10 เม.ย. 2021 เวลา 18:15 • การศึกษา
สรุปจาก “ ประสบความสำเร็จอย่างมีสติ” JTCG Ep.#8
1. คิดว่าอะไรคือความสำเร็จ
[MORZTRIMIN]
- ความพอดี การรู้จักพอ ไม่ได้แปลว่าหยุด แต่หมายถึงพอใจ ณ โมเมนต์ใดโมเมนต์หนึ่ง ณ ปัจจุบัน
- การที่เรายินดีกับการที่วันนี้เราเขียน ก ไก่ ได้ พรุ่งนี้เราต่อ ข ไข่ ไม่ใช่คิดแต่ว่าทำไมเราเขียนได้ไม่ครบ 44 ตัว
- การตั้งเป้าหมาย พอถึงเป้าหมายก็ถือว่าสำเร็จ เมื่อสำเร็จแล้วมีความสุขไหม พอถึงแล้วไม่มีความสุข แบบนี้เรียกว่า ประสบความสำเร็จอย่างไม่มีสติ
2. ทำไมเป็นคนที่ร้องเพลงแล้วมีความสุข รู้ได้ยังไงว่า การร้องเพลงเป็นความสุข
[MORZTRIMIN]
- มันอยากทำแบบไม่หยุดหย่อน ให้ร้องให้ใครฟังที่ไหนก็ได้ เมื่อก่อนไม่ได้คิด กลัวร้องเยอะแล้วคนอื่นรำคาญ กลัวคนหาว่าโชว์ออฟ
- พอโตขึ้น มีสติ ใครขอ เราร้องเลย เพราะรู้ว่าเขาอยากฟัง และเราก็อยากร้อง เมื่อก่อนก็จะคิดไปเองว่าเขาไม่อยากฟัง แต่เราอยากร้อง
3. โมเมนต์ที่ขึ้นไปร้องเพลง แล้วคนเยอะๆ ใช้สติยังไง
[MORZTRIMIN]
- เราอยู่กับเพลงจริงๆ ร้องเนื้อยังไง ถ่ายทอดยังไง อยู่กับปัจจุบัน ไม่สนใจกรรมการ ไม่สนใจว่ากล้องจะจับยังไง เราจะดูดีไหม คนดูจะรู้สึกยังไง ถ้าเราไปห่วงสิ่งอื่น นอกจากการร้อง อาจจะสติหลุด ให้อยู่กับทุกเนื้อเพลง ทุกคำ
4. การร้องเพลง ไม่ได้มีสติอย่างเดียว ต้องมีสมาธิด้วย
[MORZTRIMIN]
- ถูกต้อง เราต้องจดจ่อกับเพลงที่เราร้อง ท่อนสูง ท่อนต่ำ เราจะต้องทำให้ได้ การร้องเพลงค่อนข้างต้องมีสติและสมาธิ
[Jimi]
- สติไม่ใช่ศาสนา มี mind awaresness รู้เนื้อรู้ตัว จะช่วยให้เราประสบความสำเร็จ
5. เป็นไปได้ไหมที่เราจะประสบความสำเร็จโดยที่ไม่มีสติ
[Jimi]
- เป็นไปได้ แต่อาจจะเป็นการประสบความสำเร็จในเป้าที่คนอื่นตั้งให้ ต้องเรียนให้ได้เก่ง ต้องชนะที่หนึ่ง สำเร็จแบบไม่มีสติ
- บางทีเราไม่ได้ใช้สติ แต่ใช้กิเลส ใช้ความโลภ ทำมาเพื่อที่จะเอาชนะ เราไม่มีสติ ไม่รู้เนื้อรู้ตัว ต้องประสบความสำเร็จ โดยที่ไม่ยั่งยืน เสียกัลยาณมิตร ข้างในลึกๆ ตัวเราก็รู้อยู่แล้ว เราสำเร็จจากผลประโยชน์บนพื้นที่คนอื่น มนุษย์ทุกคนจะมีสำนึกลึกๆ ไม่มีความสุข แต่ตอนทำไม่มีสติ ไม่ได้เอื้อผลประโยชน์ต่อผู้อื่น ต่อกัลยาณมิตร
6. สติ กับ การบริหารองค์กร
[Jimi]
- อยากให้ทุกคนสามารถดำรงชีวิตได้อย่างรู้เนื้อรู้ตัว สมมุติผู้บริหารในองค์กรต้องตัดสินใจหลายๆ เรื่อง ตัดสินใจด้วยอารมณ์ หรือตัดสินใจอย่างมีสติ
