9 เม.ย. 2021 เวลา 12:17 • ปรัชญา
7 Steps Create Life Style.
"หนทางแม้ไม่ราบเรียบ
จึงสำคัญที่ใจต้องมุ่งมั่น"
3
ชีวิตไม่ได้เกิดมาเพื่อยอมแพ้ แต่ต้องพร้อมเสมอ..เพื่อลุกขึ้นยืนให้ตรงอย่างสง่างาม...อย่าปล่อยให้ชีวิตถูกตัดสินไปตามยถากรรม และปล่อยตัวให้ใครมากำหนดชีวิตของเรา
จงมั่นใจตนเอง ยืนหยัดอย่างตรงมั่น..แม้ต้องเผชิญความเจ็บปวดเพราะคำคนสักเพียงใด..ก็ต้องก้าวไปต่อให้ได้ ทุกสิ่งไม่ได้จบที่วันนี้
ชีวิตคือจังหวะลีลาที่ต้อง..ร่ายรำอย่างมีพลังไม่อ่อนแรง ๗ กระบวนท่าเรียนรู้เพื่อปรับชีวิตให้ตั้งตรง ดังนี้
ชีวิตที่ต้องเดินทาง
(1)กระบวนท่าที่หนึ่ง..”พญาอินทรีส่องฟ้า”
ชีวิตต้องการให้คนเรา มีสายตาที่คมชัดอย่างกว้างไกลดุจดั่งพญาอินทรี ที่บินสูงมองกว้างไกลอย่างชัดเจน ดังนั้น..
@จงตั้งคำถามกับตนเองว่า จุดหมายในชีวิตของเรานั้นคือสิ่งใด
ภายในเวลากี่ปี สิ่งที่ตัวฉันตั้งใจจะเป็นนั้นคืออะไรบ้าง..ถามย้ำเพื่อให้ได้คำตอบที่แท้จริง
@เมื่อมั่นใจ จงสร้างแผนที่การเดินทางของตนเอง พร้อมปักหมุดทีละจุด เพื่อไปให้ถึงตามนั้น
(2)กระบวนท่าที่สอง”เสาหลักค้ำปฐพี”
ชีวิตคนเราต้องมีความมั่นคงในตนเอง ไม่ว่าจะพบเจอสถานการณ์ใดก็มิอาจ สร้างความหวั่นไหวใดๆ
ชีวิตที่มีเสาเข็มนำชีวิตย่อมเข้มแข็งเสมอ
@ จงมีหลักการพื้นฐานในตน ด้วยการสร้างความเชื่อมั่น 3 ประการที่จะเป็นพลัง..ไปสู่จุดหมายชีวิตของตนเอง
ด้วยการหาคำตอบว่า
#กรอบความคิด..ที่เรายึดถือคืออะไร
#แหล่งการเรียนรู้ของเรา...มาจากที่ไหนบ้าง
#วิธีรักษาทัศคติที่ดีอยู่เสมอ ได้อย่างไร
(3)กระบวนท่าที่สาม: “นอบน้อมทั่วทิศ”
ชีวิตคนเราไม่สามารถอยู่อย่างโดดเดี่ยว เพราะทุกสิ่งในโลกต่างมีความเชื่อมสัมพันธ์กันในทุกสรรพสิ่งเสมอ
1
การรู้คุณค่าและอยู่ร่วมกันได้จึงเป็นความหมายตามธรรมชาติ ดังนั้น..
