17 เม.ย. 2021 เวลา 11:32 • ปรัชญา
แตงโมครึ่งซีก ที่เหมือนกับชีวิตคู่ของใครหลายๆคน
ชีวิตคู่ เป็นอะไรที่เข้าใจได้ยาก เพราะมันหลายปัจจัยเข้าเกี่ยวข้อง บางครั้งแค่สิ่งเล็กๆน้อย ก็อาจสร้างรอยร้าวให้กับครอบครัว จน แ ต ก แ ย ก เลยก็เป็นได้ แล้วชีวิตคู่ของคุณกำลังเหมือนกับ “แตงโมครึ่งซีกอยู่หรือเปล่า”
ในเย็นวันหนึ่งหลังเลิกงาน ผมได้ขับรถจากบริษัทมาถึงบ้าน ฝ่ารถติดมาหลายชั่วโมง
ทั้งเหนื่อยและหล้า ตามตัวก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ เพราะอากาศที่ร้อน ถึงแม้จะเย็นแล้วก็ตาม
ด้วยความหิวและคอแห้งมาก ผมจึงได้เดินไปเปิดตู้เย็น และเห็นแตงโมที่แช่เย็นอยู่ครึ่งซีกดูน่าอร่อย
จึงได้หยิบออกมากิน ไม่นานผมก็กินแตงโมครึ่งซีกนั้นจนหมดเกลี้ยง
สักพักภรรยาของผมก็กลับมาถึง และเขาก็บ่นว่าร้อน อยากกินอะไรเย็นๆชื่นใจ
เธอนึกได้ว่ามีแตงโมเหลืออยู่ครึ่งซีก จึงรีบไปเปิดตู้เย็นเพื่อจะกิน
เธอเปิดตู้เย็น และ ชะงัก พร้อมถามหาว่า ” แตงโมฉันหายไปไหน…!! “
ผมจึงบอกไปว่า ผมกินไปหมดแล้ว และเธอก็แสดงสีหน้าที่ไม่พอใจออกมาทันที
และเมื่อจะหยิบขวดน้ำในตู้เย็นมากิน ก็พบว่ามันมีแต่ขวดเปล่า จึงทำให้เธอโมโหขึ้นไปอีก
เธอบ่นขึ้นว่า “กลับมาบ้าน ทำไมไม่กรอกน้ำไว้ ไม่หยิบจับอะไรช่วยกันเลย”
ผมที่เพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ ได้ยินเสียงบ่นก็รู้สึกหงุดหงิด
จึงได้พูดไปว่า “แล้วทำไมเธอไม่ทำเองล่ะ ใช้แต่ฉันทำไม”
นั่นจึงเป็นเหตุที่ทำให้เราสองคน ไม่คุยกันอยู่เป็นอาทิตย์ เพราะโกรธกันอยู่
เมื่อถึงวันเสาร์ ผมจึงเดินทางกลับไปเยี่ยมพ่อแม่คนเดียว
เมื่อพ่อกับแม่เห็น จึงได้ถามว่า “ทำไมได้มาคนเดียวล่ะ แล้วภรรยาแกไปไหน ไม่มาด้วย”
ผมจึงได้เล่าให้ฟัง ว่าเราสองคนกำลังโกรธกันอยู่ และบอกถึงต้นเหตุที่ทะเลาะกัน
เมื่อพ่อกับแม่ฟังจบ แม่ก็เอาแต่ตำหนิผม “ทำไมแกทำอะไรถึงไม่นึกถึงใจคนอื่นบ้างเลย เอาแต่ตัวเอง”
ผมกลับไม่เห็นด้วย แค่เรื่องแตงโม ทำไมจะต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ด้วย
พ่อจึงหัวเราะออกมา แล้วพูดว่า “ไม่ต้องพูแล้ว งั้นพรุ่งนี้วันอาทิตย์ แกก็พาภรรยามากินข้าวเย็นที่นี่แล้วกัน”
วันต่อมา ผมจึงได้พาภรรยาไปกินข้าวกับพ่อแม่ที่บ้าน และเมื่อไปถึงพ่อก็ใช้ให้ผมไปซื้อของ
