เทคโนโลยีเปลี่ยนโลก
นับตั้งแต่ช่วงปี2000 เทคโนโลยีก็เริ่มเข้ามามีส่วนในชีวิตของคนเรามากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งไม่ใช่เพียงชิ้นเดียว แต่เป็นการเข้ามาของหลายๆชิ้นมาร่วมด้วยช่วยกันให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และการเข้ามาของเทคโนโลยี ก็ทำลายระยะทาง และเวลา ซึ่งเป็นเรื่องกำจัดในการทำงานออกไป
เทคโนโลยีที่เรารู้จักกันดีก็คือ โทรศัพท์ ซึ่งสามารถคุยกันแบบกลุ่มได้ ไลฟ์ผ่านFacebookได้
อีกเทคโนโลยีที่น่าสนใจ ก็คือ big data คือการเก็บข้อมูลลงในcloudนั่นเอง สามารถดึงข้อมูลออกมาใช้ได้ทุกที่ทุกเวลา และที่device ไหนก็ได้
อีกเทคโนโลยีที่เข้ามาพอดี ก็เป็นปัญญาประดิษฐ์หรือAI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลในอนาคตอย่างสภาพอากาศได้ หรือแม้กระทั่งพฤติกรรมของลูกค้า
คำว่าเทคโนโลยีก็ไม่ได้หมายถึงเพียงแค่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ขึ้นชื่อว่าเทคโนโลยีเปลี่ยนโลกแล้ว ก็ต้องเปลี่ยนแปลงด้านอื่นด้วย
หากเป็นด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีที่น่าทึ่งเลยคือเนื้อสัตว์ปลูก เป็นการนำธัญพืชมาทำให้คล้ายเนื้อสัตว์ ซึ่งเทคโนโลยีนี้สามารถลดการฆ่าเนื้อสัตว์ได้มาก และให้สารอาหารสูงกว่าเนื้อสัตว์ปกติ แต่โซเดียมก็สูงเช่นกัน
https://www.thairath.co.th/news/foreign/1401690
แล้วคนฆ่าสัตว์จะไปทำอะไร?
ถึงแม้โอกาสในอาชีพนี้จะน้อยลง แต่ก็นำไปสู่อีกหลายๆอาชีพ เช่น ปลูกธัญพืชขาย ทำงานในโรงงานเนื้อสัตว์ปลูก คนขายเนื้อสัตว์ปลูก และอื่นๆอีกมากมาย ดังนั้น ก็จะมองได้ว่า “การแตกหักของธุรกิจหนึ่ง อาจสร้างธุรกิจใหม่อีก10ธุรกิจก็เป็นได้”
ในช่วงโควิด-19 ที่คนต้องกักตัวอยู่บ้าน ก็มีการเปลี่ยนแปลงในการใช้ชีวิตมาก ซึ่งเทคโนโลยีก็เข้ามามีส่วนในชีวิตคนเรามากขึ้นไปอีก เช่น การซื้อของออนไลน์ การสั่งอาหารออนไลน์ หรือ การขายของออนไลน์ เป็นต้น
สินค้าที่ได้รับความนิยมมากในช่วงนี้ก็คงเป็น อาหารเสริม วิตามิน หรือเครื่องออกกำลังกาย และอีกอย่างก็คือ เมล็ดเพาะปลูก ซึ่งก็นำมาสู่การขายกระถางในรูปแบบต่างๆ
ถ้าหากทำธุรกิจอะไร เพียงใส่ความcreative เข้าไป หรือแปรรูปสิ่งเดิมให้ดูแปลกใหม่มากขึ้น ก็สามารถจะทำให้ติดเทรนต์ในโลกอินเตอร์เน็ตเลยก็เป็นได้
อย่างกระถางต้นไม้ ถ้าขายเป็นกระถางดินเผาก็คงไม่มีใครซื้อ แต่ถ้าเราทำเป็นพลาสติกเพื่อความเบา แล้วใส่ลวดลายให้เหมือนปูนหรือสไตล์มินิมอล ก็คงติดเทรนต์ตลาดได้เลย
ดังนั้น เทคโนโลยีก็เป็นตัวการสำคัญหนึ่งที่จะขับเคลื่อนธุรกิจในยุคนี้ให้ก้าวไกลมากขึ้น
แล้วในอีก3-5ปีข้างหน้า ภาคการเกษตรที่โดนพิษโควิดไป จะเป็นอย่างไร?
