13 เม.ย. 2021 เวลา 04:00 • ธุรกิจ
Bill Gates ไม่เห็นด้วยกับ Bitcoin ชี้ทำให้โลกร้อน
8
ในแต่ละธุรกรรมทางการเงินของบิทคอยน์ ใช้พลังงานมากกว่ารูปแบบอื่นๆ ที่เคยมีมา การโอนเงินแต่ละครั้งของคริปโต ใช้พลังงานเท่ากับการโอนเงิน 735,121 ครั้งผ่านทาง Visa หรือเทียบเท่าการดู YouTube กว่า 55,280 ชั่วโมงเลยทีเดียว!
15
การเกิดขึ้นของระบบการเงินแบบใหม่อย่างคริปโตเคอเรนซี่ จึงส่งผลเสียต่อภาวะโลกร้อนอย่างมาก นี่เป็นสาเหตุให้ Bill Gates ผู้ก่อตั้ง Microsoft ไม่เห็นด้วยกับการลงทุนในบิทคอยน์ จนกว่าจะหาวิธีในการใช้พลังงานสะอาดทดแทน ตามคำพูดของเขาที่กล่าวว่า “If it's green, eventually, you know, maybe that's okay.”
Bill Gates ยังบอกด้วยว่า เขาไม่เห็นถึงความเป็นไปได้ที่คริปโตเคอเรนซี่อย่างบิทคอยน์จะสามารถหันมาใช้พลังงานสะอาดได้ทั้งหมด และยังสงสัยในตัวบิทคอยน์ จึงเลือกที่จะลงทุนในผลิตภัณฑ์อย่างวัคซีนป้องกันโรคต่างๆ มากกว่า
10
จากผลการวิจัยของมหาวิทยาลัย Cambridge กล่าวว่า Bitcoin ใช้พลังงานมากกว่าประเทศอาร์เจนติน่าทั้งประเทศรวมกันเสียอีก และยิ่งราคาของบิทคอยน์เพิ่มสูงขึ้น การขุดหรือธุรกรรมก็เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ปัจจุบัน 2ใน3 ของการขุดบิทคอยน์ เกิดขึ้นในจีนด้วยพลังงานถ่านหิน
12
จนเกิดแนวคิดการเก็บภาษีแก๊สเรือนกระจกที่เกิดขึ้นผ่านการขุดบิทคอยน์อีกด้วย นอกจากนี้ Bill Gates ไม่ใช่คนเดียวที่เล็งเห็นผลเสียต่อสภาวะโลกร้อน Fahad Kamal ตำแหน่ง Chief Investment Officer ของ Societe Generale's UK private bank กล่าวว่า การใช้พลังงานของบิทคอยน์ได้ทำลายแนวคิดการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน หรือ ESG (Environment, Social, Governance) ที่ว่าการลงทุน ประกอบธุรกิจต้องคำนึงถึงการเติบโตของผลกำไร ควบคู่ไปกับการพัฒนาด้านสังคม การบริหารทรัพยากรบุคคลอย่างเป็นธรรม การมีสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชน ด้านสิ่งแวดล้อม รักษาสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินธุรกิจของบริษัท และด้านธรรมาภิบาล การดำเนินงานอย่างโปร่งใส และดูแลผลประโยชน์ผู้มีส่วนได้เสีย
24
Kamal ได้กล่าวว่า บิทคอยน์เป็นแนวคิดการลงทุน เทรนด์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น แต่ แนวคิดการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน หรือ ESG คือสิ่งที่สำคัญกว่า ตามคำพูดที่ว่า "If you think about various trends that are occurring in the market, right now, bitcoin is one but ESG is a much bigger one." เนื่องจากมากกว่า 50% ของนักลงทุนกลุ่ม Millennials มีแนวโน้มที่จะหยุดลงทุนต่อ หรือปฏิเสธที่จะลงทุนในกิจการที่มีสินค้าหรือบริการส่งผลกระทบต่อสุขภาพหรือความเป็นอยู่ของมนุษย์ ดังนั้น หากบิทคอยน์ยังส่งผลกระทบในแง่ลบต่อสภาพแวดล้อม แม้จะเป็นระบบที่ดีแค่ไหน แต่หากทำให้ความเป็นอยู่ของมนุษย์แย่ลง