- ช่วงโควิดต้องลดพนักงาน เพราะงานน้อยลง พนักงานบางคนไม่มีงานทำ หน้าที่บางอันไม่ต้องทำแล้ว มีองค์กรหนึ่งเป็นสถานที่ใหญ่ ปกติจะเปิดให้คนมาเยี่ยมชมสถานที่ แต่พอช่วงโควิดไม่มีคนมาเยี่ยมชม หน่วยงานนี้เลยไม่มีงานทำ จำเป็นต้องยุบ ต้องตัดสินใจให้คนออก
สามารถตัดสินใจให้คนออกได้สองแบบ
*1 เลือกชอบไม่ชอบ มีอารมณ์ขุ่นมัว เอาคนนี้ออกเพราะไม่ถูกใจ
*2 คิดแบบมีสติ ให้จิตที่ว่าง ให้รู้ว่าเราตัดสินใจเพื่อ restructure องค์กร เพื่อความอยู่รอดของธุรกิจ ให้มีสติแบบนี้แล้วค่อยเลือกว่า เราต้องเอาคนออก หรือเลือกว่าต้องย้ายใครไปไหน
- ถ้าข้างในเราไม่ได้สำรวจว่า เราทำเพราะอะไร งั้นเราเลือกคนนี้ละกัน เพราะในอดีตไม่ให้ความร่วมมือกับเราเลย อันนี้คือไม่มีสติกำกับ ไม่รู้ว่า ณ ขณะนี้ต้องทำยังไง
- การตัดสินใจด้วยจิตที่ว่างและมีสติ สภาวะอารมณ์เป็นกลาง การกระทำในการตัดสินใจอาจจะออกมาเหมือนกัน แต่สภาวะภายในของคนตัดสินใจไม่เหมือนกัน
[MORZTRIMIN]
- คนที่จะตัดสินใจได้อย่างถูกต้องคือ ต้องมีผลลัพธ์มากำกับ แล้วใช้เหตุผลมาตัดสินให้ได้ผลลัพธ์อย่างที่ต้องการ โดยไร้อคติส่วนตัว
[Jimi]
- สติคือ รู้เนื้อรู้ตัวว่าหน้าที่เราทำอะไร เราเป็นใคร จุดมุ่งหมายที่จะทำให้ประสบความสำเร็จคืออะไร สภาวะอารมณ์ต่อเรื่องนี้เป็นยังไง เช่น เราเครียดจังเลย เราไม่เคยให้ใครออก ตอนนี้สภาวะเศรษฐกิจ สภาพแวดล้อม ทำให้จำเป็นต้องทำ ถ้าเราเห็นว่าสภาวะจิตใจเราหวั่นไหว หวาดกลัว หรือกดดัน ไม่สบายใจ ก็ต้องมีสติเห็นมันก่อน เมื่อเห็นแล้วให้กลับไปจัดการสภาวะอารมณ์ของตัวเองก่อน เพื่อให้นิ่งและบอกตัวเองว่ามันคือหน้าที่ที่เราต้องทำ และตัดสินใจทำด้วยสภาวะจิตใจที่นิ่ง อันนี้ถือว่าเป็นการใช้สติ
7. สติ กับ การรับรู้ถึงกายและใจ
[Jimi]
- ร่างกายเราที่จะ take action ต้องมีความคิดมากำกับ ปกติกายกับใจ จะทำงานร่วมกันโดยเราไม่รู้ตัว
- ถ้าเราใช้ชีวิตโดยเห็นกายกับใจ เราจะถูกผลักดันด้วยความคิดและความรู้สึกตลอดเวลา ถ้าเราเห็นได้ว่า เรารู้สึกเช่นนี้ เราถึง take aciton แบบนี้ พอทั้งสองตัวถูกเห็น แบบนี้เรียกว่ามีสติ สิ่งหนึ่งเห็นว่าเรากำลังทำอะไร คิดอะไร ถ้าเห็นแล้วเราจะสามารถนำมาเชื่อมโยงมันกับเป้าหมายที่เราอยากได้ ก็จะประสบความสำเร็จ
