12 เม.ย. 2021 เวลา 12:15 • นิยาย เรื่องสั้น
สวัสดีวันจันทร์ ขึ้น 1ค่ำ เดือน6 ครับ
ความริษยา ปรามาส ผู้อื่นไม่ดีเลย
อาจนำความหายนะมาสู่ตัว ทั้งยังไม่มี
ใคร คบหาเป็นมิตร
สวัสดีครับ ก่อนเข้าเรื่องอยากคุยอะไรสักนิด
ก่อน ครับ
เรื่องที่ว่าคือการระบาด ของโควิด ระลอก3นี้
ไม่รู้นะครับว่าทางหมอคาดการณ์ กันอย่างไร
แต่ ในการคาดการณ์ ของผม ตัวเลขน่าจะแตะ
หลักแสนคนภายในเดือนนี้ อันนี้แบบไม่วิตกจริต
นะครับ ถ้าวิตกจริตหน่อย ผมว่าถึงหลักล้านคน
ถ้ามีการตรวจกันจริง และไม่บิดเบือน
และสิ่งที่ผมเคยบอกว่า มันจะเป็นโรคระบาด
ประจำเหมือนไข้หวัด ให้ทำใจยอมรับมัน
ตอนนี้ยารักษา น่าจะมีความสำคัญกว่าวัคซีนฯ
และมันก็มาถึง จนได้ ทำใจยอมรับเพื่อนร่วมโลก
ที่ชื่อ ว่าโควิด ครับคิดว่ามันจะอยู่กับเราไปจนกว่า มันจะหมดความน่ากลัว หรือน่าสนใจ
มันจะไปเอง ครับ คือมันจะน้อยใจ ที่ไร้ค่า
ไปดีกว่า ประมาณนั้น ไม่คิดโทษใครครับ
สำหรับ การระบาด รอบนี้ ผลทั้งหลาย ล้วน
มาแต่เหตุ เป็นกรณีศึกษา ถึงความประมาท
ครับ ก็เท่านี้ แต่แก้ไขบ้างก็ดี ยิ่งเบื่อๆนักการ
เมือง สมัยนี้อยู่ จบบ่นครับ.
เรื่องเล่าจากมหากาพย์มหาภารตะ
 
ต่อจากเมื่อวันเสาร์ ขอรับ เมื่อวานเกรงใจ
วชิระ ที่พระอินทร์ เล่นปล่อย อาวุธมาซะมากมาย
เดี่ยวให้อรชุน ไปถามซะหน่อย ว่าโกรธใครมา
การประกอบพิธีราชสูยะ นั้น ต้องส่ง ทูต
ออกไป ทั้ง สี่ทิศ ถ้าเมืองไหน ไม่ยอม ก็ต้องกำ
ราบ อรชุน ไปทิศเหนือ ภีมะ ไป ตะวันออก
สหเทพ ไปใต้' นกุล ตะวันตก
ในส่วนนี้ มีการ กำราบ กันนิดหน่อย ไม่มีอะไร
พิเศษมากนัก มีแต่ทางสาย ของอรชุน ที่ได้เจ้า
กรรมนายเวร ตามอาฆาต ยาวหน่อยคือ พี่น้อง
ติครรตะ
ทั้งหลายทั้งปวง ก็เรียบร้อยดี และพิธี ราชสูยะ
ก็ถูกจัดขึ้น ฤาษี วยาส ก็เป็นผู้มาแนะนำวิธี
และเป็นประจักษ์พยาน ในงาน
ทั้งพระราชา และฤาษี มากันมากมายในงานนี้
เรื่องเกือบ จะจบสวย อยู่แล้ว ถ้า ไม่มีขั้นตอน
สุดท้าย มาเกี่ยวข้อง ขั้นตอนที่ว่าก็คือ
ยุษธิฐิระ ต้อง มอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์
อันสูงสุด ให้ใครสักคนในบรรดา ผู้ที่มาร่วมงาน
ครั้งนี้
เอาละสิครับ ยุษธิฐีระ ปรึกษาท่านปู่ ภีษมะ
ท่านปู่ ภีษมะ แนะนำว่า ผู้เหมาะควรที่สุด
คือ พระกฤษณะ ซึ่งประดุจเทพในหมู่มนุษย์
ก็ตรงกับใจ ของยุษธิฐีระ แกพอดี
ก็เลย จัดการทำ พิธี ถวายเครื่องราชอิสริยาภรณ์
สูงสุด แก่ พระกฤษณะ ขณะทำการมอบอยู่นั้น
ก็มีเสียง หัวเราะเยาะ ดังกังวานขึ้น
ต้นเสียงไม่ใช่ใครแต่เป็น ท้าวศิศุปาระ นั่นเอง
พร้อมกับกล่าวว่า
ดูสิในหมู่พระราชา ผู้ทรงเกียรติมากมาย
ไอ้ลูกไม่มีพ่อ ขอคำแนะนำจากไอ้ลูกไม่มีแม่
และมอบเครื่องราชฯโดยไอ้ลูกไม่มีพ่ออีกคน
ให้กับไอ้โคบาล ช่างเป็นเรื่องน่าอัปยศสิ้นดี.
