18 เม.ย. 2021 เวลา 02:00 • ธุรกิจ
10 เมนูเสียบไม้ ขายดีตลอดกาล
อาชีพที่ง่ายที่สุดคือเปิดร้านขายเมนูปิ้งย่าง แต่ถามว่ามีเมนูปิ้งย่างอะไรน่าสนใจ และเมนูไหนที่กำไรดีมีโอกาสสร้างรายได้งามๆ www.ThaiFranchiseCenter.com ได้รวบรวม 10 เมนูเสียบไม้ขายดีตลอดกาล พร้อมคำนวณต้นทุนกำไรให้แบบคร่าวๆ ให้คนสนใจได้ลองเลือกลงกัน ใครขยัน ใครตั้งใจทำจริง เมนูเหล่านี้ช่วยให้เรามีรายได้ที่ดีแน่นอน
 
1.ต.เนื้อย่าง
ภาพจาก facebook.com/torbeefgrill
กลิ่นของเนื้อย่างเย้ายวนให้เราอยากกินได้เสมอ เนื้อย่างจึงกลายเป็นอาหารทานเล่นได้ทุกที่ทุกเวลา ทั้งขณะขับรถ พักเที่ยง เป็นอาหารรองท้องก่อนกินมื้อหลัก เป็นต้น โดย ต.เนื้อย่างมี 3 แพคเกจให้เลือกลงทุน เริ่มต้นที่ ชุดทดลองขาย งบลงทุน 3,000 บาท สิ่งที่จะได้รับคือ เนื้อโคขุนติดมัน 500 ไม้ , ป้ายไวนิล วัตถุดิบในชุดนี้ที่ได้คือ 500 ไม้ เท่ากับจะมีรายได้กว่า 5,000 บาท หักลบต้นทุนเหลือกำไรกว่า 2,000 บาท
หรือถ้าเลือกลงทุนในแพคเกจอื่นเช่น ชุดขายจริง งบลงทุน 6,000 บาท ได้เนื้อโคขุนติดมัน 1,000 ไม้ ขายไม้ละ 10 บาท มีรายได้ 10,000 บาท หักต้นทุนเหลือกำไรกว่า 4,000 บาท เฉลี่ยมีกำไรต่อไม้กว่า 40-60% เป็นแฟรนไชส์อาหารทานเล่นที่น่าสนใจและที่สำคัญไม่เก็บค่าธรรมเนียมรายปี ไม่มีส่วนแบ่งจากยอดขาย รายได้ต่อวันเท่าไหร่หักลบค่าใช้จ่ายส่วนตัว ก็กลายเป็นกำไรให้เราได้ทั้งหมด
สนใจลงทุน แฟรนไชส์ คลิก https://bit.ly/3fTyrqS
โทร.087-6572451
 
2.หมูปิ้ง
ภาพจาก bit.ly/3muO5Ku
ต้นทุนของหมูปิ้งขึ้นอยู่กับราคาหมูในท้องตลาด ซึ่งเนื้อหมู 1 กก. ทำได้ประมาณ 70 ไม้ (โดยประมาณ) นอกจากนี้ยังมีต้นทุนข้าวเหนียว ราคากิโลกรัมละประมาณ 30 บาท โดยข้าวเหนียว 1 กก.นึ่งใส่ถุงได้ประมาณ 25-30 ถุง ต้นทุนอื่นๆ ก็เช่น ค่าแก๊ส น้ำตาลทราย ซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำ รสดี น้ำมันหอย น้ำมันพืช เบ็ดเสร็จต้นทุนส่วนนี้ต่อวันประมาณ 40 บาท ต้นทุนเตาถ่านหมูปิ้ง และถ่านสำหรับปิ้ง รวมเงินลงทุนเบื้องต้นประมาณ 800 -1,000 บาท
รายได้ของหมูปิ้งคิดที่ 200 ไม้ ราคาขายไม้ละ 5 บาท ถ้าขายได้หมดมีรายได้ 1,000 บาท รายได้ของข้าวเหนียวประมาณ 30 ถุง ขายถุงละ 5 บาท ถ้าขายได้หมดมีรายได้ 150 บาท
1
มีรายได้รวมประมาณ 1,200 บาท หักลบต้นทุนเหลือกำไรต่อวันประมาณ 200-400 บาท แม้จะดูว่าเป็นตัวเลขที่ไม่มาก แต่ก็ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการ การทำตลาด การพัฒนาสินค้า ซึ่งไม่แน่ว่าบางวันเราอาจขายได้มากกว่า 200 ไม้ รายได้เราก็จะดีมากขึ้น
 
