12 เม.ย. 2021 เวลา 23:30
จะทำอย่างไรเมื่อโทรศัพท์คุณตกน้ำ!! แล้วแช่ข้าวสารช่วยได้หรือไม่??
เมื่อเข้าใกล้เทศกาลสงกรานต์ทีไร ปัญหาหนึ่งที่มักจะกวนใจใครหลายๆคนคือเรื่องโทรศัพท์เปียกน้ำ ที่ถึงแม้จะเก็บล๊อกไว้ในถุงซิปอย่างดีแต่ก็ไม่วายเปียกอยู่ดี หรือบางทีก็เผลอทำตกน้ำไปก็มี ไม่ต้องตกใจถ้าคุณเผลอทำโทรศัพท์มือถือตกน้ำ เพราะจากงานวิจัยก่อนหน้านี้ [1] พบว่าราว 25% ของผู้ใช้สมาร์ทโพนต่างก็เคยทำพวกมันตกใส่น้ำหรือของเหลวชนิดอื่นๆ มากันแล้วทั้งนั้น
ปัญหาที่ตามมาหลังจากสมาร์ทโพนตกน้ำคือ กล้องอาจจะเบลอจากฝ้าไอน้ำ เสียงลำโพงแตกหรือไม่มีเสียงเลย มีหยดน้ำใต้จอ ชาร์จแบตไม่เข้า เกิดสนิมภายในแผงวงจร และที่แย่ที่สุดคือเครื่องพังไปเลยก็มี
แน่นอนว่าสมาร์ทโพนรุ่นใหม่ๆ ทุกวันนี้ต่างมาพร้อมกับฟังก์ชั่นที่เคลมว่ากันน้ำได้ (water resistance) ซึ่งถือเป็นมาตรฐานทั่วไปอยู่แล้ว แต่ๆๆๆ อย่าเพิ่งมั่นใจเกินไปเพราะคำว่า "กันน้ำ" ที่ว่านี้ก็ได้แค่ระดับความลึกที่จำกัดและเวลาไม่นานตามมาตรฐานที่กำหนดเท่านั้น บางครั้งผู้บริโภคก็มักเข้าใจผิดว่าสมาร์ทโพนของพวกเขากันน้ำได้ทุกสภาพแวดล้อม ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ใช่แบบนั้นแน่นอน
โทรศัพท์ของคุณทนทานแค่ไหน?
การกันน้ำของโทรศัพท์จะถูกจัดอันดับโดยใช้รหัส "Ingress Protection" ซึ่งโดยทั่วไปเรียกว่าการจัดอันดับ IP (IP rating) ที่หมายถึงค่าประสิทธิภาพในการป้องกันอุปกรณ์จากสิ่งแวดล้อมภายนอกทั้งจากของแข็งและของเหลว ค่า IP rating จะประกอบด้วยตัวเลขสองตัว ตัวแรกจะแสดงค่าการป้องกันของแข็ง เช่น ฝุ่น ฯลฯ ในขณะที่ตัวเลขหลักที่สองแสดงถึงความต้านทานต่อของเหลวโดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำ
ค่า Ingress Protection rating มักใช้เป็นมาตรฐานระบุความทนทานของอุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์ส่วนใหญ่ในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตามค่านี้ก็มีรายละเอียดแตกต่างกันบ้างตามมาตรฐานของบริษัทผู้ผลิตตังอย่างเช่น รหัส IP68 ใน iPhone 12 จะกำหนดระดับความลึกของน้ำสูงสุดที่ 6 เมตรเป็นเวลา 30 นาที ในขณะที่ Galaxy 21 มีขีดจำกัดกันน้ำอยู่ที่ระดับ 1.5 เมตรเป็นเวลา 30 นาที แม้ว่าการให้คะแนน IP จะบ่งบอกถึงลักษณะการกันน้ำของโทรศัพท์ แต่ปัญหาจะเกิดขึ้นทันทีเมื่อคุณแช่มันในน้ำทะเลหรือสระว่ายน้ำ