- เราต้องคิดก่อนว่า การประสบความสำเร็จของเราคืออะไร ความคิด สติ ก็จะมี action ความรู้สึก มันจะไปถึงเป้าหมายได้ยังไง สติก็จะบอกถ้าทำ action ความรู้สึกแบบนี้จะไปไม่ถึง มาสะกิด เนี่ยกำลังโมโหนะ กำลังน้อยใจ สภาวะจิตใจเราไม่ได้ปกติแล้วนะ เหมือนนกตัวเล็กๆ มาเกาะที่บ่า ถ้าคุณตัดสินใจไป คุณใช้อารมณ์แล้วละ เราก็จะกลับมาเห็นว่า แล้วเราโกรธเขาเรื่องอะไร อะไรทำให้เขาโกรธ สติจะกลับมาที่กายกับใจก่อน เพื่อให้ทั้งคู่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถ้ากายกับใจอยู่กันเองโดยไม่มีสติ มันจะไม่รู้ตัวกัน เพราะพัวพันกันอยู่ แต่ถ้ามีสติ จะรู้ว่า action ทำไป เพราะมีอะไรผลักดัน
-รู้กายกับใจ อยู่ในศาสนาใดๆ ก็ได้ ถ้าร่างกายไม่มีจิตใจหรือความรู้สึกที่เป็นนามธรรม ร่างกายก็จะแข็งทื่อเหมือนคนตาย แต่ที่ร่างกายสามารถทำอะไรต่ออะไรได้ เพราะเรามีความรู้สึกที่อยู่ข้างใน คอยประมวลผล และทำให้ร่างกาย take action
- ถ้าเราไม่รู้เลยว่า เราทำอะไร เชื่ออะไร อันนี้เรียกว่าไม่มีสติ
- ถ้าเราเห็นว่าเราถูกผลักดันด้วยอะไร คือมีสติ สามารถ take action ได้ตามต้องการและไปสู่ความสำเร็จอย่างมีความสุข
8. สติ กับ การตั้งเป้าหมาย
[Veeranut]
- สมมุติว่ากำลังจะเข้าหน้าฝน ฝนกำลังจะตกหนัก คนนำเข้าร่ม ต้นทุน 100 บาท จะขายเท่าไรดี หน้าฝน 130 ดีไหม กำไร 30% แต่หน้าฝนนี้น่าจะหนักกว่าปกติ มีโควิดด้วย โรงงานอื่นปิดเยอะ ขายสัก 150 ดีกว่า กำไรเพิ่มอีกตั้ง 20 บาท แต่จริงๆ ช่วงนี้โรงงานเราเป็นหนี้อยู่เยอะ ถ้าขายไม่ออกจะแย่ ไม่มีเงินไปใช้ธนาคาร เราเซฟๆ ขายสัก 110 บาทดีกว่า แบบนี้คือการมีอคติ เพราะโลภ เพราะกลัว
- การมีสติดีคือ ทำให้เรารู้เนื้อรู้ตัว ทำให้ไม่เอาตัวตนเราเข้าไปในความคิด เราจะคิดว่า ต้นทุน 100 บาท market share เราเท่าไหร่ จะโดนหัก GP เท่าไหร่ และตัดสินใจด้วยเหตุและผลหมดเลย มีสติแล้วจะดีมาก ถ้าเราขาดสติเมื่อไรไป ราคาจะมั่วไปหมดเลย ขึ้นอยู่กับว่าตอนนั้นเราโลภหรือเรากลัว เพราะมันมีตัวตนของเราเข้าไป
- การมีสติจะนำทางไปสู่ความสำเร็จ ฉันทะคือสติ ถ้าไม่มีสติเมื่อไรฉันทะจะเปลี่ยนเป็นตัณหา คืออยากได้หมด เลยไม่สนเหตุ ถ้าอยากสร้างเหตุโดยไม่หวังผล ถ้าใช้ชีวิตแบบมีสติได้ เราประสบความสำเร็จแน่นอน การงานจะตั้งเป้าแบบฉันทะ ถ้าขาดสติจะมีแรงขับเคลื่อนเป็นตัณหา เราจะมุ่งเอาแต่ผล
[MORZTRIMIN]
- ผู้บริหารที่ตั้งยอดไว้เว่อ โดยไม่สนความเป็นจริง อยากทำผลงาน เร่งจะเอายอดตัวเลขอย่างเดียว พอลูกน้องถาม ก็ตอบถึงที่มาของยอดไม่ได้ มีแต่ตัณหาไม่มีเหตุผลมาซัพพอร์ต ทำให้ขาดความน่าเชื่อถือจากลูกน้อง
[Jimi]
- ตั้งเป้าหมายเป็นยอดไม่ได้ผิด ถ้าแนวคิดมีเหตุผลซัพพอร์ตและมีสติกำกับ บางครั้งยอดขายก็มาด้วย opportunity ซึ่งคนที่จะมองเห็นก็คือผู้บริหารที่มองเห็นภาพกว้างกว่าลูกน้อง ซึ่งส่วนใหญ่ปัญหาจะเกิดเพราะการ communication ที่ไม่ชัดเจน
