17 เม.ย. 2021 เวลา 03:43 • ความคิดเห็น
แนวคิดความรักจากน้าเน็ก “อย่าเล่นเกมโกหก”
1
ขอบคุณภาพจาก GQ
ในวัย 52 น้าเน้กพบว่าตนเองไม่มีความสามารถในการเป็นแฟนที่ดีของใคร จึงคิดว่า “อะไรที่ไม่เก่งก็เลิกไปเหอะวะ” เมื่ออายุมากขึ้นก็จะยอมรับและเลิกที่จะทำในสิ่งที่ไม่ชำนาญ เพราะชีวิตเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว
น้าย้อนเล่าไปยังวัยเด็ก ซึ่งอยู่ในยุค 80s ที่โตมากับเพลง looser เพลงอกหักทั้งหลาย
สมัยวัยรักวัยเรียน แอบชอบใครก็ไม่มีคนสนใจ และรู้สึกว่าไร้ค่าอยู่เสมอ เค้าไม่เคยรู้ว่าเรามีตัวตน ทำให้ต้องกลับบ้านฟังเพลงร้องไห้ และคิดเสมอว่าทุกเพลงตรงกับตัวเองหมด ซึ่งเป็นการโตมากับความรักที่ แพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม
จนอายุยี่สิบกว่าในสังคมการทำงาน ก็ได้เรียนรู้ที่จะทำตัวให้เป็นผู้ชายในฝันของผู้หญิง ด้วยการแสดงเป็นแบบนั้นเท่าที่พอทำได้ เช่นถ้ารู้ว่าผู้หญิงชอบผู้ชายตลก ก็จะซ้อมตลกมาจากบ้าน เจอครั้งต่อไปก็จะเป็นคนตลกมาก ๆ ให้เค้าประทับใจ
ซึ่งพบว่าเป็นวิธีที่ทำให้ประสบความสำเร็จในการจีบผู้หญิง ทำให้เริ่มที่จะจีบหลาย ๆ คนพร้อม ๆ กัน และรู้สึกคึกคะนองในอำนาจที่มีอยู่ในมือ เคยคุยทีเดียวเป็นสิบคนแล้วอาศัยสมุดจดบันทึกข้อมูลของแต่ละคนว่าปลอมตัวเป็นแคแรคเตอร์ไหนเพื่อกันลืม
เรียกว่าเป็น “เกมโกหก” ที่ประสบความสำเร็จแต่ก็เหนื่อยมากเช่นกัน
จนสุดท้ายได้พบข้อเสียก็คือ
❌เขาไม่ได้ชอบเราแบบที่เราเป็นจริง ๆ
❌เหนื่อยมากที่ต้องทำการแสดงตลอด
จึงเลิกที่จะเล่น “เกมโกหก” และหวังอยากจะให้คนที่เข้ามาชอบในแบบที่เราเป็นจริง ๆ จนทำให้เมื่อต้องเริ่มความสัมพันธ์กับใครสักจนจึงเริ่มในด้านที่ตรงข้ามสุดขั้วคือ “แสดงตัวตนจริง” ให้เห็น บางครั้งก็ จริงเสียจนน่ากลัว เช่นจะบอกกับฝ่ายตรงข้ามในครั้งแรกที่เริ่มความสัมพันธ์เลยว่า ไม่ต้องการมีลูก ไม่ต้องการแต่งงาน
และก็จะขอให้ฝ่ายตรงข้ามเป็นแบบเดียวกัน คือแสดงความจริง หรือเปิดเผยออกมาเลย แต่โดยมากจะยังเจอคนที่ยังเล่น “เกมโกหก” อยู่
ในวัย 52 น้าเน้กพบว่าตนเองไม่มีความสามารถในการเป็นแฟนที่ดีของใคร จึงคิดว่า “อะไรที่ไม่เก่งก็เลิกไปเหอะวะ” เมื่ออายุมากขึ้นก็จะยอมรับและเลิกที่จะทำในสิ่งที่ไม่ชำนาญ เพราะชีวิตเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว
ทุกวันนี้ให้คำปรึกษาผู้คนเกี่ยวกับเรื่องความรักด้วย “เหตุและผล” จนตัวเองได้กลายเป็นคนที่มองความรักแบบที่ไม่โรแมนติกอีกต่อไปแล้วโดยมองว่าความรักคือการสมประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย คือการเคารพกติกาซึ่งกันและกัน คือการลงตัวของทั้งคู่
1
แต่ลึก ๆ ก็ยังหวังว่า ก่อนที่จะตายจากไปก็น่าจะได้เจอใครสักคนในชีวิตที่ได้บอกกับตัวเองว่า “ใช่ นี่แหละคนนี้” ซึ่งก็ไม่ได้ดั้นด้นค้นหา แต่รอที่จะให้เกิดขึ้นอย่างธรรมชาติ
ถอดความจากคำสัมภาษณ์รายการ หาแต่เรื่อง
โฆษณา