ก็ยังคงยั่งยืน ถึงแม้จะมีคนจะมีการสต็อกของบ้างก็ไม่ได้ถึงขั้นเดือดร้อน แต่หากปิดประเทศนานๆก็คงจะกระทบมากขึ้นเรื่อยๆ
หลายๆประเทศก็เริ่มคิดค้นการทำฟาร์มแนวตั้งแบบปลูกขึ้นได้โดยไม่พึ่งฤดูกาล เป็นการใช้ตู้ปลูกผัก ปลูกข้ามสายพันธุ์ได้ ก็ถือเป็นอีกเทคโนโลยีหนึ่งที่ไทยควรจะคำนึงถึง
https://www.bangkokbanksme.com/en/vertical-farm-modern-farm
อย่างไรก็ตาม ไทยก็ถือเป็นแหล่งอาหารของโลกแล้ว ดังนั้นก็ควรจะคิดถึงเนื้อสัตว์ปลูกด้วย เพราะเนื้อสัตว์เริ่มไม่พอต่อความต้องการของคน
ถึงแม้ว่าจีน เป็นประเทศที่เรายอมรับว่าล้ำมาก แต่ก็ต้องยอมรับว่าการฉีกสารเร่งโต สารเร่งเนื้อแดง ก็ทำให้ความน่าเชื่อถือของจีนต่ำลง จนถึงขั้นมีการเกิดกระแสแอนตี้เลยทีเดียว ดังนั้นการทำฟาร์มปลอดสารพิษ หรือการขายของสารพิษ ก็ทำให้ขายได้ราคาแพงขึ้น และได้รับความไว้วางใจขึ้น แต่ก็อาจติดในเรื่องของปริมาณที่ไม่พอต่อความต้องการอยู่ดี
ดังนั้น เทคโนโลยีนำมาสู่ซึ่งความรวดเร็ว ทันใจ แต่ก็ต้องแลกด้วยคุณภาพบางอย่างที่เสียไปเช่นกัน ดังนั้น หากจะนำเทคโนโลยีอะไรไปใช้ ก็ควรคำนึงถึงทั้งข้อดีและข้อเสียเลย
หากพูดถึงเทคโนโลยีเปลี่ยนโลกแล้ว ที่ขาดไม่ได้เลยคือ AI, Big Data และ Machine Learning ซึ่งจะต่างกับคำว่า Autoก็ตรงที่ว่า มันสามารถคิดแทนและรู้จักเราด้วย
ตัวอย่างเทคโนโลยีนี้ก็อย่างเช่น แอร์ที่จะสามารถรับรู้ได้ว่ามันเย็นเกินไปหรือหนาวเกินไป ก็จะปรับให้อัตโนมัติ
ในส่วนของ5G จะไม่ค่อยเกี่ยวกับผู้บริโภค แต่จะเกี่ยวกับด้านอุตสาหกรรมซะมากกว่า เช่นในวงการเกษตร ก็จะมีสายเซนเซอร์ที่วัว หากวัวอยากรีดนมเมื่อไหร่ ก็จะส่งสัญญาณให้หุ่นยนต์มารีดนมให้ พร้อมกับทำความสะอาดด้วย
นี่ก็ทำให้เห็นว่าสิ่งที่มนุษย์ทำไม่ได้มาก่อน ก็ทำให้เกิดขึ้นจริงได้ โดยที่หุ่นยนต์สามารถคิดเองทำเองได้เลย ไม่ต้องรอคนควบคุม
แต่ถ้าหากเป็นฟาร์มเล็กๆหรือOTOP เราก็ไม่จำเป็นต้องลงทุนซื้อเลย แต่เรียนรู้ไว้ก่อนเพื่อนำไปปรับใช้ในอนาคต เมื่อเทคโนโลยีเหล่านี้ คนทั่วไปเริ่มสามารถเข้าถึงได้
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้เทคโนโลยีตอนนี้จะล้ำและพัฒนามาไกลมากแล้วก็ตาม แต่ก็ยังคงพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของมนุษย์ที่มีอยู่อย่างไม่จำกัด
-หากข้อมูลผิดประการใด ต้องขออภัยมา ณ ทีนี้นะคะ-
- 3
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