- ถ้าไม่มีสติว่าอะไรทำให้เป้านี้มา นอกจากจะทำได้ไม่ถึงเป้าตามที่ต้องการ มันจะมีความเครียดติดตัว เมื่อไรที่มนุษย์ดำรงชีวิตด้วยความเครียด ทำให้ไม่มีความสุข เกิดจากการไม่มีสติก่อน ต้องคิดว่า
*1. เรากำลังเผชิญกับอะไรอยู่
*2. เรากำลังเครียดเพราะอะไร ถ้าหันมานิ่งๆ แล้วมองเห็น แก้ได้หมดด้วยสติ เป้าหมายจะพาเราไปได้ ถ้ามองเห็นการว่ามันคืออะไร
- สังคมสมัยนี้ต้องพูดเรื่องสติ เพราะมีปัจจัยภายนอกที่ทำให้เราไร้สติทุกวัน
8. สติ กับ เรื่องโควิด
[MORZTRIMIN]
- แม้แต่ตัวผมเอง แทนที่จะชินกับรอบที่ 3 แต่มันไปเห็นความเสียหายที่มันยังไม่ recovery เหมือนรถที่กำลังจะออกตัวแต่ดันเสียหลักล้มอีกแล้ว แต่พอเราเห็นสติกับตัวเองมาก ก็เลยรู้ว่าเราต้องการอะไร อยากทำอะไร โฟกัสจริงๆ ก็อยากได้เงินแหละ เงินเรามีจะใช้ยังไง หรือจะหายังไง โฟกัสที่ outcome
[Gift]
- สติ คือเปลี่ยนจากความคิดของเรา เป็นการตระหนักรู้ ให้มองเห็นก่อนว่า อะไรคืออะไร ไม่มี bias สมมุติว่าเราทำงานแล้ว เราไม่ได้ตามที่เราต้องการ ให้กลับมาดูว่ามันเกิดเพราะอะไร มี awareness พยายามเรียนรู้ตรงนี้ ต้องฝึกอยู่เรื่อยๆ
[Veeranut]
- ผมว่าช่วงโควิดเป็นโอกาสทอง เพราะว่ามันดึงทุกส่วนลงมาเท่าเทียมกัน ไม่มีใครเสียเปรียบได้เปรียบ เริ่มจาก ground กันหมด ตัวชี้ขาดคือ ใครมีสติมากกว่ากัน ถ้าใครมีสติเท่ากับเราได้เปรียบคู่แข่งมากๆ
[MORZTRIMIN]
- พอเราเห็นตัวเอง พอสงบ เราก็จะเริ่มต้นคิดว่าจะทำอะไร ทำให้เราเห็นคนรอบข้างที่เขาขาดสติ ที่กำลังพลุ่งพล่าน
[Gift]
- ต้องขอบคุณที่เราเห็นเขา เหมือนเขาเป็นครูให้เรา ถ้าเราเห็นเขาเรามีความกังวลและนอย เราก็จะรู้ว่าเราไม่อยากเป็นแบบนั้น
[MORZTRIMIN]
- ขอบคุณสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นบทเรียนให้เราเสมอ เป็นการคิดบวกมองหาข้อดี
[Jimi]
- จริงๆ เราคิดตลอดเวลา แต่เมื่อไหร่ที่เราหันกลับมาเห็นว่าเรากำลังคิด ให้สติกลับมาสอนตัวเองว่า ที่คิดเป็นประโยชน์ไหม
[Gift]
- โดยหน้าที่ความรับผิดชอบการงาน แน่นอนโควิดรอบ 3 ก็มาฝึกให้เรามี awareness มากขึ้น ขึ้นอยู่กับว่า เราจะเห็นเร็วหรือช้าอย่างไร
[Veeranut]
- มีสติไม่มีสติ ขึ้นอยู่กับว่าเราเห็นสถานการณ์ยังไง เห็นคนอื่นขาดสติ ให้เอามาเป็นบทเรียน เอามาพัฒนาให้องค์กรเราไม่ขาดสติ ไม่ต้อง layoff คนมาก ประคับประคองให้ผ่านช่วงโควิด
[Jimi]
