9 เม.ย. 2021 เวลา 00:34 • ประวัติศาสตร์
เมืองไทยเคยมี"ซ่องโสเภณี"
ที่ถูกกฏหมายมาก่อน
และกิจการนี้ก็ทำเงินให้ประเทศเราเยอะมาก
ทำความรู้จัก"หญิงนครโสเภณีหรือหญิงงามเมือง"ในอดีต
ด้วยความที่เราบอกเราเป็นเมืองพุทธ เรื่องอะไรที่ผิดศีล ผิดธรรม เราจึงทำกันแบบลับ ๆ แบบที่ใคร ๆ ก็รู้...
อาชีพโสเภณีหรือหญิงขายตัวเป็นอาชีพที่เราทราบกันดีว่ามันมีอยู่จริงในทางปฏิบัติในบ้านเมืองเรา
ถึงแม้ในทางกฏหมายมันจะเป็นเรื่องที่ผิดก็ตาม
โสเภณีซ่อนรูปก็มีอยู่หลายระดับ ตั้งแต่ สาวในร้านคาราโอเกะแบบประหยัดไฟ หมอนวด หมอนาบ สาวเอน เรื่อยไปจนถึงสาวพริตตี้ไซด์ไลน์เกรดพรีเมี่ยมตามค็อกเทล เลาจ์ไฮโซ
1
ไม่ว่าจะมาในนามไหน ชื่อใด
ถ้าสุดท้ายจบที่เรื่องบนเตียงก็คือโสเภณีเราดี ๆ นี่เอง
..
เรารู้กันดีว่าอาชีพโสเภณีเป็น
เรื่องที่ผิดกฏหมายในยุคปัจจุบัน
แต่ท่านทราบหรือไม่ว่า ? ในอดีตที่ผ่านมา บ้านเมืองเราเคยรับรองอาชีพนี้อย่างถูกกฏหมายมาแล้ว
3
เรื่องราวสืบสาวเบื้องต้นได้จาก บันทึกในราวสมัยต้นรัชกาลที่ 4
ที่มีการใช้ระบบภาษีที่เรียกว่าระบบนายอากรภาษี
โดยระบบนายอากรภาษี เป็นการเปิดประมูลให้เอกชนเป็นผู้ทำหน้าที่เก็บภาษีแทนหลวง
หากใครประมูลการเป็นนายอากรภาษีได้ไป ก็สามารถไปเรียกเก็บอากร บ่อนเบี้ยจากกิจการต่าง ๆ แทนหลวงได้ตามกฏหมาย
1
ในส่วนของหลวงก็จะได้เพียงเงินจากราคาประมูลที่ตกลงกันเท่านั้น
ในจำนวนภาษีอากร บ่อนเบี้ยในยุคนั้นนอกจากจะมี ภาษีฝิ่น ภาษีสุกร ภาษีปลากัด ภาษีปลาทู ภาษีผ้าไหม ภาษีผัก ภาษีถัง อากรการพนัน อากรมหรสพ ยังมีภาษีอีกอย่างหนึ่งที่มีชื่อว่า"ภาษีบำรุงถนน"
"ภาษีบำรุงถนน" คือภาษีที่เอาไว้จัดเก็บกิจการขายบริการทางเพศหรือโรงโสเภณี
รวมทั้งเป็นกฏหมายที่เอาไว้คุ้มครองการถูกเอารัดเอาเปรียบจากนายจ้างหรือที่เรียกว่านายเงินของหญิงโสเภณีอีกด้วย
2
ส่วนสาเหตุที่ภาษีซ่องโสเภณี ถูกเรียกว่า"ภาษีบำรุงถนน"ก็ด้วยช่วงนั้นเป็นช่วงเริ่มต้นพัฒนาบ้านเมืองอย่างตะวันตก เริ่มมีการสร้างถนนขึ้นหลายสาย การสร้างถนนในสมัยนั้นเป็นเรื่องที่ต้องใช้เงินเยอะ
2
ภาษีซ่องโสเภณีนี้ จัดเก็บในอัตราที่สูง ว่ากันว่าสูงถึงโรงละ 50,000 บาทเลยทีเดียว ในสมัยนั้น
3
เมื่อภาษีประเภทนี้มีอัตราสูง จึงเก็บเงินได้มาก เหมาะแก่การนำมาใช้ในการสร้างถนนหนทางที่ราคาแพง จึงให้เรียกภาษีนี้ว่า"ภาษีบำรุงถนน"
..