เดี๋ยวทำความเข้าใจกับคำด่าของแกก่อน
ไอ้ลูกไม่มีพ่อคนแรก หมายถึง ยุษธิฐีระ.
ไอ้ลูกไม่มีแม่ หมายถึง ท้าวภีษมะ
ไอ้ลูกไม่มีพ่อ อีกคน หมายถึง สหเทพ
ไอ้โคบาล หมายถึง พระกฤษณะ
เอาละสิครับ ท้าว ศิศุปาระ แกมาร้าว
แล่นใหญ่เสียด้วย
ที่ประชุมเงียบ แกเลยร่ายต่อ
ไอ้โคบาลขี้ขลาด นีนะหรือมีเกียรติได้รับสิ่งสูงสุดเช่นนี้ มันฆ่าคน ในขณะที่หลับ
และยัง ยืมมือเจ้าภีมะ ไปสังหารท้าวจราสันธ์
เพื่อ แก้แค้นส่วนตัว มันมีเกียรติตรงไหน
แล้วแกก็เอ่ยชื่อ พระราชาต่างๆที่อยู่ในพิธี
ที่น่าจะได้รับเกียรตินี้มากกว่า
ครับแกมาร้าวจริงๆ เพราะเหตุนี้ พอสงคราม
เกิดขึ้น การเลือกข้าง ของพระราชาในที่นี้
ก็มีเหตุนี้เป็นส่วนตัดสินใจด้วย แม้แต่ท้าว ศัลลยะ
ลุงแท้ๆของพวกปาณฑพเองก็ตาม
ก่อนจะพูดถึงเหตุการณ์ ต่อไปเรามาดู
ความเป็นมาอันพิศดาร ของท้าวศิศุปาระ กันก่อน
ดีกว่า ว่ากันว่า ชาติที่แล้ว แกคือ ท้าวราบ
หรือทศกัณฐ์ นั่นเอง ถ้าคิดว่าแกคือคู่อริ กับพระ
นารายณ์ คิดผิดขอรับ แกคือทหารคนสนิท
ของพระนารายณ์ ครับ ที่ชื่อว่า ชัย
ที่พระนารายณ์ ส่งมาก่อการ แล้วก็ลงมาปราบ
ผมนึกถึงแผนสมรู้ร่วมคิด อะไรประมาณนั้น
ในทุกอวตาร ก็ทส.แกคนนี้แหละครับ พอตายแล้วได้ขึ้น สวรรค์ สงสัยกลัวโลกสงบสูข แล้วลืม
เทพเจ้า ว่ากันไป
ในชาตินี้แกมาเกิด เป็นศิศุปาระ ว่ากันว่าตอนเกิด
แกเป็นเด็ก ประหลาด มีสี่แขน สามตา มีคำทำนายว่า ถ้าแกนั่งตักใครแล้ว ไอ้สิ่งประหลาด
นี้หายไป แกจะตายด้วยน้ำมือคนคนนั้น
แม่แกซึ่งมีศักดิ์ เป็นอาของพระกฤษณะ
เที่ยวพาไปนั่งตักคนไปทั่ว คือแกกลัว
พอดีพระกฤษณะ มาเยี่ยม แกเลย ลองเอาไปนั่ง
ตัก ดู ปรากฎว่า หายครับ แขนที่เกินหด ตาที่เกิน
หายไป แม่แกที่เป็นอาพระกฤษณะ เลยขอร้อง
ว่าอย่าฆ่าลูกแกนะ พระกฤษณะ ก็รับปากว่า
จะอดทนต่อการสบประมาท ของเจ้านี่นับพันครั้ง
จะไมโกรธ.
เอาละสิครับ ไม่ใช่อะไรครับแบตฯ จะหมด
ไว้ต่อตอนหน้านะขอรับ
ขอบพระคุณทุกท่านที่อ่านและติดตามขอรับ
ขอบคุณที่มา
เรื่องเล่าจากมหากาพย์มหาภารตะ
ของอาจารย์ วีระ ธีรภัทร ขอรับ
โฆษณา