- ผู้นำต้องมีสติ พอมีสติสามารถถอดตัวตนออกมาเป็น bird's-eye view เห็นว่ามันเกิดสถานการณ์โดยที่เราไม่ได้เอาตัวเราเข้าไปเกี่ยวข้อง มันเกิดสิ่งนี้ขึ้น สิ่งนี้ทำให้เกิดสิ่งนั้น ยิ่งถอยไกลยิ่งเห็นภาพกว้าง ยิ่งเห็นเกมที่กำลังดำเนินอยู่ เราสามารถเลือกที่จะกระโดดไปเล่นเกมหรืออกมาดูก็ได้ ถ้าไม่มีสติ โลกนี้จะเป็นยังไงก็ไม่รู้ มันแย่ไปหมด ถ้าเรามีสติ จะมีเสียงบอกว่า โลกก็เป็นแบบนี้แหละ จักรวาลก็เคยเป็นแบบนี้ ครั้งนึงก็เคยมีโรคระบาด เกิดขึ้นเดี๋ยวก็หายไป มนุษย์ก็ต้องหาทางแก้ไขได้ ยิ่งถอยออกมาไกลเท่าไหร่ เรายิ่งมีสติที่จะจัดการมันมากขึ้น วิธีในการจัดการก็เรื่องนึง แต่การถอยออกมา ช่วยให้มีสติและเลือกวิธีการที่เหมาะสมได้
[Gift]
- เราเป็นผู้ชมไม่ใช้ผู้เล่น
[Jimi]
- สติเป็นตัวรู้ ตัวมองเห็นว่า อะไรเล่นกับอะไร เห็นร่างกายกับจิตใจ นอกจากจะเห็นอะไรที่ตัวเองทำแล้ว จะเห็นสิ่งรอบๆ ด้วย
[Veeranut]
-ยิ่งถอยออกมาไกลๆ ยิ่งเห็นเป้าหมายชัด ชัดว่าจะแก้ปัญหาโควิดในแนวไหน ยอมปล่อยให้มีการติดเชื้อจนเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ หรือกดให้ไม่มีติดเชื้ออะไรเพิ่มเลย พอเห็นชัดก็จะเดินไปในแนวนั้น ถ้าเราขาดสติ มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นหลักเดียว เราก็สั่นไหว รีบออกนโยบายออกมาแบบสะเปะสะปะ ไม่ได้ถูกหรือผิด แต่ขึ้นอยู่กับบริบทของแต่ละที่
9. การบริหารสติ
[Jimi]
- ความแข็งแรงของสติขึ้นอยู่กับว่า เราถอยออกมาได้บ่อยเท่าไหร่และไกลเท่าไหร่ ยิ่งเห็นภาพกว้าง ยิ่งรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
[Miss TK]
- คนยุคนี้ทำงานค้นหาเป้าหมายชีวิต คนส่วนใหญ่ทุ่มเทไปสู่เป้าหมายคนอื่น คนที่ไหวตัวทันก็ยังกลับตัวได้ แต่บางคนกว่าจะรู้ตัว อายุ ทรัพยากรก็หมดไปแล้ว ด้วยความที่เราหลงในวัตถุนิยม ความคิด ความเชื่อ ใส่ความกลัวให้เรา เผื่อเราจะต้องดิ้นรนสำเร็จตามมาตรฐานคนอื่น โดยไม่เคยกลับมาสำรวจว่า เราเกิดมาเพื่ออะไร ทักษะที่เรามีอยู่ สามารถเอาไปทำอะไรได้ สติจะนำมาซึ่งปัญญา ทำให้เรารู้เท่าทัน สำเร็จจากคุณค่าแท้ของตัวเอง ไม่ใช่คุณค่าของคนอื่น
- มันน่าเสียดายมากๆ ทุกคนมีศักยภาพภายใน แต่เราถูก หล่อหลอมให้ไปประสบความสำเร็จกับอะไรไม่รู้
[Jimi]
- มีแม่คนนึงมาปรึกษาว่าเขาอยากรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับลูก ลูกมาบอกว่าเรียนจบแล้วนะ ที่อยากให้เรียน ต่อจากนี้ขอไปใช้ชีวิตตัวเอง มันเจ็บปวดทั้งแม่และลูก ลูกต้องอดทนกี่ปีในการเรียน แม่เป็นคนกำหนดให้เรียน
