17 เม.ย. 2021 เวลา 13:39 • นิยาย เรื่องสั้น
สวัสดีวันเสาร์ ขึ้น6 ค่ำ เดือน6 ครับ
นิสัยของมนุษย์ นี่ก็ประหลาด
มักจะเห็นอกเห็นใจ คนดีที่ตกทุกข์ได้ยาก
แต่ มักจะเกรงใจคนชั่ว แม้จะมีอำนาจเท่ากัน.
เรื่องเล่าจากมหากาพย์มหาภารตะ
หลังจากพวกปาณฑพลี้ภัย ไปได้สักพัก
พระราชาธฤตราษฎร แกไล่ท้าววิฑูรในคราหนึ่ง
ว่า ไม่อยากเห็นหน้า จะไปใหนก็ไป เอาแต่พูดธรรมอยู่นั่นแหละกูเบื่อไปไหนก็ไป ประมาณนี้
พอท้าววิฑูรย์ จากไปได้สักพัก แกเกิดเหงา
ขึ้นมา แกเลยเรียก สัญชัย ซึ่งเป็นสารถี ประจำตัว ของแกมาคุยเป็นเพื่อน
และสารถี ที่ชื่อ สัญชัยคนนี้แหละในภายภาค
หน้า เมื่อสงครามเกิดขึ้น แกจะได้รับพรจากสวรรค์ ให้แกเหมือนมีกล้อง อยู่ทั่วสมรภูมิ
เพื่อที่จะได้คอยเล่าเหตุการณ์ในสงคราม
ให้ท้าว ธฤตราษฎร ฟัง แบบตามติดประชิดขอบ
สนามรบ ทุกมุม ทุกเหตุการณ์ ว่าอย่างนั้น
ท้าวธฤตราษฎร แกคุยกับสัญชัยว่า
สัญชัย แกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเราผิดไหม
แกถามถูกคน เพราะ สัญชัย แม้จะเป็นแค่ สารถี
แต่แกเป็น คนตรง
แกเลยจัดเต็มให้
จะมาถามอะไรตอนนี้ล่ะพระองค์ สิ่งที่ทำลงไป
ไม่ได้มีความถูกต้องแม้แต่นิดเดียว เพราะความ
ละโมบของพระองค์กับความริษยาของลูกชายพระองค์ มันจะนำพาความหายนะมาสู่พระองค์
กับลูกชาย และหัสตินาปุระ
แม้สัญชัย จะกล่าว ขนาดนี้ แต่ ท้าว ธฤตราษฎร ก็หาโกรธาไม่ เพราะแกรู้นิสัยของสัญชัยดี ว่าเป็นคนตรง ถึงแม้จะได้รับความจริง
จากสัญชัย แต่ท้าวเธอ ก็ฟังเพลินไปเท่านั้น
ไม่ได้มีอะไร เข้าไปในใจ ท้าวเธอแม้แต่น้อย
ระหว่างนั้น ทุรโยชน์ กับราธียะ กำลังจะคิดที่จะยกทัพไปฆ่า พวกปาณฑพ ให้สิ้นซาก
พอดีฤาษี เมไตริยะ แวะมาเยี่ยม ท้าวธฤตราษฎร เพราะชอบพอกัน
และฤาษี ก็เล่าถึงพวกปาณฑพ ที่ลี้ภัย อยู่
ในขณะนั้นมีทุรโยชน์ นั่งอยู่ด้วย
ฤาษี พยายาม ที่จะบอกให้ท้าวธฤตราษฏร
กับทุรโยชน์ ยอมมอบคืนทุกสิ่งอย่าง
แล้วเลิกแล้วต่อกันเพื่อหลีกหนีความหายนะที่
จะเกิดขึ้น
ซึ่งในขณะนั้น ทุรโยชน์ แกทำไม่สนใจคำพูด
ของฤาษี มองเพดานมองพื้น และเกาหน้าขา
ฤาษี แกสังเกตุ เห็นอาการที่ไม่เคารพแกสิคร้าบ
แกเลยโกรธ แกสาปเลยครับ
องค์ชาย จะถูกทุบหน้าขาจนแตกละเอียดตามคำสาบานของภีมะก่อนตาย.
แม้จะเป็นคำสาป แต่ ทุรโยชน์ ดูจะไม่อินังขังขอบแต่อย่างใด แต่
คนที่ร้อนรน คือท้าวธฤตราษฎร ที่เฝ้าวิงวอน
ให้ฤาษี ถอนคำสาป แต่แกไม่ถอนครับ
แกไปเลย.
เอาละครับ พี่ทุรโยชน์ ก็ถูกโชคชะตาเล็งเป้า
ไม่ต่างกับ ราธียะ สหายรัก
แต่การวางแผน ตามไปฆ่าพี่น้อง ปาณฑพ
ไม่ได้รับการเห็นชอบจากผู้ใหญ่ในราชสำนัก
จึงต้องงดไป
ผมว่าราชสำนักหัวสตินาปุระ คล้ายจะมีระบอบ
ปกครอง แบบเผด็จการกึ่งประชาธิปไตย ในตัวเอง
เจ็ดปีผ่านไป
พระนาง เทราปาที เห็นยุษธิฐีระ แต่เพียงผู้เดียว
ที่อยู่ในป่า อย่างมีความสุข เที่ยวคุยฤาษี ถกคำภีร์ กันไปเรื่อย
แต่ภีมะกับคนอื่น ดูจะไม่มีความสุขเอาเสียเลย
จึงตัดพ้อ ยุษธิฐีระ อย่างรุนแรง
ภีมะ เองก็ฮีต มาก อยากจะออกไปฆ่าพวกเการพ ในบัดนี้ เป็นประเด็น ถกเถียง กันมากมาย
พอดี หรือจงใจไม่ทราบ ฤาษี วยาส มาพอดี
เลยบอกว่า
ภีมใจเย็นก่อน รู้ไหมว่า ตอนนี้ ทุรโยชน์ รวบรวมพันธุ์มิตร ได้มากมายแค่ไหนแล้ว
คนเก่งๆ มาอยู่กับเขามากมายแม้กระทั่ง ท้าว
ภีษมะ กับโทรณาจารณ์ ก็รับปากว่าถ้าสงคราม
เกิดขึ้น จะอยู่ข้าง ทุรโยชน์ และประชาชนก็ชื่นชอบทุรโยชน์ มาก นับว่าเขาก็เป็นพระราชาที่ดี
แต่สงคราม จะเกิดขึ้นแน่นอนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะฉะนั้น ตอนนี้ ต้องให้ อรชุน ไปสะสม
อาวุธก่อน ต้องให้ อรชุน ไปนคร อินทรขิล.
เมื่อฤาษีปู่ กล่าวเช่นนั้น ทุกคนจึงคลายใจ
ไม่ทะเลาะกัน และยินยอมปฏิบัติตามคำของ
ฤาษีวยาสผู้มีศักดิ์ เป็นปู่
ตอนต่อไปเราจะไปดูการสะสมอาวุธของอรชุน
ว่ามีอะไรกันบ้าง
ตอนนี้ขอเอวัง ก่อนขอรับ
ขอขอบคุณทุกท่านที่อ่านและติดตาม ขอรับ
ขอขอบคุณที่มา
เรื่องเล่าจากมหากาพย์มหาภารตะ
ของอาจารย์ วีระ ธีรภัทร ขอรับ
โฆษณา