ก็เลย จัดการทำ พิธี ถวายเครื่องราชอิสริยาภรณ์
สูงสุด แก่ พระกฤษณะ ขณะทำการมอบอยู่นั้น
ก็มีเสียง หัวเราะเยาะ ดังกังวานขึ้น
ต้นเสียงไม่ใช่ใครแต่เป็น ท้าวศิศุปาระ นั่นเอง
พร้อมกับกล่าวว่า
ดูสิในหมู่พระราชา ผู้ทรงเกียรติมากมาย
ไอ้ลูกไม่มีพ่อ ขอคำแนะนำจากไอ้ลูกไม่มีแม่
และมอบเครื่องราชฯโดยไอ้ลูกไม่มีพ่ออีกคน
ให้กับไอ้โคบาล ช่างเป็นเรื่องน่าอัปยศสิ้นดี.
เดี๋ยวทำความเข้าใจกับคำด่าของแกก่อน
ไอ้ลูกไม่มีพ่อคนแรก หมายถึง ยุษธิฐีระ.
ไอ้ลูกไม่มีแม่ หมายถึง ท้าวภีษมะ
ไอ้ลูกไม่มีพ่อ อีกคน หมายถึง สหเทพ
ไอ้โคบาล หมายถึง พระกฤษณะ
เอาละสิครับ ท้าว ศิศุปาระ แกมาร้าว
แล่นใหญ่เสียด้วย
ที่ประชุมเงียบ แกเลยร่ายต่อ
ไอ้โคบาลขี้ขลาด นีนะหรือมีเกียรติได้รับสิ่งสูงสุดเช่นนี้ มันฆ่าคน ในขณะที่หลับ
และยัง ยืมมือเจ้าภีมะ ไปสังหารท้าวจราสันธ์
เพื่อ แก้แค้นส่วนตัว มันมีเกียรติตรงไหน
แล้วแกก็เอ่ยชื่อ พระราชาต่างๆที่อยู่ในพิธี
ที่น่าจะได้รับเกียรตินี้มากกว่า
ครับแกมาร้าวจริงๆ เพราะเหตุนี้ พอสงคราม
เกิดขึ้น การเลือกข้าง ของพระราชาในที่นี้
ก็มีเหตุนี้เป็นส่วนตัดสินใจด้วย แม้แต่ท้าว ศัลลยะ
ลุงแท้ๆของพวกปาณฑพเองก็ตาม
ก่อนจะพูดถึงเหตุการณ์ ต่อไปเรามาดู
ความเป็นมาอันพิศดาร ของท้าวศิศุปาระ กันก่อน
ดีกว่า ว่ากันว่า ชาติที่แล้ว แกคือ ท้าวราบ
หรือทศกัณฐ์ นั่นเอง ถ้าคิดว่าแกคือคู่อริ กับพระ
นารายณ์ คิดผิดขอรับ แกคือทหารคนสนิท
ของพระนารายณ์ ครับ ที่ชื่อว่า ชัย
ที่พระนารายณ์ ส่งมาก่อการ แล้วก็ลงมาปราบ
ผมนึกถึงแผนสมรู้ร่วมคิด อะไรประมาณนั้น
ในทุกอวตาร ก็ทส.แกคนนี้แหละครับ พอตายแล้วได้ขึ้น สวรรค์ สงสัยกลัวโลกสงบสูข แล้วลืม
เทพเจ้า ว่ากันไป