13 เม.ย. 2021 เวลา 15:03 • ข่าว
#คำขาดของไบเดน
#ซัมซุงต้องทิ้งตลาดจีนมาผลิตชิพให้สหรัฐเท่านั้น
5
สงครามการค้าระหว่างสหรัฐ และ จีน กำลังจะขยายจักรวาล กลายเป็นหนังภาคต่อไม่รู้จบเหมือนหนังฮอลลิวู้ดไปเสียแล้ว เมื่อโจ ไบเดน ยื่นคำขาดกับ ซัมซุง บริษัทผู้ผลิตชิพรายใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ว่าหากยังต้องการผลิตชิพป้อนตลาดสหรัฐ ต้องผลิตในโรงงานที่ตั้งในสหรัฐเท่านั้น ไม่ใช่จีน
6
คำขาดของโจ ไบเดน ไม่ต่างจากการทิ้งระเบิดลูกโตให้ผู้บริหารของซัมซุงต้องคิดหนักมาก เมื่อต้องเลือกระหว่างตลาดสหรัฐ และจีน ที่มีมูลค่ามหาศาลพอๆกันทั้งคู่ แต่วันนี้อาจไม่สามารถเก็บเธอไว้ทั้ง 2 คนได้
16
ข่าวนี้มาจากวงประชุมผู้ประกอบการด้านเซมิคอนดักเตอร์ในทำเนียบขาว ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา และ ซัมซุง คือผู้ผลิตชิพจากต่างประเทศเพียงรายเดียวที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมประชุม โดยมี ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ร่วมวงประชุมด้วย
4
ซึ่งหัวข้อหลักของการประชุมครั้งนี้ คือปัญหาชิพประมวลผลขาดตลาดอย่างหนักตั้งแต่ปี 2020 เนื่องจากผลพวงของสงครามการค้าระหว่างจีน และสหรัฐ ที่ต่างฝ่าย ต่างพยายามกีดกันช่องทางการเข้าถึงชิพประมวลผลขั้นสูง ที่เป็นหัวใจสำคัญของ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิก ไม่ว่าจะเป็น คอมพิวเตอร์ Smartphone รถไฟฟ้า EV และอุปกรณ์ไอทีรุ่นใหม่ๆ ที่กำลังจะออกมารองรับเทคโนโลยีรุ่นใหม่อย่าง AI หรือ 5G
3
และซัมซุงก็เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรายใหญ่ ที่ไม่ใช่ใหญ่แค่ที่เกาหลีใต้อย่างเดียว แต่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจาก Intel ของสหรัฐอเมริกาเท่านั้น
2
จึงไม่แปลกใจแล้วว่าทำไม ทำเนียบขาวถึงได้ส่งเทียบเชิญให้ซัมซุงเข้าร่วมการประชุมร่วมกับบริษัทผู้ผลิตชิพในสหรัฐอเมริกา แถมมีโจ ไบเดน มาร่วมวงด้วย
3
ไบเดนยื่นคำขาดให้ซัมซุงเปิดโรงงานผลิตชิพในสหรัฐ เพื่อป้อนชิพรุ่นใหม่ให้สหรัฐเท่านั้น ไม่ใช่จีน!
4
สิ่งที่ไบเดนต้องการคือ สหรัฐต้องได้เทคโนโลยีชิพรุ่นใหม่จากซัมซุง หรืออย่างน้อยต้องได้ก่อนประเทศอื่น และที่สำคัญกว่านั้นคือกีดกันจีนไม่ให้เข้าถึงตลาดชิพ เป็นการตัดขาจีนจากการพัฒนาเทคโนโลยีรุ่นใหม่ๆ ที่จีนตั้งใจจะให้เป็นตัวขับเคลื่อนในการรุกตลาดโลก
3
แต่ทำไมต้องเป็นซัมซุง ในเมื่อสหรัฐก็มี Intel อยู่แล้ว?
