15 เม.ย. 2021 เวลา 09:01 • ไลฟ์สไตล์
ไต่สุดผาล่าน้ำผึ้งเมา (Mad Honey) ภารกิจเสี่ยงตายของพรานผึ้งคนสุดท้ายแห่งเนปาล
การเก็บน้ำผึ้งป่าคือหนึ่งในอาชีพที่ถือว่าเสี่ยงอันตรายมากที่สุดงานหนึ่งในโลก เพราะนอกจากต้องจะเผชิญหน้ากับฝูงผึ้งป่าที่ดุร้ายกว่าผึ้งเลี้ยงแล้ว บางทีพวกเขาอาจต้องปืนขึ้นไปเก็บรังผึ้งป่าบนต้นไม้หรือผาสูงที่แค่พลาดทีเดียวอาจถึงตาย แต่สำหรับชาวเนปาลพื้นเมืองอย่าง ‘ชาวกูรุง’ (Kulung) แล้วงานเก็บน้ำผึ้งป่าบนต้นไม้สูงอาจเป็นแค่เรื่องเล็กๆ ไปเลยเมื่อเทียบกับสิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญ
เพราะชาวกูรุงต้องไต่หน้าผาหินบนยอดเขาสูงลิบในหุบเขา Nepal Hongu River Valley เขตเทือกเขาหิมาลัยที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลกว่า 2,000 เมตร เพียงเพื่อไปเอาน้ำผึ้งป่าชนิดพิเศษชนิดหนึ่ง นั่นคือน้ำผึ้งเมา (Mad honey) จากผึ้งสายพันธุ์ Apis laboriosa หรือที่เรียกกันว่า ผึ้งยักษ์หิมาลัย (Himalayan giant honey bee) ซึ่งเป็นผึ้งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยปกติพวกมันมีขนาดโตเต็มที่ราว 3 ซม. (ใหญ่กว่าผึ้งหลวงของไทยราวสองเท่า)
หุบเขา Nepal Hongu River Valley ตั้งอยู่ในเขตเทือกเขาที่สูงชันที่สุดในโลกใกล้กับยอดเขาเอเวอร์เรสต์ของเนปาล [1] [2]
ความพิเศษของผึ้งยักษ์หิมาลัยคือ พวกมันชอบสร้างรังบนยอดผาสูงที่ระดับความสูง 2,500 – 3,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล โดยจะสร้างรังเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวซึ่งบางรังอาจยาวถึง 1.8 เมตรแขวนอยู่ใต้เพดานหินยื่นออกมาจากริมหน้าผาสูงชัน รังผึ้งแต่ละรังสามารถบรรจุน้ำผึ้งได้มากถึง 60 กก. ด้วยขนาดที่ใหญ่โตนี้มันจึงได้ชื่อว่าเป็น “รังผึ้งธรรมชาติที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก”
ผึ้งยักษ์หิมาลัยมีขนาดโตเต็มที่ราว 3 เซนติเมตร
แต่ความเจ๋งของผึ้งยักษ์หิมาลัยยังไม่หมดเพียงเท่านี้ สิ่งที่พิเศษอีกอย่างคือ "น้ำผึ้ง" ของพวกมันที่มักจะมีรสชาติและรสสัมผัสหลากหลายแตกต่างกันในแต่ละฤดูกาล ขึ้นอยู่กับดอกไม้ที่ผลิตน้ำหวานให้พวกมันกิน แต่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิพวกมันมักจะชอบไปกินน้ำหวานจากดอกกุหลาบพันปีสีแดงสดใส (Rhododendron) ที่จะบานเฉพาะช่วงเดือนมีนาคมและเมษายนของทุกปีเท่านั้น
2
น้ำผึ้งจากดอกกุหลาบพันปีจะมีสารพิษที่ชื่อว่า "Grayanotoxin" ซึ่งออกฤทธิ์ต่อจิตประสาททำให้ได้น้ำผึ้งชนิดพิเศษที่เรียกว่า "น้ำผึ้งเมา" สีแดงอมน้ำตาลเนื้อเหนียวข้น ซึ่งว่ากันว่าถ้าให้คนทั่วไปกินเข้าไปเพียง 2 – 3 ช้อนชาอาจทำให้เมาและเคลิบเคลิ้มไปเป็นวันเลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้น้ำผึ้งเมาจึงเป็นที่ต้องการมากในตลาดและมีราคาสูงกว่าน้ำผึ้งทั่วไปราว 6 เท่าหรือประมาณ 5,000 บาท/กก.
