17 เม.ย. 2021 เวลา 14:37 • หนังสือ
จะเล่าให้ฟัง...The Magic of Disneyland
เชื่อว่าการได้ไป Disneyland อาจเป็นความฝันของใครหลายๆคน ส่วนคนที่เคยไปแล้ว ครั้งเดียวอาจไม่พอ หลายคนวางแผนไปเที่ยว Disneyland ให้ครบทุกที่ในโลกให้ได้ในชีวิตนี้ หนังสือ “Disneyland ทำอะไร ทำไมใครๆ ถึงหลงรัก” เขียนโดย
คุณซากุราอิ เอริโกะ แปลโดย คุณภัทรวรรณ ศรประพันธ์ ผู้เขียนคร่ำหวอดอยู่ที่ดิสนีย์หลายปี มีโอกาสได้ทำงานในแผนกต่างๆ มากมาย เช่นฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ ฝ่ายทรัพยากรบุคคล ฝ่ายฝึกอบรมของ "ดิสนีย์แลนด์" และได้ฝึกฝนพนักงาน มาแล้วกว่าหนึ่งแสนคน เราจะมาไขความลับของพนักงานดิสนีย์แลนด์ว่าเค้าใช้ “เวทย์มนต์แห่งการใส่ใจ” อย่างไรเพื่อทำให้ลูกค้ามีความสุข🎁🎢🎪
1
Cr.Google.com
ที่ Disney พนักงานที่ทำงานในสวนสนุกจะมีชื่อเรียกว่า แคสต์ “ Cast” หรือนักแสดง ส่วนลูกค้าคือเกสต์ “Guest” ที่เป็น VIP คนสำคัญ ดิสนีย์มีวิสัยทัศน์ที่ต้องการจะส่งมอบความสุขให้กับเกสต์ ดังนั้นวิธีการฝึกอบรมพนักงาน การสร้างให้พนักงานให้มี mindset ที่รักและลุ่มหลงในการบริการ รวมถึงการ “Empower” ให้พนักงานสามารถทำในสิ่งที่เห็นว่าดี ที่จะทำให้ลูกค้ามีความสุข แม้มันจะหมายถึงการต้องฝาฝืนกฏการทำงานในบางเรื่องก็ตาม
Cr.Google.com
Cast ที่มาทำงาน ถูกฝึกให้ถามตัวเองว่า “ทำงานไปเพื่ออะไร” Cast ส่วนใหญ่เป็นพนักงาน part time แต่ทำไมพวกเค้าถึงดูมีความสุข และมีแรงจูงใจในการทำงาน เมื่อได้คุยกับ Cast เหล่านั้น เราพบว่าแรงจูงใจในการทำงานมาจาก 3 ข้อด้วยกัน
1. คำขอบคุณ ที่ได้รับจากเกสต์
2. ความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกัน กับเพื่อนร่วมงาน
3. การรับรู้ถึงการเติบโต และการพัฒนาของตัวเอง
4
เมื่อเรารู้ว่าอะไรเป็นแรงจูงใจในการทำงาน ก็จงหาวิธีเปิดสวิตซ์ เช่น บางคนทำ เพื่อครอบครัว เมื่อเค้านึกถึงรอยยิ้มของพ่อกับแม่ ก็จะมีแรงจูงใจในการทำงานครงหน้าให้ดีที่สุด คิดว่าทุกๆวันคือการทำงานวันแรก การแสดงโชว์ต่างๆ ถึงเราจะทำมาเป็นร้อยๆ ครั้ง แต่มันอาจจะเป็นครั้งแรกของใครบางคนที่พึ่งมาในวันนี้ก็ได้😍
1