3.ปลาหมึกปิ้ง
1
ภาพจาก bit.ly/3wG6QiW
การลงทุนเปิดร้านปลาหมึกปิ้งอุปกรณ์ส่วนใหญ่หาได้ทั่วไปหยิบจับเอาอุปกรณ์ในครัวมาใช้ก็ได้เพื่อลดต้นทุน ที่ต้องลงทุนหลักๆคือเตาปิ้งย่าง และปลาหมึกสดซึ่งปลาหมึกก็มีให้เลือกหลายแบบ สำหรับการเปิดร้านใหม่ ก็ใช้หมึกกระดอง ทั่วไปๆ แล้วค่อยขยับขยายไปหาปลาหมึกอย่างอื่นมาขายเพิ่มรวมต้นทุนเบื้องต้นสำหรับการเปิดร้านปลาหมึกปิ้งแบบง่ายๆ ใช้งบครั้งแรก ประมาณ 2,000 – 3,000 บาท การตั้งราคาขายส่วนใหญ่อิงตามราคาของวัตถุดิบที่มีการปรับขึ้นลงในแต่ละวัน
รวมถึงต้องดูกำลังซื้อของคนในพื้นที่ด้วย เช่นปลาหมึกปิ้งไม้ละ 10-15 บาทอาจเหมาะกับตลาดแถวหน้าโรงงาน โรงเรียน ชุมชนต่างๆ ซึ่งหากเอาปลาหมึกที่ราคาแพงแล้วขายไม้ละ 70-80 บาท อาจไม่เหมาะกับกำลังซื้อในย่านนั้น ซึ่งรายได้ของปลาหมึกปิ้ง ถือว่าค่อนข้างดีมีรายได้เฉลี่ยต่อวันไม่ต่ำกว่า 300-500 บาท ขึ้นอยู่กับทำเลการขาย คุณภาพสินค้า และบริการเป็นสำคัญ
 
4.ลูกชิ้นปิ้ง/ไส้กรอกปิ้ง
ภาพจาก www.jomyut16.com/
ลูกชิ้นปิ้ง ไส้กรอกปิ้งใช้งบในการลงทุนส่วนใหญ่ประมาณ 3,000 บาท เป็นค่าวัตถุดิบอย่าง ลูกชิ้น ไส้กรอก น้ำจิ้ม ไม้เสียบลูกชิ้น เตาปิ้งย่าง ถุงพลาสติก โต๊ะสำหรับการขาย เป็นต้น โดยลูกชิ้น 1 ถุงราคาประมาณ 60-65 บาท จะเสียบไม้ละประมาณ 3-4ลูก ได้ประมาณ 20 ไม้ หากขายในราคาไม้ละ 5 บาท จะได้เงินประมาณ 100 บาท กำไรเฉลี่ยต่อถุงประมาณ 30-40 บาท
นอกจากนี้อาจเพิ่มความน่าสนใจให้กับร้านเพิ่มสินค้าให้มากขึ้น นอกจากลูกชิ้น ไส้กรอก อาจมีอย่างอื่นร่วมด้วย เช่นปูอัด เต้าหู้ เป็นต้น จะช่วยเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าแม้ว่าจะต้องลงทุนเพิ่มขึ้นแต่ก็ทำให้มีโอกาสขายได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน
 
