพิสูจน์ว่าโครงการนี้ได้ผล
เพราะเขาเคยได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิตข้อหาฆาตกรรม แต่ถูกลดโทษลงเหลือ 20 ปี จากโครงการนี้
เขาบอกว่าหนังสือที่เขาอ่านในเรือนจำทำให้เขามองเห็นคนอีกคนที่เขาควรจะเป็น ทำให้เขาเข้าใจชีวิต เปลี่ยนวิธีคิด เปลี่ยนมุมมอง
เขาพิสูจน์ให้เห็นว่า เขาเปลี่ยนไปเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิมได้ด้วย...การอ่านหนังสือ 🌿🌿
1
ไม่ใช่ว่าทุกคนที่จะอ่านหนังสือเล่มเดียวแล้วจะเปลี่ยนชีวิตทันที เราไม่อาจเปลี่ยนธรรมชาติของตัวเองได้เร็วขนาดนั้น
แต่อย่างน้อยการอ่านหนังสือมันจะค่อย ๆ หล่อหลอมความคิดของเรา สิ่งที่เราทำ เราจะเริ่มพาตัวเองไปยังจุดที่ต้องการ
2
หนังสือจะเป็นแรงบันดาลให้เราเริ่มต้น แต่สิ่งที่จะนำเราไปสู่ความสำเร็จได้นั้น คือ ความสม่ำเสมอ
ในฐานะของพ่อแม่เราก็ย่อมอยากมอบสิ่งดี ๆ ให้กับลูก จุดแรงบันดาลใจให้ลูกตั้งแต่เล็ก ๆ แต่คำสอนมากมายคงจะไม่มีค่าเท่ากับการกระทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง
1
อยากให้ลูกเป็นเช่นไรเราก็ต้องเป็นเช่นนั้นก่อน อยากให้ลูกอ่านหนังสือ พ่อแม่ก็ต้องเริ่มอ่านหนังสือให้ลูกเห็นก่อน
1
จากจุดที่อยากให้ลูกอ่านหนังสือ กลายเป็นจุดเริ่มต้นให้แม่ต้องเริ่มอ่านหนังสือเอง
ลูกเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ทำให้เราอยากเป็นคนที่ดีกว่าเดิมในทุก ๆ ด้าน เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเขา
1
ในวันนี้ที่เราเป็นใครที่ไม่สำคัญ แต่เราจะเป็นคนสำคัญและเป็นโลกทั้งใบของลูก ❤️
3
โฆษณา