คนทำงานบริการ มักจะมีจิตใจที่ต้องคิดถึงคนอื่นมากกว่าตัวเองเสมอ เช่น คนทำงานโรงพยาบาล โรงแรม Call Center บางครั้งถึงพยายามอย่างไร ก็ต้องมีวันที่เรารู้สึกไม่ดี หรือท้อแท้ แต่ในเมื่อ The show must go on ดังนั้นไม่ว่าเราจะรู้สึกเหนื่อย สิ้นหวัง แค่ไหน จงพาตัวเองกลับมาที่แรงจูงใจ และเดินหน้าต่อไป💪
1
เทคนิคอื่นๆ ที่สามารถนำไปใช้ได้เมื่อเจอกับสถานการณ์ที่ตึงเครียด คือ การเขียนสิ่งที่ไม่ดีออกมา เขียนว่าเราไม่พอใจกับใคร เรื่องอะไร จากนั้นฉีกมันทิ้งซะเพื่อระบายความเครียด หรือเทคนิคการเปลี่ยนแปลงวิธีคิด เปลี่ยนลบให้เป็นบวกก็อาจช่วยให้เราสงบลงได้📝📝
1
หรือลองนึกภาพให้เราเป็นเจ้าหญิงดิสนีย์ หลายคนเวลานึกถึงภาพเจ้าหญิงดิสนีย์จะคิดว่าเป็นสาวน้อยผู้มีความฝันว่าวันนึงจะมีเจ้าชายมาปรากฏตัวเพื่อทำให้ฝันเป็นจริง แต่หาใช่แบบนั้นไม่ เจ้าหญิงดิสนีย์ทุกคนล้วนเป็นผู้หญิงที่พึ่งพาตัวเอง กล้าเผชิญปัญหา โชคชะตา และรู้จักปรับตัว เช่น
Cr.Google.com
เจ้าหญิงแอเรียล ในเรื่อง เงือกน้อยผจญภัย เป็นคนช่างสงสัย เด็ดเดี่ยว เธอรู้สึกว่าชีวิตในน้ำไม่ได้มอบอิสระให้กับเธอได้อย่างที่หวัง จึงใฝ่ฝันที่จะได้ขึ้นไปใช้ชีวิตอยู่บนโลกมนุษย์ เธอจึงใช้ความกล้าหาญที่มีทำทุกอย่างเพื่อทำความฝันนั้นให้เป็นจริง
เจ้าหญิงจัสมินในเริ่องอะลาดินกับตะเกียงวิเศษ เธอเป็นคนกล้าหาญ เข้มแข็ง กล้าตัดสินใจ และรักการผจญภัย เธอยืนกรานที่จะแต่งงานกับคนที่เธอรักเท่านั้น และต้องการออกไปสัมผัสกับชีวิตนอกพระราชวังอันหรูหราของเธอ
เจ้าหญิงเบลล์ จากเรื่อง โฉมงามกับเจ้าชายอสูร เป็นคนฉลาดและใจกว้าง มีความกตัญญู ยอมเสียสละตัวเองเพื่อเป็นเชลยของอสูรแทนพ่อ ในขณะเดียวกันก็มีความฝันที่จะได้ผจญภัยแบบในหนังสือที่เธอชอบอ่าน เราสามารถเป็นเจ้าหญิงในแบบของดิสนีย์ได้เช่นกัน ถ้าเราให้โอกาสตัวเอง
อีกหนึ่งคุณสมบัติที่สำคัญในการสร้างพลังใจให้ตัวเอง คือการรับรู้ความสามารถของตัวเอง หรือ self-efficacy แนวคิดนี้ถูกนำเสนอโดยนักจิตวิทยาชาวแคนาดาชื่อ อัลเบิร์ต แบนดูรา การรับรู้ความสามารถของตัวเองจะส่งผลกระทบต่อการกระทำชองเรา เพราะคนที่มี self-efficacy สูงจะเขื่อมั่นว่าตัวเองทำได้ และจะไม่ยอมแพ้ เราอาจคุ้นภาพของแมวที่ส่องกระจกและเห็นภาพของราชสีห์ เมื่อเราเชื่อมั่นในตัวเอง และรู้ในความสามารถของตัวเอง เราย่อมไม่ยอมให้อุปสรรคใดๆมาขัดขวางเราได้
Cr.Google.com