13
นักลงทุนอาจไม่เชื่อมั่น และส่งผลให้ระบบบล็อกเชนไม่สามารถดำรงอยู่ได้ เพราะตลาดคริปโตอยู่ได้เพราะความเชื่อมั่นของผู้ใช้ และกลไกความต้องการของตลาด หากความต้องการของตลาดหมดลง มูลค่าของคริปโตเคอเรนซี่ก็หายไปเช่นกัน
7
อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีนักลงทุนจำนวนมากที่เชื่อมั่นในคริปโตเคอเรนซี่และพยายามหาทางออกให้กับปัฐหานี้ อย่าง Jack Dorsey ตำแหน่ง CEO ของ Twitter ได้ให้สัญญาว่า ภายในปี 2030 จะทำให้คริปโตเคอเรนซี่ใช้พลังงานสะอาดทั้งหมด (Net-zero carbon emission) โดยลงทุนกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อการคิดค้นเทคโนโลยีการผลิตคริปโตเคอรเนซี่ด้วยพลังงานสะอาดตามคำพูดที่ว่า “We believe that cryptocurrency will eventually be powered completely by clean power, eliminating its carbon footprint and driving adoption of renewables globally,” และยังมีอีกหลากหลายบริษัทที่พยายามจะทำให้บิทคอยน์มีความ Eco-friendly มากยิ่งขึ้นด้วยการใช้พลังงานทดแทน อย่างพลังงานแสงอาทิตย์ น้ำ หรือลมสำหรับการขุดบิทคอยน์แทนพลังงานไฟฟ้า
14
นอกจากนี้ ทางออกอีกทางเพื่อทำให้บิทคอยน์ใช้พลังงานลดลงคือ การใช้ Lightning Network เพื่อลดการสร้างบล็อก บนเทคโนโลยีบล็อกเชน และยังช่วยให้การโอนเงินด้วยบิทคอยน์ง่ายขึ้น สามารถขยาย (Scalable) และนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
3
ในปัจจุบัน ระบบการโอนเงินผ่าน VISA สามารถรองรับได้กว่า 4,000-65,000 ธุรกรรมต่อวินาที แต่บิทคอยน์สามารถรองรับได้เพียง 7 ธุรกรรมต่อวินาทีเท่านั้น ซึ่ง Lightning Network เป็นเทคโนโลยีที่นำธุรกรรมทางการเงินออกมาจัดเก็บภายนอกบล็อกที่ถูกสร้างขึ้นทุกธุรกรรมทางการเงิน บนเทคโนโลยีบล็อกเชน หรือที่เรียกว่า Off-chain approach ซึ่งเปรียบเสมือนการฝากเงินอย่างไม่จำกัดจำนวนครั้งไปยัง account ที่ทั้งสองฝ่ายต้องยินยอมจึงจะเปิด account ได้ เมื่อการฝากเงินสำเร็จก็สามารถปิด account นั้นๆ และได้รับเงินทันที แม้จะฝากเงินเข้าไปใน account เป็นร้อยครั้ง ด้วยเทคโนโลยี Lightning Network นี้ จะนับเป็น 1 ธุรกรรมบนบล็อกเชน ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานสำหรับการสร้างบล็อกเมื่อมีการโอนเงินด้วยบิทคอยน์อีกด้วย
10
หากเทคโนโลยี Lightning Network ประสบความสำเร็จจริง ไม่เพียงแต่จะส่งผลดีต่อภาวะโลกร้อนเท่านั้น แต่จะทำให้การใช้บิทคอยน์ในชีวิตประจำวันเป็นไปได้ง่ายยิ่งขึ้นอีกด้วย
2
MPL
1
โฆษณา