@จงค้นหาคำตอบที่เป็นไปได้ของตนเองว่าเราจะมีวิธีการใดบ้าง เพื่อเปิดใจสร้างสัมพันธ์ ด้วยความเคารพให้เกียรติ์ คำตอบของแนวทางคือ
#เราจะแสดงความเคารพต่อผู้ที่อยู่สูงกว่าอย่างไร
#เราจะแสดงความเคารพให้เกียรติต่อผู้ที่เสมอกันอย่างไร
#เราจะแสดงความเคารพให้เกียรติ์ต่อผู้ที่อยู่ต่ำกว่าเราเช่นใดบ้าง
#เราจะแสดงความเคารพให้เกียรติต่อตนเองอย่างไร
 
(4)กระบวนท่าที่สี่:”เหวี่ยงขว้างบูมเมอแรง”
ชีวิตคนเรานั้น ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมา ล้วนแล้วมีเหตุที่มาจากตัวเราเองทั้งสิ้น ผลแห่งเหตุจึงย้อนกลับมาหาตัวเราเสมือนดั่งบูมเมอแรงเสมอ
เมื่อทุกสิ่งหมุนกลับมาหาเรา ดังนั้นเราจะมีความพร้อมรับได้ดีเพียงใด ซึ่งขึ้นอยู่กับว่า
@เราได้คิดอย่างจริงจังว่าเราจะมีแนวทางทำให้คำพูด การกระทำให้เกิดขึ้นสอดคล้องกับความคิดในใจเราสักเพียงใด
"จงหมั่นคิดเชิงบวก พูดให้สุนทรีย์ และหมั่นทำอย่างสร้างสรรค์"
(5)กระบวนท่าที่ห้า”น้ำหยดศิลากร่อน”
ชีวิตคนเรานั้น..ต้องอาศัยความเพียรนำพา แม้สิ่งใดยากหรือแข็งแกร่งดั่งหินผา ก็ยังสึกกร่อนลงได้ เมื่อผ่านกาลเวลาที่มีความเพียรเป็นที่ตั้งเสมอ
1
@จงคิดพูดและทำสิ่งใดบ้างเพื่อสร้างความไว้วางใจกับผู้คน ในแต่ละวัน ทุกๆวันอย่างไม่หยุดหย่อน เพราะย่อมได้ใจคนตามมา
"จงหมั่นเปิดบัญชีในใจผู้คน หมั่นเติมความรู้สึกดีๆเพื่อเพิ่มยอดลงในบัญชีนั้น และคิดเสมอว่าเราได้ให้และแบ่งปันสิ่งใดกับใครได้บ้าง"
(6)กระบวนท่าที่หก:”กระจกส่องโอกาส”
ชีวิตคนเรา ต้องมีกระจกส่องมอง เพื่อให้สามารถมองเห็นความจริง ยอมรับความจริง จึงจะสามารถปรับเปลี่ยนตนเองและสร้างโอกาสที่ดีให้ชีวิตได้
@จงหมั่นแสวงหาแนวทางใหม่ๆเพื่อรู้จักตนเองว่าเรามีช่องว่างอะไรบ้าง และจะเติมเต็มได้อย่างไร
"ใครที่พูดจริงกับเรา ใครที่ไหนเป็นแหล่งพลังงานให้เรา และเราจะยอมรับความจริงอันเจ็บปวดให้เป็นแรงฮึดด้วยวิธีใดได้บ้าง"
(7)กระบวนท่าที่เจ็ด:”ลิขิตลายแทง”
ชีวิตคนเรานั้นเสมือนมีเส้นทางวางไว้ล่วงหน้า..เพียงเฝ้ารอให้คนเราเดินทางและค้นพบเส้นทางนั้น
2
@จงบันทึกจุดเปลี่ยนจากเหตุการณ์สำคัญต่างๆที่ได้เกิดขึ้น ลงในแผนที่ชีวิตของเรา
และถามตนเองว่าเราได้เรียนรู้สิ่งใดบ้างจากครั้งนั้น เพื่อนำกลับไปปรับปรุงกระบวนท่าชีวิตใหม่อย่างต่อเนื่อง
นั่นคือความลับของชีวิตเราเอง
"จงหาคำตอบว่ายามผิดพลาดเราเรียนรู้อะไรบ้าง ยามล้มเหลวเราได้บทเรียนอะไร และยามสำเร็จอะไรที่อยู่เบื้องหลังนั้น"
สุดท้ายพึงรู้ว่า..ทุกกระบวนท่าทั้งเจ็ดนั้น แท้จริงแล้ว..ล้วนคือหนึ่งเดียวกัน..
จงทำให้ชีวิตของเราดำรงอยู่อย่างมีพลังในตัวเราเอง ไม่ต้องพึ่งพาแสงสว่างจากผู้ใด เพราะเรามีไฟในตนเอง
"เมื่อล้มต้องลุก มองเห็นเด่นชัด
ปักหลักมั่นคง อ่อนน้อมทั่วถึง
ตั้งรับย้อนกลับ เพียรไม่หยุดหย่อน
ส่องตนตามจริง ค้นพบทางสว่าง"
LL&L9/4/64
โฆษณา