- ลูกอาจจะเห็นศักยภาพตัวเอง แต่ไม่มีศักยภาพที่จะสื่อสารกับแม่ว่าอยากทำอะไร จริงๆ มีความกตัญญูอยู่ในตัวด้วย แต่อาจจะไม่รู้ตัว ระหว่างนั้นก็จะอึดอัดและไม่สบายใจ ถ้าเขาถอยออกมาดู มีสติ รู้ว่าที่เรียนไม่ได้ชอบหรอก แต่เราเรียนเพื่อให้แม่ดีใจและตอบแทนบุญคุณ เรียนเพื่อกตัญญู คิดแบบนี้อาจจะสบายใจขึ้น
- หลายๆ คนใช้ชีวิตแบบไม่มีสติ ใช้ไปเรื่อยๆ บนความคาดหวังคนอื่น พออายุเยอะแล้วหันกลับมามองแล้วฉันจะไปไหน จะไปไงต่อ ชีวิตเราเกิดมาเพื่ออะไร
[Miss TK]
- เป็นคนที่ไม่มีสติบ่อย เผลอไม่รู้ตัว แต่สิ่งที่คิดว่าสำคัญคือการกลับมาคุยกับตัวเอง ตอนนี้เราทำอะไรอยู่ เป้าหมายชีวิตคืออะไร เราไม่เคยกลับมาตรวจสอบ เราใช้ชีวิตไปตามกระแส กว่าจะรู้ตัวอาจจะเสียเวลา อยาก ให้ เอ๊ะ กับสิ่งที่เราทำบ่อยๆ อยากให้ทุกคนกลับมาตรวจสอบการใช้ชีวิตของตัวเอง
10. Midlife Crisis
[Veeranut]
- ตั้งใจเรียน ทำงานเก็บเงิน ผ่อนรถ ผ่อนบ้าน แต่งงาน ทำบริษัทใหญ่ๆ เกษียณ พอเราทำตามคนอื่นแล้วหันกลับไปดูเหมือนอยู่ในที่มืด ไม่ fulfill เราไม่มีสติ ทำตามความคาดหวังคนอื่น
- ส่วนใหญ่คนชอบเกิดความวิตกกังวลตอน midlife เพราะว่าคนเริ่มมองที่ปลายทางแล้ว ตอนอายุ 20 กว่า อาจจะมองไปแต่ข้างหน้า แต่พออายุ 30 เริ่ม เอ๊ะแล้ว ว่าตอนตายจะเป็นยังไง ก็เลยโหวง เพราะที่ผ่านมาเราใช้เป้าหมายของคนภายนอกหมดเลย ถ้าเป็นสมัยผม จบมาก็ต้องเป็น engineer สมัยลูกผมอยากเป็น youtuber ใช้ passion ไม่ได้ใช้ moitvation คำว่า passion เปลี่ยนง่ายได้ทุกวัน แต่ motivation เป็นแรงผลักดันว่า เราเกิดมาเพื่ออะไร จะแก้ปัญหาอะไรให้โลกใบนี้ พยายามอยากช่วยทุกคน ให้สำรวจว่าอยากเป็นอะไร แทนที่อยากทำอะไร
11. เป้าหมายที่เราตั้ง เป็นเป้าที่เราอยากได้จริงไหม
[Veeranut]
- ให้ลองนึกถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ และลองจินตนาการว่า ถ้าเราล้มเหลวต่อเป้าหมายนั้น เราจะรู้สึกยังไง ถ้าเขารู้สึกเฟล แปลว่านั่น ไม่ใช่เป้าหมายของเรา เป็นตัณหา เพราะคาดหวังแต่ผล แต่ถ้าเราเฉยๆ นั่นเป็นเป้าหมายของเรา เพราะทุกวันที่คุณทำอยู่ คุณได้ไปแก้ปัญหาที่เป้าหมายทุกวัน อยากตื่นมาทำทุกวัน
12. ความสุขกับสติ มาในทิศทางเดียวกันเสมอไหม
[Jimi]
- ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง ถ้าเรามีสติแล้วมองเห็นว่าอะไรเกิดขึ้น บางทีก่อนหน้านั้นอาจจะเป็นทุกข์ แต่พอเรามีสติแล้ว อ่อ มันจะไม่ทุกข์ ดีที่สุดคือไม่สุขและไม่ทุกข์ เมื่อมีสติจะพ้นทุกข์ทันที ซึ่งก็คือสุขแล้ว
.
