12 เม.ย. 2021 เวลา 04:57 • ไลฟ์สไตล์
ด้วยความที่เกิดมาเป็นคนบาบ๋า (ทายาทที่เกิดจากคนจีนกับคนพื้นถิ่นทางภาคใต้) ที่บ้านผมจึงมีของใช้แนวจีนๆ อยู่ในบ้านหลายอย่าง เช่น โอ่ง กระโถน โต๊ะ เก้าอี้ กระบอกทำเส้นขนมจีน และถ้วย โถ โอ ชาม ที่ใช้กันในครัว
วันนี้อยากเขียนถึงบิ่นผุ้นครับ
บิ่นผุ้น หรือกาละมังจีน(คนจีนแถวภูเก็ต พังงา เรียกเพี้ยนเป็นบิ่นกุ๋น) เป็นหนึ่งในของใช้จำเป็นที่ผู้หญิงจีนสมัยโบราณต้องนำติดตัวไปอยู่บ้านฝ่ายชายหลังแต่งงาน ตามประเพณีจีน สะใภ้ต้องไปอยู่บ้านพ่อ แม่ ของสามี และต้องทำงานบ้านสารพัดอย่าง โดยเฉพาะงานในครัวไฟ บิ่นผุ้นและของใช้อย่างอื่น เช่น ถาด ถังน้ำ จึงเป็นเสมือนอาวุธประจำกายของผู้หญิงในตำแหน่งแม่บ้าน
บิ่นผุ้น ถือเป็นของนำโชค จึงต้องเน้นสีแดง และทำลวดลายมงคล ส่วนใหญ่จะเป็นลายดอกไม้ ลายเป็ดคู่ ลายหงส์กับมงกร ลายนกยูง แต่ที่ขาดไม่ได้ต้องมีตัวหนังสือจีน “ซังฮี้” อันหมายถึง "ยินดีอย่างยิ่ง" ที่นิยมเขียนในเครื่องกิมตึ้ง ซึ่งเเป็นเครื่องถ้วยชามของประเทศจีน
สมัยก่อนเมืองไทยต้องนำเข้าบิ่นผุ้นมาจากเมืองจีน เพราะเป็นแหล่งผลิตใหญ่ คนจีนต้องมีใช้กันทุกบ้าน ประกอบกับลวดลาย สีสันแบบจีนทำให้ดูโดดเด่น และสื่อสารถึงค่านิยม ความเชื่อได้ดี ต่อมามีคนจีนมาตั้งโรงงานผลิตเครื่องเคลือบอินาเมลในเมืองไทย ผลิตของใช้ในครัวแทบทุกอย่าง เช่น หม้อ ถัง จาน ชาม เป็นต้น รวมทั้งทำบิ่นผุ้นออกมาขายด้วย แต่คนไทยทั่วไปเรียกว่ากาละมัง ยี่ห้อของไทยที่เป็นที่นิยมในยุคแรก ต้องตรามงกุฏ กับตรากระต่าย แต่คุณภาพก็ยังสู้ของที่ทำจากจีนและญี่ปุ่นไม่ได้ ทุกวันนี้มีกาละมังจากเมืองจีนรุ่นใหม่เข้ามาขายในบ้านเรา แต่สีสันและลวดลายไม่เหมือนสมัยก่อน ส่วนใหญ่เป็นรูปการ์ตูน หรือลายกราฟฟิกตามสมัยนิยม และใช้สีพาสเทลแทนสีแดงจัดจ้านที่เป็นเอกลักษณ์ของคนจีน
เมื่อเวลาผ่านไป คุณค่าและความหมายของสิ่งต่าง ๆ ที่คนเราสร้างมาก็เปลี่ยนแปลงไปเป็นธรรมดา
วันนี้ผมมีบิ่นผุ้นยุคแรกที่ทำจากเมืองจีน ญี่ปุ่น และรุ่นแรกๆที่ทำในเมืองไทยมาใหชมกันครับ
โฆษณา