น้ำผึ้งเมาคือน้ำผึ้งชนิดพิเศษที่ได้มาจากน้ำหวานของดอกกุหลาบพันปี
กลับมาที่เรื่องราวของชาวกูรุงที่มีความผูกพันกับผึ้งยักษ์หิมาลัยมาอย่างยาวนาน พวกเขามักใช้น้ำผึ้งเมาเป็นยารักษาโรคหลายชนิด รวมทั้งใช้ขี้ผึ้งที่ได้มาหล่อรูปเคารพทางศาสนา สำหรับพวกเขาแล้วการไต่หน้าผาไปล่ารังผึ้งไม่ใช่แค่อาชีพ แต่มันยังเป็นเกมกีฬาและวัฒนธรรมที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น เพราะต้องปืนหน้าผาที่สูงกว่า 150 เมตรเพื่อเก็บน้ำผึ้ง เหล่าพรานผึ้งชาวกูรุงจึงต้องฝึกฝนร่างกายอย่างหนักเพื่อให้เชี่ยวชาญมากพอจะทำงานนี้ ที่ทั้งเสี่ยงตายและใช้ความอดทนสูง
1
ผึ้งยักษ์หิมาลัยมักชอบทำรังเหนือหน้าผาสูงราว 150-200 เมตรเหนือพื้นดิน
พรานผึ้งชาวกูรุงจะเก็บรังผึ้งได้แค่ปีละสองครั้งเท่านั้นคือในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน แต่มักจะนิยมล่าในฤดูใบไม้ผลิที่ให้น้ำผึ้งเมามากกว่า เมื่อถึงเวลาออกล่า เหล่าพรานผึ้งจะรวมทีมกันแล้วทำพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้การล่าราบลื่น จากนั้นพวกเขาแต่ละคนจะแบ่งหน้าที่กันตามประสบการณ์และความอวุโสในทีม
เมื่อถึงบริเวณหน้าผาที่จะเก็บน้ำผึ้ง พวกเขาต้องปืนบันไดลิงขึ้นไปหารังผึ้งที่ระดับความสูงกว่า 150 เมตรเหนือพื้นดิน ซึ่งต้องใช้เวลาปีน 2 ชั่วโมง แล้วใช้ควันไฟรมรังผึ้งก่อนเก็บน้ำผึ้งซึ่งโดยใช้ไม้ไผ่ยาวแทงและเลื้อยเอารังผึ้งใส่ตะกร้าลงมาให้คนข้างล่างซึ่งเวลาอีกราว 1 ชั่วโมงในการเก็บ จากนั้นก็พักสักแปปแล้วใช้เวลาปีนลงมาอีก 1 ชั่วโมง จึงจะถือว่างานเสร็จสมบูรณ์
ปัจจุบันการเก็บรังผึ้งหน้าผาหิมาลัยแบบนี้ นับวันจะลดน้อยลงเพราะเป็นงานที่เสี่ยงแถมไม่คุ้มค่าแรงและขาดคนรุ่นใหม่สืบทอดวัฒนธรรมนี้ การล่าผึ้งเท่าที่มีอยู่ในปัจจุบันจึงกลายเป็นกิจกรรมการท่องเที่ยวที่เปิดรับนักท่องเที่ยวเข้าร่วมทริปชมวิถีชีวิต เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสบรรยากาศลุ้นระทึกรวมทั้งได้ลิ้มรสน้ำผึ้งเมาอีกด้วย หากคุณต้องการร่วมทริปนี้ก็เพียงแค่ต้องเงินราว 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ !!!
อ้างอิงข้อมูล
โฆษณา