5.หม่าล่า
ภาพจาก bit.ly/39RoaaT
จุดเด่นของหม่าล่าคือรสชาติที่เผ็ดจี๊ด โดยพริกหม่าล่าสามารถผสมกับวัตถุดิบปิ้งย่างได้กว่า 20-30 เมนู ทั้งเนื้อ และผัก จึงเป็นปิ้งย่างที่ดูมีความหลากหลาย ที่สำคัญลงทุนไม่ยาก ใช้เงินลงทุนเริ่มต้นประมาณ 3,000 บาท สำหรับร้านขนาดเล็กทั่วไป อุปกรณ์เบื้องต้นเช่น เตาปิ้งย่าง , พริกหม่าล่า , ไม้เสียบ , จาน , วัตถุดิบปิ้งย่างต่างๆ โดยวัตถุดิบนี่แหละคือตัวดึงดูดสำคัญถ้าเรามีวัตถุดิบมากลูกค้าก็ยิ่งสนใจ วัตถุดิบที่ควรมีในร้านเช่น เบค่อน , ไส้กรอก , หมู , เนื้อ ,ลูกชิ้นแบบต่างๆ , ปลาหมึก , กุ้ง , เต้าหู้ เป็นต้น
ปัจจุบันพริกหม่าล่าสามารถหาซื้อได้ไม่ยาก รวมถึงสามารถสั่งผ่านออนไลน์ได้ด้วย ราคาในการขายส่วนใหญ่เริ่มต้นไม้ละ 10 บาท หรือขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่ลูกค้าเลือก ทั้งนี้ทำเลในการขายก็เป็นสิ่งสำคัญ ทำเลที่เหมาะสมเช่นย่านโรงงาน โรงเรียน ตลาดนัด ที่ชุมชน เคล็ดลับการขายที่สำคัญอีกอย่างคือคุณภาพของวัตถุดิบ ควรสดใหม่ สะอาด และถ้าจะให้ดีควรเพิ่มช่องทางในการขายให้มากขึ้นด้วย
 
6.บาร์บีคิว
ภาพจาก bit.ly/3dEBkZO
เสน่ห์ของบาร์บีคิว คือสีสันที่เห็นแล้วน่ากินเหลือเกิน ในบาร์บีคิว 1 ไม้ ส่วนใหญ่จะมีมะเขือเทศ พริกหยวก หมู/เนื้อ/ไก่ สับปะรด เป็นต้น ราคาขายของบาร์บีคิวเริ่มต้นประมาณไม้ละ 10 บาท คนสนใจลงทุนอาชีพนี้มีอุปกรณ์เบื้องต้นเช่นตาย่าง (จะเป็นเตาถ่านหรือเตาไฟฟ้าก็ได้ ), ตะแกรง, ถาดอะลูมิเนียม, หม้อ, มีด, กระทะ, ทัพพี, ไม้เสียบ, แปรงสำหรับทาเนย เป็นต้น
ส่วนวัตถุดิบในการทำบาร์บีคิวที่ควรมีเช่น นื้อหมูสันนอก, เนื้ออกไก่ และเนื้อวัวสันแหลม (ริบอาย), มะเขือเทศสีดา, สับปะรด, พริกหยวก, น้ำมันหอย, ผงปรุงรสรสหมู, น้ำตาลทราย, เนย, พริกไทยป่น, ซอสมะเขือเทศ โดยการเสียบบาร์บีคิวให้เสียบจากด้านบนลงด้านล่าง โดยชั้นล่างสุด คือสับปะรด ตามด้วยพริกหยวก, มะเขือเทศ และเนื้อสัตว์ เสียบไปเรื่อย ๆ จนของหมด เสร็จแล้วจัดการแพ็กใส่กล่องพลาสติกเตรียมไว้ย่างขาย ทั้งนี้ทำเลในการขายเป็นสิ่งที่สำคัญหากได้ทำเลดีโอกาสขายดีมีกำไรเยอะมาก
 