พอกลับมา ผมร้อนเหงื่อท่วมตัว พ่อก็เลยเอาแตงโมครึ่งซีกมาให้ผม แล้วพ่อก็พูดขึ้นว่า…
” แกคงร้อน เหงื่อโชกเชียว กินแตงโมแก้ร้อนหน่อยเถอะ “
แตงโมครึ่งซีกลูกนี้ใหญ่ใช้ได้เลย ผมหยิบช้อนมาตักกินไปจนเกือบครึ่ง แต่ก็ยังไม่หมด
ผมกินไม่หมด จึงเหลือไว้เผื่อว่าคนอื่นจะได้กินต่อ
เมื่อรับประทานอาหารเย็นกันเสร็จแล้ว พ่อก็เอาแตงโมอีกครึ่งซีกมาวางบนโต๊ะ
และพูดกับผมว่า “แกดูซิ ว่าแตงโมทั้งสองซีกนี้ มันต่างกันตรงไหน”
ผมดูอย่างละเอียด… ซีกหนึ่งเป็นซีกที่ผมกินไป ส่วนอีกซีกที่เหลือก็ถูกกินไปด้วย
พ่อจึงได้พูดขึ้นว่า “ซีกนี้แกเป็นคนกิน ส่วนอีกซีกภรรยาแกกิน พ่อได้บอกทั้งสองคนไว้ใช่ไหมว่า…ถ้ากินไม่หมดให้เหลือไว้ ดูสิเมียแกใช้ช้อนกินยังไง เธอตักจากตรงกลาง แล้วกินไปจนถึงขอบ ส่วนอีกครึ่งไม่ถูกแตะเลย”
“แล้วดูแกกินสิ ตักกินแต่ตรงกลางจนหมด เหลือไว้แค่ขอบๆให้คนอื่นกินต่อ ใครๆก็รู้ว่าแตงโมมันหวานตรงกลาง เรื่องแค่นี้ก็รู้แล้วว่า…ใครนึกถึงคนอื่นมากกว่ากัน”
ผมรู้สึกอายขึ้นมาทันที พ่อจึงได้สอนว่า “คนเราตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแล้ว ความรักความใส่ใจ และนึกถึงความรู้สึกกันและกันเป็นสิ่งสำคัญนะ เพราะมันจะเป็นตัวตัดสินว่าจะอยู่ด้วยกันได้นานแค่ไหน”
“เรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้แหละ มันอยู่ในน้ำมันหยดเดียว ข้าวช้อนเดียว น้ำแกงทัพพีเดียว วันก่อนแกโกรธให้เมีย เพราะเรื่องแตงโมครึ่งซีก ทั้งๆที่แกผิด แต่ถ้าเป็นเมียแกกลับมาถึงบ้านก่อน ฉันเชื่อว่าเขาต้องเหลือแตงโมไว้ให้แกกินอย่างแน่นอน”
ผมจึงนึกย้อนกลับไปดูสิ่งต่างๆที่เธอเคยทำให้ผมมาตลอด
รองเท้าที่วางไว้หน้าประตูทุกเช้าก่อนไปทำงาน
น้ำแก้วเย็นๆที่วางไว้บนโต๊ะ หลังจากกลับมาถึงบ้าน
ล้วนแล้วแต่แสดงถึงความใส่ใจที่เธอมีมาให้ผมตลอด
แต่ผมกลับมองไม่เคยเห็นสิ่งเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ของเธอเลย
อย่าคิดว่าเรื่องเล็กๆไม่สำคัญ สิ่งเหล่านี้แหละจะแสดงธาตุแท้ของคนออกมา
แตงโมแค่ชิ้นเดียว ก็แสดงถึงตัวตนของคนคนนั้นได้แล้ว
ความรัก ต้องให้กันและกัน มีแต่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งให้ตลอดไม่ได้
หันกลับมามองการกระทำของตัวเอง แล้วใส่ใจความรู้สึกของคนอื่นให้มากขึ้นอีก
โฆษณา