เนื่องจากปกติการทดสอบหาค่า IP มักทดสอบกันในน้ำจืดที่ปราศจากเกลือแบบน้ำทะเล ที่ยิ่งเร่งการกัดกร่อนแผงวงจรได้ ทั้งนี้สมาร์ทโพนรุ่นใหม่ๆ ในตลาดก็หาทางออกมาให้แล้ว เช่นสมาร์ทโพนของ Apple และ Samsung ส่วนใหญ่มาพร้อมกับแถบแสดงการสัมผัสของเหลว / ความเสียหายที่อยู่ด้านในถาดซิมการ์ด
เมื่อแถบนี้สัมผัสกับของเหลว แถบจะเปลี่ยนสีและเกิดรอยด่าง ซึ่งแน่นอนว่ามันจะทำให้โทรศัพท์ของคุณไม่ได้รับสิทธิ์ประกันมาตรฐานจากผู้ผลิต !!!! และในบางกรณีถ้าหากมีความชื้นหลงเหลืออยู่ในพอร์ตชาร์จต่างๆ เมื่อคุณพยายามชาร์จมันจะแจ้งเตือนคุณ การแจ้งเตือนนี้จะหายไปเมื่อพอร์ตแห้งเท่านั้น !!!!!
สมาร์ทโพนรุ่นใหม่มักมาพร้อมกับเซนเซอร์แจ้งเตือนความชื้นในพอร์ตก่อนชาร์จ
คุณควรทำอย่างไรเมื่อโทรศัพท์แจ้งเตือนว่าโทรศัพท์คุณชื้น?
อันดับแรกคุณควรตั้งสติและไม่ควรแช่โทรศัพท์ไว้ในข้าวสารตามที่เคยเชื่อกัน เพราะแม้มันจะช่วยดูดความชื้นได้จริง แต่ก็ช้าเกินไปจนเครื่องคุณพังเสียก่อน [2] สิ่งที่คุณควรทำคือขั้นตอนต่อไปนี้
1.ปิดเครื่องทันทีและอย่ากดปุ่มใด ๆ จากนั้นจุ่มโทรศัพท์ของคุณลงในน้ำประปาที่เปิดทิ้งไว้ในอ่างแล้ว (ห้ามค้างไว้ในน้ำประปาที่ไหล) เพื่อไหลหยดน้ำที่ค้างออก
2.เขย่าเครื่องเบา ๆ เพื่อเอาน้ำออกจากพอร์ตชาร์จ แต่อย่าเขย่าแรงเพราะอาจทำให้น้ำภายในกระจายออกไปอีก แล้วถอดซิมการ์ดออกเช็ดให้แห้ง
3.ใช้แปรงอัดอากาศแบบสเปรย์ฉีดเพื่อเป่าน้ำออก หลีกเลี่ยงการใช้ไดร์เป่าร้อนเพราะความร้อนสามารถทำลายซีลยางและทำให้หน้าจอเสียหายได้
4. เช็ดโทรศัพท์ให้แห้ง (โดยเฉพาะอย่างยิ่งพอร์ต) แล้วผึ่งให้แห้งด้วยพัดลม จากนั้นทิ้งโทรศัพท์ของคุณไว้ในภาชนะที่ปิดสนิทที่บรรจุซองซิลิก้าเจล หรือสารดูดซับความชื้นชนิดอื่นๆ ที่พอหาได้ (ดูตัวอย่างการทดลองใน [2])
5.รออย่างน้อยห้าชั่วโมงเพื่อให้โทรศัพท์แห้งก่อนที่จะชาร์จ ถ้าลองชาร์จหรือเปิดเครื่องแล้วยังไม่ดีขึ้น ถึงตรงนี้คุณควรไปที่ศูนย์เพื่อให้มืออาชีพซ่อมแล้วละครับ
สุดท้ายแล้วผู้เขียนก็หวังว่าบทความนี้อาจจะช่วยแนะเป็นแนวทางเบื้องต้นและมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยต่อผู้อ่านนะครับ
โฆษณา