7.หมูสะเต๊ะ
ภาพจาก bit.ly/3fQe25Z
หมูสะเต๊ะที่เราเชื่อว่าหลายคนชอบมากๆ กับหมูสีเหลืองๆ ย่างในไฟอ่อนๆ กลิ่นหอมถูกใจ จิ้มกับอาจาดแสนอร่อยบางทีกินเพลินๆ เกินคนละ 10-20 ไม้ หลายคนบอกว่า “ขายหมูสะเต๊ะ” กำไรดี ซึ่งจะดีหรือไม่ดีคนลงทุนต้องรู้จักกับการคำนวณต้นทุนที่เหมาะสมด้วย ปัจจุบันการลงทุนกับหมูสะเต๊ะ ถ้าไม่คิดจะทำเอง ก็มีแฟรนไชส์มากมายให้เราเลือกเริ่มต้น ส่วนใหญ่ค่าแฟรนไชส์ในธุรกิจหมูสะเต๊ะจะอยู่ประมาณ 15,000 บาท
ราคาต้นทุนที่ส่งวัตถุดิบพร้อมขายให้ลูกค้าส่วนใหญ่คือ ราคาส่งหมูสะเต๊ะไม้ละ 3 บาท (ราคานี้รวมทั้งน้ำจิ้มทั้ง 2 ชนิด) ราคาปลีก 5 บาท ขนมปังปอนด์ละ 30 บาท ( 1 ปอนด์สามารถแบ่งได้ 12-15 ชิ้น ชิ้นละ 5 บาท) โดยเฉลี่ยถ้าผู้ลงทุนขายได้ 300 ไม้ ภายใน 1 วันก็จะได้กำไรทันที 600 บาท หรือภายใน 1 เดือน ก็จะได้กำไรทันที 18,000 บาท หมายถึงถ้าลงทุน 15,000 บาท แค่ 1 เดือนก็คืนทุนมีกำไรเอาไปต่อยอดลงทุนเพิ่มได้
 
8.ไก่ย่าง
ภาพจาก facebook.com/Factory.mookata/
ไก่ย่างถือเป็นเมนูฮิต โดยเราอาจเลือกขายได้หลายอย่าง เช่น ตูดไก่ปิ้ง ปีกไก่ปิ้ง น่องไก่ปิ้ง เนื้อไก่ปิ้ง เป็นต้น ต้นทุนของการขายไก่ปิ้ง ผันแปรกับราคาไก่ในท้องตลาด อุปกรณ์เบื้องต้นไม่ได้ยุ่งยาก แต่ต้องมีเคล็ดลับในการหมักไก่ ทำไก่ให้ดูน่าซื้อกิน กำไรของการขายไก่ปิ้งเหล่านี้
แต่ละส่วนรายได้ไม่เหมือนกันเช่น ขายตูดไก่ปิ้ง กิโลกรัมละประมาณ 70 บาทใน 1 กิโลกรัมได้ตูดไก่ประมาณ 36 ตูด ขาย 4 ตูด 10 บาท กำไรเฉพาะตัวตูดไก่ประมาณ 20 บาท/กิโลกรัม แต่ยังไม่ได้หักต้นทุนอื่นๆ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าถ่าน หรือบางคนขาย โครงไก่เสียบไม้ ขายไม้ละ 3 บาท เสียบไม้ขายต่อวันอยู่ที่ประมาณ 500 -600 ไม้ มีกำไรจากการขายโครงไก่ประมาณ วันละ 500 บาท
สำหรับส่วนอื่นๆ เนื้อไก่ หนังไก่ และตับ ขายไม้ละ 5 บาท ต่อวันจะขายได้ 200- 300 ไม้ มีกำไรประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ รวมๆแล้วก็จะมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 1,000-1,500 บาทต่อวัน ซึ่งการขายไก่ย่างเป็นอาชีพที่ง่ายแต่คนลงทุนต้องขยันและตั้งใจทำจริง และปัจจุบันใครไม่อยากเริ่มต้นลงทุนเองก็มีแฟรนไชส์มาเป็นตัวช่วยให้เลือกลงทุนได้ง่ายขึ้น
 
