14 เม.ย. 2021 เวลา 16:17 • การศึกษา
ทำไมครูไทยต้องเจอการประเมินสารพัด?
1
เป็นคำถามที่อยู่ในใจครูไทยหลาย ๆ คน ว่าทำไมอาชีพครูนั้นจึงต้องเจอการประเมินสารพัดอย่าง และเป็นแค่กับครูไทยด้วย เพราะเวลาเราดูซีรีย์ฝรั่ง หรือ เกาหลี ที่เกี่ยวกับครู ไม่เคยเห็นจะมีฉากที่พระเอกเข้าไปช่วยถ่ายรูปให้นางเอกตอนไปอบรมหรือตอนกำลังทำงานเพื่อเก็บไว้ใช้ในการประเมิน ซึ่งการประเมินต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้การทำงานของครูยากลำบากยิ่งขึ้น และไม่ได้เอาเวลาไปลงกับการจัดการเรียนการสอนอย่างเต็มที่ ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร และควรทำอย่างไรจึงจะเป็นการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ
1
ถ้าจะวิเคราะห์ปัญหาดังกล่าวแบบจริงจัง ต้องขอย้อนกลับไปถึงกระบวนการผลิตครู ที่มีการผลิตมากเกินความต้องการ มหาวิทยาลัยบางแห่งนั้นผลิตครูเกินความต้องการของตลาดไปมาก บางสาขาวิชาอาจมีนักศึกษามากเกือบ 200 คน ต่อปี มหาวิทยาลัยที่ผลิตบัณฑิตครูเป็นอันดับ 1 ของประเทศ บางแห่งไม่มีแม้กระทั้งการสอบเข้าเสียด้วยซ้ำ เพียงแค่กรอกใบสมัครจ่ายค่าเทอมก็สามารถเข้าเรียนได้เลย ด้วยกระบวนการดังกล่าวทำให้วิชาชีพครูในประเทศไทย กลายเป็นวิชาชีพที่หลายคนไม่ให้ความไว้วางใจ ผู้หลักผู้ใหญ่ในกระทรวงจึงต้องจัดให้มีการประเมินที่มากมาย เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับวิชาชีพ แม้ในทางปฏิบัติจะผิดไปมากก็ตาม
1
ต่างกับแพทย์ในประเทศไทยที่มีการสำรวจอัตราเกษียณล่วงหน้าก่อนทำการผลิตนักศึกษา ทำให้นักศึกษาทุกคนที่เข้าไปเรียน และพากเพียรเรียนจนจบนั้นมีตำแหน่งงานรองรับทุกคน สิ่งดังกล่าวทำให้เกิดความต้องการจะเข้าเรียนในวิชาชีพแพทย์สูงจึงเกิดการแข่งขันสูง คนที่จะสอบเข้าไปเรียนได้มีแต่หัวกะทิ นอกจากนี้การสอบขอรับใบประกอบวิชาชีพ NL ก็มีมาตรฐานที่ชัดเจน ไม่มีการยกเว้น ไม่มีการสอบกรณีพิเศษ ทำให้ผู้คนให้การยอมรับในวิชาชีพ เพราะทุกคนมั่นใจว่าหมอทุกคนมีความสามารถเพียงพอ หมอจึงไม่จำเป็นต้องมาถ่ายภาพทุกครั้งก่อนผ่าตัดเพื่อเตรียมประเมินปลายปีเหมือนที่คุณครูในประเทศนี้ต้องเจอ
1
ดังนั้นสิ่งที่ผู้หลักผู้ใหญ่ในกระทรวงศึกษาธิการควรทำคืออะไร
1. ตั้งอัตราเงินเดือนบรรจุครูให้สูง ๆ จูงใจให้คนเก่ง ๆ เข้ามาสู่วิชาชีพนี้
2. ปรับการคัดเลือกครูเป็นระบบปิด โดยการสำรวจอัตราเกษียณล่วงหน้า เพื่อสร้างความมั่นใจให้คนที่เข้ามาเรียนว่าถ้าตั้งใจเรียนจนจบหลักสูตรจะมีงานรองรับแน่นอน เป็นการจูงใจให้คนเก่ง ๆ เข้าสู่วิชาชีพนี้
3. เพิ่มมาตรฐานในการออกใบประกอบวิชาชีพ
2
ถ้าทำ 3 อย่างนี้ได้ อาชีพครูจะกลายเป็นอาชีพที่มั่นคงเป็นอาชีพทางเลือกที่นักเรียนเก่ง ๆ อยากที่จะเข้ามาเรียน ทุกคนก็จะมีความมั่นใจในวิชาชีพนี้มากขึ้นทำให้เกิดผลดีมากมาย เช่น
1
1. ครูไม่ต้องมาเสียเวลาประเมินตนเองให้สังคมดูมากมายเพราะสังคมมีความมั่นใจในวิชาชีพนี้มากขึ้นว่าคนที่จะมาเป็นครูได้มีความสามารถมากเพียงพอในการประกอบวิชาชีพนี้
2. เนื่องจากครูไม่ต้องเอาเวลาไปลงกับงานเอกสารและการประเมินต่าง ๆ จึงมีประสิทธิภาพในการสอนมากขึ้น นักเรียนก็จะมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ดีขึ้น
3. ถ้าวิชาชีพครูเป็นวิชาชีพที่มีความมั่นคง ย่อมมีความต้องการที่จะมาเป็นครูสูง ซึ่งจะส่งผลให้มีการแข่งขันสูง และคนที่จะมาเป็นครูได้จะมีแต่คนเก่ง ๆ ที่เป็นหัวกะทิเท่านั้น เด็ก ๆ ที่เป็นอนาคตของประเทศเราจะได้อยู่กับบุคลากรที่มีคุณภาพ ย่อมเพิ่มศักยภาพในการผลิตคนของประเทศนี้ได้อย่างแน่นอน
2
โฆษณา