ที่ดิสนีย์แลนด์ แคสต์ทุกคนจะคุ้นเคยกับเกณฑ์การปฏิบัติงาน 4 ข้อที่เรียกว่า SCSE (safety, courtesy, show, efficiency) กฎ 4 ข้อนี้ช่วยกำหนดแนวทางการทำงานให้เป็นไปได้ดี
1
S - safety เรื่องความปลอดภัยเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เช่นเกณฑ์การควบคุมคุณภาพอาหารที่เข้มข้นกว่าสิ่งที่รัฐกำหนดหลายเท่า
C – courtesy หรือมารยาทในการให้บริการ เช่น ภาพลักษณ์ที่ดูดีเสมอ การพูด การยิ้ม การสบตาเกสต์
S – show ที่ดิสนีย์ “ทุกสิ่งที่มองเห็นได้คือโชว์” แคสต์จึงต้องใส่ใจกับทุกเรื่อง ทุกที่ ทุกเวลา เพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้นมีเกสต์คอยเฝ้าดู
E – efficiency คือการทำงานเป็นทีม เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพสูงสุด
1
การให้กำลังใจเพื่อนและคนในทีม ถือเป็นวัฒนธรรมของดิสนีย์ การช่วยเหลืออย่างสุดโต่งเพื่อแก้ปัญหาให้ลุล่วง พูดให้กำลังใจ ชมเชยหรือ feedback เพื่อปรับปรุง เขียนการ์ดบอกเล่าความรู้สึกขอบคุณ เหล่านี้คือสิ่งที่พนักงานควรปฏิบัติต่อกัน เฉกเช่นที่เราปฏิบัติต่อเกสต์ วีไอพี🧡👍🙏
การให้ความสำคัญกับงานที่อยู่ตรงหน้า ใส่ใจคนที่เรากำลังให้บริการ เป็นสิ่งที่เราทำได้ดีที่สุด โดยไม่ต้องกังวลว่า ทำแล้วจะได้อะไร หัวหน้าจะรับรู้สิ่งที่เราทำหรือเปล่า มีทฤษฎีเกี่ยวกับอาชีพการงานที่ชื่อว่า “ทฤษฎีความบังเอิญเชิงวางแผน”(Planned Happenstance Theory) ของศาสตราจารย์ จอห์น ครัมโบลทซ์ ที่อธิบายว่า “อาชีพการงานของแต่ละคนนั้น 80% มีที่มาจากความบังเอิญที่ไม่ได้คาดการณ์ไว้ ”
3
เราจึงควรเปิดรับสิ่งที่ไม่เหมือนกับที่เราคาดหวัง เพราะสิ่งนั้นอาจนำเราไปยังโชคที่ไม่คาดคิดก็ได้ และเราควรที่จะสนใจหาโอกาสเรียนรู้ อดทนไม่ย่อท้อ มองโลกในแง่ดี ยืดหยุ่นไม่ยึดติด และกล้าเสี่ยง ออกมาจาก comfort zone เพื่อเผชิญสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ🔑🔑
1
คนเราทุกคนมีเวทย์มนต์วิเศษอยู่กับตัว สิ่งเล็กๆที่เราทำได้เช่น เขียนการ์ดให้กำลังใจเพื่อนร่วมงานที่เหนื่อยล้า ขอบคุณหัวหน้าและเพื่อนที่คอยพร่ำสอนงาน แสดงโชว์อย่างเต็มที่เพื่อทำให้เกสต์ของเรามีความสุข หรือเปิดสวิตซ์เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ตัวเราเองเสมอ จงเอาเวทย์มนต์นี้ออกมาใช้เพื่อสร้างรอยยิ้มและความสุขให้คนรอบตัว🎠🎡🎪
โฆษณา