9.เห็ดย่าง
ภาพจาก bit.ly/3wwc40m
โดยเมนูฮิตเช่น เบคอนพันเห็ดเข็มทอง โดยนำเห็ดเข็มทองพันล้อมรอบหรือห่อหุ้มไว้ด้วยเบคอนแล้วนำไปย่างในไฟอ่อนๆ กับเนยหอมๆ ก็จะกลายเป็นสินค้าที่น่ากินมาก รูปแบบการขายสามารถวางขายได้ง่ายๆ ตามตลาดนัดทั่วไป หรือในแหล่งขายอาหารต่างๆ ราคาขายจะอยู่ที่ 20 บาทต่อจำนวน 3 ชิ้น เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มตามสูตรของแต่ละร้าน ถ้าจะให้ดีที่สุดที่หลายเสียงให้การตอบรับคือน้ำจิ้มสูตรซีฟู้ด
ข้อแนะนำสำคัญในการขายสินค้านี้ ควรให้ความสำคัญที่สุดในเรื่องของการคัดสรรวัตถุดิบและแหล่งรับซื้อวัตถุดิบที่อาจต้องเลือกมากหน่อย เนื่องจากวัตถุดิบต่างๆ ที่เป็นองค์ประกอบในสินค้ามีราคาสูง ส่งผลให้ต้นทุนภาพรวมสูงตามไปด้วย จึงจำเป็นต้องสรรหาแหล่งจำหน่ายวัตถุดิบที่มีราคาต่ำ ก็จะช่วยลดต้นทุนลงไปได้บ้าง
 
10.ไส้กรอกอีสาน
ภาพจาก bit.ly/3t14Cs5
ไส้กรอกอีสานเป็นอาหารพื้นบ้านไทยวัตถุดิบหลักคือ เนื้อหมูบด มันหมู และข้าวเจ้าหุงสุก ปรุงรสด้วยเกลือ เครื่องเทศสมุนไพร ผสมให้เข้ากัน นวดให้เหนียว บรรจุใส่ไส้หมู แล้วมัดด้วยเชือกเป็นข้อ ปล่อยไว้ให้เกิดการหมัก เพื่อให้เกิดรสเปรี้ยว ปัจจุบันเป็นสินค้าที่เราพบเห็นได้ตามตลาดนัดทั่วไป ราคาขายส่วนใหญ่เริ่มต้นไม้ละ 5-10 บาท ผู้สนใจสามารถลงทุนในอาชีพนี้ได้ไม่ยาก มีให้เลือกทั้งแบบแฟรนไชส์และลงทุนเอง
โดยตัวไส้กรอกอีสานเราสามารถสั่งซื้อจากพ่อค้าแม่ค้าที่หลายคนทำจำหน่ายให้เราเอามาย่างขายได้ทันที โดยราคาเฉลี่ยของไส้กรอกอีสานที่ขายส่ง ไส้กรอก 1 กิโลกรัม 15 ไม้ ขายส่งอยู่ที่ 85 บาท 1 กิโลกรัม ขายหมดจะได้รับกำไรเฉลี่ยประมาณ 65 บาท ต่อ 1 กิโลกรัม เคล็ดลับในการขยที่สำคัญคือต้องมีเครื่องเคียงเช่นผักต่างๆ ที่ต้องสดและสะอาด การย่างไส้กรอกต้องระวังอย่างให้ไหม้ และควรมีสินค้าให้เลือกหลายอย่างเช่น ไส้กรอกเปรี้ยว ไม่เปรี้ยว วุ้นเส้น หรือไส้อั่ว เป็นต้น ส่วนทำเลที่เหมาะจะขายไส้กรอกอีสานมีอยู่มากมายไม่ตายตัว เช่น ตลาดนัด ตลาดสด ศูนย์การค้า หน้าโรงเรียน ชุมชน
 
การขายเมนูปิ้งย่างยอดฮิตเหล่านี้ เราต้องนึกเสมอว่าคู่แข่งมีมาก จะทำอย่างไรให้สินค้าเราน่าสนใจ ที่สำคัญควรมีกลยุทธ์การขายใหม่ๆ ช่องทางการขายใหม่ๆ มีการพัฒนาสินค้าให้ดูน่าสนใจ เพื่อให้ลูกค้าจดจำและรู้สึกไม่จำเจ จะช่วยเพิ่มยอดขายให้เราได้มากขึ้น
 
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ www.thaifranchisecenter.com/document/
 
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter
 
 
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3g2P0Aq
โฆษณา