ครั้นล่วงมาถึงสมัยรัชกาลที่ 5 จึงมีการออกกฏหมายใหม่เพื่อใช้ในการดูแลกิจการโรงโสเภณี
ชื่อว่า"พระราชบัญญัติป้องกันสัญจรโรค"เพื่อให้สอดคล้องกับการปรับปรุงระบบการจัดเก็บภาษีที่จัดทำขึ้นใหม่
2
โดยเนื้อหาสำคัญคือการบังคับให้นายโรงโสเภณีต้องเป็นผู้หญิงเท่านั้น และห้ามให้หญิงอายุต่ำกว่า 15 ปีมาทำอาชีพหญิงโสเภณีเด็ดขาด
..
สิ่งบ่งชี้ความรุ่งเรืองของกิจการหญิงงามเมืองหรือหญิงนครโสเภณี ในยุคนั้นมีสองเรื่อง..
เรื่องแรกก็คือเรื่องยายแฟงเจ้าของโรงโสเภณีแห่งแรก ในพระนคร ที่หาเงินได้มากมายจากกิจการซ่องโสเภณี มากมายขนาดที่ยายแฟงสามารถเอาไปสร้างวัดได้ 1 วัด ชื่อว่าวัดคณิกาผล(วัดใหม่ยายแฟง)
4
ตามบันทึกเล่าว่า หญิงส่วนใหญ่ที่ยายแฟงหามาเป็นโสเภณี
ก็มีทั้งหญิงเสเพลที่ยายแฟงไปซื้อหามา หญิงชู้ที่ถูกชายเอามาขาย และหญิงแพศยาที่มาสมัครทำงานกับยายแฟงเอง
..
อีกเรื่องเล่าหนึ่งที่บ่งบอกถึงความรุ่งเรืองของอาชีพโสเภณีก็คือ
เหตุการณ์ที่มีบันทึกไว้ว่า สถานทูตเยอรมันเคยทำหนังสือร้องเรียนไปยังกระทรวงการต่างประเทศสยามว่า
"ให้ช่วยย้ายโรงโสเภณีที่อยู่ติดสถานทูตออกไปที เพราะโรงโสเภณีส่งเสียงดังเหลือเกิน
ดังทั้งกลางวันและกลางคืน จนเจ้าหน้าที่ไม่เป็นอันทำการ ทำงาน"
2
รายละเอียดในบันทึกยังบอกต่อไปอีกว่า ในยุคนั้นนอกจากหญิงไทยที่มาทำอาชีพโสเภณีแล้ว ยังมีหญิงจากจีน หญิงญี่ปุ่นและหญิงชาวตะวันตกที่มาทำอาชีพนี้อีกด้วย
โรงโสเภณีใด มีหญิงชาวตะวันตกมาให้บริการ จะได้รับความนิยมสูงมาก สร้างรายได้ให้แก่นายโรงเป็นกอบเป็นกำ
...
จุดเปลี่ยนของกิจการซ่องโสเภณีจากที่เคยเป็นเรื่องถูกกฏหมาย
กลายเป็นผิดกฏหมายเกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งมีการตรากฏหมายขึ้นใหม่ที่ชื่อว่าพระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณีในปี พ.ศ. 2503
โดยเนื้อหาหลักใหญ่ ก็คือการกำหนดให้การค้าประเวณีเป็นอาชีพที่ผิดกฏหมาย
นับแต่นั้นมา การเปิดกิจการค้าบริการทางเพศที่เรียกว่า"ซ่องโสเภณี"ก็กลายเป็นเรื่องผิดกฏหมายมาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน
1
...
1
เมื่อไม่กี่วันมานี้ เห็นมีกระแสข่าวการเรียกร้องจากกลุ่มผู้ชายที่ขายบริการทางเพศ ให้ภาครัฐออกกฏหมายเพื่อมารองรับอาชีพของพวกเขา
จากการให้สัมภาษณ์ของกลุ่มชายที่ประกอบอาชีพดังกล่าว บอกว่า ในความเป็นจริง มีคนทำอาชีพนี้จำนวนมากและทำกันมานานแล้ว
สิ่งที่พวกเขาเข้าไม่ถึงก็คือสิทธิ
ตามกฏหมายแรงงานต่าง ๆ รวมทั้งการรับรองทางด้านสาธารณสุข
1
...
ประเด็นเรื่องบริการทางเพศในสังคมเรา ยังคงเป็นเรื่องที่คงต้องถกเถียงกันอีกยาวนาน เพราะมันมีปัจจัยหลายอย่างที่หาจุดลงตัวลำบาก
ทั้งศาสนา ค่านิยม เศรษฐกิจ กฏหมายและเรื่องอื่น ๆ อีกมากมายที่ต้องเอามาชั่งรวม ๆ กัน
1
แต่ถ้ายังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
เราก็ต้องอยู่กันแบบลักปิด ลักเปิดกันต่อไป..........Thailand
1
..
ติดตามอ่านบทความได้ที่
โฆษณา