13. Action vs. Feeling
[Jimi]
- ถ้าเรามีสติ เราจะรู้ว่าอันนี้จะสุขหรือไม่สุข เคยรู้จักคนที่เกษียนบอกว่าตัวเองมีความสุข ส่งลูกเรียนจบ มีสมบัติครบหมดแล้ว โอนให้ลูกเมียได้ พร้อมตายได้เลย ตอนเขาพูด เราเห็นแต่ action ไม่เห็น feeling ใช้ชีวิตแต่ action เป็นตัว drive ไม่เห็นความสุข ที่เราเห็นมันไม่ใช่ fullfiliment ไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง
14. รู้ได้ยังไงว่าเราสุข สนุกกับสุขเหมือนกันไหม
[Jimi]
- เจ้าตัวเท่านั้นที่ตอบได้ว่าสุขหรือไม่ ถ้าเรารู้สึกว่าสนุกก็สุขแล้ว
- แต่สุขนั้นจะไม่ยั่งยืน ถ้ามีสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ต้องเกิดขึ้น แปลว่าเรา rely ความสุขกับสิ่งอื่น ถ้าสิ่งนั้นหายไปความสุขเราก็หายไป ถ้าเรามามองเห็นว่าอันนี้เรียกว่า ความสุขปัจจุบัน ณ ขณะนี้เราก็มีความสุข แต่มันไม่ยั่งยืน เพราะมัน rely on สิ่งที่เราได้มา ความสุขที่ยั่งยืน ก็คือไม่ต้อง rely อะไร คือสิ่งนี้ต้องเกิดขึ้นก่อน ถึงจะมีความสุข
[Veeranut]
- เคยได้ยินว่ามีเงินถึงมีความสุข ซึ่งก็จริงมีเงินแล้วก็ซื้อความสุขอะไรก็ได้ แต่สติทำให้เราเกิด อิสระ (freedom) แม้แต่กับความสุข เราก็ไม่ได้เป็นทาสความสุข ไม่ต้องอ้างอิงหรือพึ่งพิงอะไร สุขเหลือเกิน บอกว่าความสุขก็ไม่ใช่ เรียกว่าเหนือทุกข์เหนือสุข แค่เราไม่เป็นทาสของอารมณ์เราเองไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์
15. ช่วงแชร์ความคิดเห็นจากผู้เข้าร่วมฟัง
[Anonymous 1]
- เรื่องของสติ มันต้องมีเป้าหมายบางอย่างในใจ ผมว่าเปลี่ยนตามอายุ และบริบท สภาพแวดล้อมที่จะเผชิญ แต่ละช่วงอายุจะมีเป้าหมายต่างกัน ซึ่งเป้าหมายเป็นตัวกระตุ้นสติ ว่าสิ่งที่เราทำมันตรงกับเป้าหมายที่เราตั้งไว้หรือเปล่า ถ้าเรามีเป้าเราก็จะมีสติ
- เรื่องของความสุข ผมคิดว่าจริงๆ แล้ว น่าจะเป็นเรื่องของการบรรลุเป้าหมายแล้วเราก็ปิติมากกว่า แล้วแต่ว่าเราอยู่ในระดับไหน ถ้านิพพานก็ไม่สุข ไม่ทุกข์ แต่เราเองก็ยังเป็นปุถุชน ก็ต้องว่าไปตามบทบาท ตามเป้าหมายในแต่ละช่วงเวลาของชีวิต บางช่วงเราไม่มีบทบาท ไม่มีภาระ ก็อาจจะมีเป้าหมายให้บรรลุได้ง่าย และมีสติกับมัน บางช่วงมีภาระมากมายและทำให้ขาดสติได้ เราก็ต้องมาบริหารบทบาท ให้ใช้เวลาหรือสติให้มันครอบคลุมทุกๆ บทบาทให้ได้พร้อมกัน ก็จะไม่ทุกข์มาก บริหารว่าแต่ละช่วงของเวลา เราจะบริหารบทบาทยังไง ให้ไม่ทุกข์ ไม่ถูกบีบคั้นจากสถานการณ์ต่างๆ ทำให้เราอิสระ ทำให้มีสติมากขึ้น
[Jimi]
- ที่เรารู้บทบาทหน้าที่ต่างๆ แปลว่ามีสติ ถ้าไม่มีสติเราจะไม่เห็นว่าเราเล่นบทอะไร เราเอาบทบาทที่ทำงานมาใช้ที่บ้านด้วย แต่ถ้าเราเห็นว่าเรากลับมาเป็นลูก เราไม่ต้องบริหารพ่อแม่ แค่รักเขาดูแลเขา อันนั้นคือคนที่มีสติอยู่แล้ว สามารถกลั่นกรองบทบาทและเป้าหมายได้ ไม่เหมือนคนที่ยุ่งเหยิง ขาดสติ เมื่อมีปัญหาเข้ามา ก็จะแก้ไม่สามารถแก้ปัญหาได้
[Anonymous 2]
- สติคือการอยู่กับปัจจุบัน ในทางพุทธ สติจะมาพร้อมปัญญา พอโยงไปถึงเรื่องความสุข สุขแบบสนุก หรือสุขแบบสงบ