2
แม้ว่าผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดจะอยู่ที่สหรัฐ แต่ผู้คุมตลาดเซมิคอนดักเตอร์ในโลกจริงๆอยู่ที่เอเชีย ซึ่งนอกจากเกาหลีใต้แล้ว ยังมีไต้หวันที่เป็นผู้ผลิตชิพรายใหญ่ ต่อคิวมาเป็นอันดับ 3 ของโลก
3
และเมื่อรวมส่วนแบ่งตลาดชิพประมวลผลในโลก เฉพาะเกาหลีใต้ + ไต้หวัน ก็กินส่วนแบ่งกว่า 70% ไปแล้ว
4
ตัวเลขอาจจะฟังดูเกินจริง แต่หากมองถึงตลาดผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ออกมาเป็นตัวชิพจริงๆ ไม่ใช่ยี่ห้อ จะพบว่าผู้ผลิตตัวจริงคือไต้หวัน และเกาหลีใต้ ด้วยต้นทุนการผลิต และขนส่งที่ได้เปรียบกว่าสหรัฐ ดังนั้นบริษัทแบรนด์ใหญ่ๆอย่าง Intel หรือ Apple จึงใช้วิธีจ้างให้บริษัทในเอเชียเหล่านี้ผลิตชิพให้ ตามรูปแบบที่ต้องการ แล้วมาสวมแบรนด์ของตนทีหลัง
12
แต่หากสิ่งที่สหรัฐต้องการต่อจากนี้ คือการสกัด Supply chain ในการป้อนชิพเข้าสู่ตลาดจีน สหรัฐก็จะไม่เกรงใจที่จะพูดออกมาตรงๆว่า ถ้ายังอยากเข้าถึงตลาดสหรัฐ ก็ต้องทิ้งตลาดคู่แข่งไปซะ นั่นคือ สร้างโรงงานผลิตชิพในสหรัฐ เพื่อป้อนให้สหรัฐเท่านั้น
6
ฝ่ายซัมซุงอาจจะคาดไม่ถึงแต่แรกว่าไบเดนจะจริงจังถึงขนาดนี้ เพราะการสร้างโรงงานผลิตชิพในสหรัฐอยู่ในแผนของซัมซุงอยู่แล้ว เพียงแค่กำลังตัดสินใจเลือกว่าจะสร้างที่ไหน ระหว่าง นิวยอร์ค เท็กซัส หรือแอริสโซน่า แต่สหรัฐต้องการกดดันซัมซุงให้เดินหน้าโครงการโรงงานผลิตชิพสัญชาติเกาหลีใต้ให้เร็วที่สุด
5
เพราะ TSMC บริษัทผู้ผลิตชิพตัวจริง เสียงจริง จากไต้หวันได้มาลงทุนสร้างโรงงานในสหรัฐเรียบร้อยแล้วด้วยทุนกว่า 1.2 หมื่นล้านเหรียญที่รัฐแอริสโซน่า ซัมซุงก็รีบตามมาไวๆซะ อย่าให้เสียเวลาเรียกมาประชุมบ่อยๆ😅😅
7
และสหรัฐก็ได้ประกาศคว่ำบาตร ห้ามส่งออกชิพ และอุปกรณ์เทคโนโลยีไปจีนแล้ว ดังนั้นสิ่งที่สหรัฐต้องทำคือบีบผู้ผลิตชิพเจ้าใหญ่ในเอเชียเข้ามาผลิตชิพให้ตัวเองในบ้าน ซึ่งชิพเหล่านี้จะไม่สามารถเล็ดลอดไปสู่ตลาดจีนได้เลย
3
จึงสร้างความหนักใจให้ซัมซุงไม่น้อย เพราซัมซุงก็มีโรงงานผลิตชิพที่จีนเหมือนกัน และยอดขายเฉพาะในตลาดจีนสูงถึง 25% ของยอดขายทั้งหมดแล้ว และยอดสั่งซื้อจากจีนก็ยังโตต่อเนื่องไม่หยุด เป็นตลาดที่กำลังรุ่งสุดๆของซัมซุง
5
แต่หากต้องสร้างโรงงานผลิตชิพให้กับสหรัฐ เท่ากับว่าจะเป็นเทคโนโลยีที่เกิดในประเทศสหรัฐ จะนำมาใช้ผลิตชิพในอุปกรณ์เทคโนโลยีที่จะขายในตลาดจีนไม่ได้เลย
2
จึงเป็นสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้า คายไม่ออก ไม่รู้ว่าการได้เกียรติรับเชิญจากทำเนียบขาว และได้มาพบโจ ไบเดน จะเป็นวิกฤติหรือโอกาสของซัมซุงกันแน่หนอ🙂
8
แหล่งข้อมูล
1
โฆษณา