- ถ้าทางโลกคือสุขแบบสนุก ได้กินอะไรอร่อยๆ ได้ฟังอะไรเพราะๆ เห็นอะไรสวยๆ เป็นความสุขที่อิงอาศัยปัจจัยภายนอก
- ถ้าสุขสงบ เราแค่คิดถึงสิ่งดีๆ งามๆ ที่เราเคยทำ คิดถึงสิ่งที่เราเคยทำบุญ ก็สุขแล้ว ไม่ต้องอาศัยอะไรมาก
- ทำยังไงเราจะไปถึงตรงนั้นได้ ก็เป็นเรื่องยาก เผลอแป๊บเดียวก็รัก โกรธ หลง ก็ต้องฝึก
- ความสุขสงบ พออายุมากแล้ว ก็จะมีมากขึ้น ไม่ต้องใช้อะไรมาก เมื่อก่อนก็วิ่งตามอำนาจ วิ่งตามเงิน จนสุดท้ายก็ไม่ใช่ กลับมาสู่สติ แค่มีข้าวกินอยู่กับปัจจุบัน ไม่คิดถึงอนาคต ไม่คิดถึงอดีตก็สุขแล้ว ทำยาก รู้กันหมดแหละ แต่ต้องไปฝึก
16. วิธีการฝึกสติ
[Jimi]
- แค่ถามตัวเองว่า เรายังมีลมหายใจอยู่หรือเปล่า กลับมาเห็นลมหายใจ เมื่อไรก็ตามที่เราคิดถึงอดีต ผ่านไปแล้ว กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ อนาคต ยังมาไม่ถึง ไม่รู้จะมีวันถึงไหมด้วย สิ่งที่ทำให้เราอยู่กับปัจจุบันได้คือ ลมหายใจ พอเสียงนี้มันดังในหัว เราจะกลับมามีสติ รู้เนื้อรู้ตัว วันนึงเราขาดสติหลายครั้งมาก
- กำหนดรู้ว่าเราหายใจ ก็ได้สติแล้ว ไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ ฝึกสติบ่อยๆ จะแกร่งกล้า สติที่ไม่มีพลัง เอามือไถโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ อันนั้นคือสติหลุด ถ้าเราฝึกถอยออกมาบ่อยๆ สติแกร่งกล้า และทำอย่างต่อเนื่อง จะเหมือนกล้ามเนื้อที่มันแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ
- การที่เราทำงานแล้วประสบความสำเร็จ บางครั้งเราสำเร็จบนความคาดหวังคนอื่น ถ้าเรามีสติว่า เราทำอะไร เพื่ออะไร เราจะประสบความสำเร็จอย่างมีนัยสำคัญ การที่จะประสบความสำเร็จอย่างมีประโยชน์ต่อตัวเองและผู้อื่น ต้องมีสติกำกับ
- ทำยังไงให้สติ กลับมามีลมหายใจ คือการรู้กาย พอเราเห็นกายแยกกับความคิด แปลว่าเรามีสติแล้วที่เห็นมัน ถ้าทำได้แบบรู้บ่อยๆ สติจะแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ และไม่ว่าจะทำอะไรก็จะประสบความสำเร็จ
17. ข้อคิดส่งท้าย
[MORZTRIMIN]
- ถ้าเรามีสติตั้งแต่เด็กๆ และตั้งแต่เริ่มทำงาน ก็น่าจะทำให้เรา enjoy life ได้ในทุกโมเมนต์
[Jimi]
- ที่เราไม่มีสติในอดีต ทำให้เรามีสติในวันนี้ ถ้าวันนั้นไม่มีเรื่องราวให้เราเติบโต วันนี้ก็คงไม่โตมาเป็นแบบนี้
[Gift]
- มีสติ คือ ไม่สุขไม่ทุกข์
[Veeranut]
- เราไม่สามารถประสบความสำเร็จแบบไม่มีสติได้ เราอาจจะสำเร็จทางโลก แต่ล้มเหลวทางจิต
Date: 9 APR 2021 (21:00-22:30)
Speaker:
@moztrimin ตรีมินทร์ เกษมวิรัติพงศ์
@jimithecoach Jimi Potchanart
(Founder of Jimi The Coach, Thailand Coaching Academy)
@mikipurananda Gift Purananda
(MD of Thailand Coaching Academy)
Guest Speaker:
@veeranut Veeranut Rojanaprapa
(Kid Mai by Dr.Veeranut)
@sukontarat Sukontarat Yimsrisai
@wee_thaweeporn Thaweeporn Tengprathip
(Success Coach - Jimi The Coach)
#Clubhouse #ClubhouseTH #ClubhouseThailand #ประสบความสำเร็จอย่างมีสติ #JTCG #EP8 #mindfulness #JimiTheCoach #JimiTheCoachGroup #todayinotetotext #todayinoteto #วันนี้สรุปมา
โฆษณา