17 เม.ย. 2021 เวลา 16:11 • ท่องเที่ยว
"Lake Natron" ทะเลสาบมรณะที่ขึ้นชื่อว่าอันตรายและสวยงามที่สุดในโลก
ธรรมชาติมักมีทั้งความสวยงามและรุนแรงในตัว เหมือนกรณีของทะเลสาบมรณะที่ชื่อ "ทะเลสาบเนตรอน (Lake Natron)" แห่งอัฟริกา เมื่อมองจากภาพถ่ายทางอากาศคุณอาจจะมองเห็นแอ่งน้ำสีชมพูสดใสสวยงาม แต่เชื่อหรือไม่ว่าทะเลสาบแห่งนี้คือพื้นที่ขึ้นชื่อว่าอันตรายมากๆ อันตรายขนาดที่ว่าหากมีสิ่งมีชีวิตตกลงไปในทะเลสาบ พวกมันจะกลายเป็นหินได้ในทันที!! คล้าย ๆ กับตำนานของเมดูซ่า
ว่าแต่ทำมั้ยทะเลสาบเนตรอนถึงอันตรายขนาดนั้น คำตอบคือน้ำในทะเลสาบแห่งนี้มีสภาพเป็นด่างสูงมาก (วัดค่า pH ได้สูงถึงระดับ 10.5) ซึ่งสูงมากพอที่จะเผาไหม้ผิวหนังและเนื้อเยื่อของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่เข้าใกล้หรือตกลงไปในทะเลสาบกันเลยทีเดียว สภาพด่างที่สูงขนาดนี้เนื่องจากน้ำในทะเลสาบมีส่วนผสมของสารเคมีอย่าง“เกลือเนตรอน” หรือ โซเดียมคาร์บอเนต เป็นองค์ประกอบที่เข้มข้นมาก
ทะเลสาบแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นชื่อ Ol Doinyo Lengai ซึ่งปล่อยลาวาชนิดพิเศษที่มีส่วนผสมระหว่างแร่โซเดียม (Na2CO3) และ โพแทสเซียมคาร์บอเนต (K2CO3) ที่มีชื่อเรียกรวม ๆ กันว่า Natrocarbonatite หรือ เนตรอน (Natron) ซึ่งมีสภาพเป็นด่าง
ภูเขาไฟ Ol Doinyo Lengai ในประเทศแทนซาเนียคือแหล่งผลิตลาวาที่ทำให้ทะเลสาบนาตรอนมีสภาพเป็นด่างอย่างน่ากลัว [1] [2]
เมื่อฝนตกลงมา น้ำจะซะเอาแร่เนตรอนไหลลงไปรวมกันที่ทะเลสาบ แต่เนื่องจากตัวทะเลสาบเองอยู่ใกล้ภูเขาไฟทำให้น้ำระเหยออกไปเร็วมาก จนทำให้เกลือมีความเข้มขันสูงขึ้นเรื่อยๆ นี้เองเป็นสาเหตุที่ทำน้ำในทะเลสาบมีสภาพเป็นด่างสูงมาก
เรื่องราวของทะเลสาบเนตรอนได้รับความสนใจจากผู้คนทั่วโลกเพราะผลงานของช่างภาพชาวอังกฤษ นิก แบรนท์ (Nick Brandt) ช่างภาพของ NGO ที่ได้ลงพื้นที่มาถ่ายทำสารคดี เขาต้องประหลาดใจซากของสัตว์หลากชนิดนอนเกลื่อนอยู่ใกล้ชายฝั่งทะเลสาบในสภาพที่ถูกเกลือห่อหุ้มทั้งตัวเหมือนมัมมี่
เขาตั้งสมมุติฐานว่าเนื่องจากพื้นผิวของน้ำจะสะท้อนแสงเสมือนกระจกเมื่อมองจากบนฟ้า จากสภาพทะเลสาบที่อิ่มตัวด้วยสารเคมี มันจะสะท้อนภาพออกมาเหมือนกระจก ซึ่งอาจทำให้สัตว์สับสนและคิดว่าพวกมันกำลังบินอยู่เหนือพื้นที่ว่างเปล่า และเมื่อบินลงมาก็สายเกินไปแล้ว เพราะพวกมันจะถูกกัดกร่อนและแช่แข็งเป็นมัมมี่ในเกือบจะทันที เหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับสัตว์เท่านั้นในปี ค.ศ. 2007 ก็เคยมีเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ตกลงมาใกล้ทะเลสาบแห่งนี้ เพราะนักบินสับสนคิดว่าผิวทะเลสาบเป็นพื้นดิน แต่ก็ไม่มีใครเสียชีวิจจากเหตุการณ์นี้
แม้อันตรายแต่ที่นี้คือแหล่งอนุบาลนกฟลามิงโกที่ใหญ่ที่สุดในโลก!!!!
ถึงแม้ทะเลสาบเนตรอนจะอันตรายขนาดนี้แต่พื้นที่รอบๆกลับกลายเป็นแหล่งอนุบาลนกฟลามิงโก้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยสภาพน้ำที่เค็มจัดของทะเลสาบ มันจึงเป็นแหล่งอนุบาลชั้นเยี่ยมของแบคทีเรียชนิด Halophile และ Cyanobacteria ที่มีสีแดง โดยแบคทีเรียเหล่านี้คืออาหารชั้นยอดของเหล่าฟลามิงโก้อีกทีหนึ่ง (สาเหตุที่นกฟลามิงโก้มีสีแดงก็เนื่องมาจากกินแบคทีเรียพวกนี้เข้าไปนั่นเอง)
1
ว่ากันว่าในช่วงฤดูผสมพันธุ์ จะมีนกฟลามิงโกราวๆ 2 ล้านตัว (ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราว 75% ประชากรนกชนิดนี้ในธรรมชาติ) จะใช้ทะเลสาบที่ตื้นเขินแห่งนี้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์หลักในทวีปแอฟริกา โดยพวกมันจะใช้พื้นที่เกาะเล็ก ๆ กลางทะเลสาบเป็นแหล่งหากินและอนุบาลลูกอ่อน
ชะตากรรมอันเปราะบางของทะเลสาบเนตรอน!!!
ด้วยความที่ทะเลสาบเนตรอนเป็นแหล่งน้ำปิด ทำให้มันเป็นระบบนิเวศน์ที่เปราะบางและสุ่มเสี่ยงอย่างมากหากขาดน้ำมาหล่อเลี้ยง แม้พื้นที่รอบ ๆ ทะเลสาบจะถูกประกาศเป็นพื้นที่อนุรักษ์ตามอนุสัญญาแรมซาร์ แต่ก็ดูเหมือนว่าทะเลสาบกำลังเผชิญกับปัญหาใหญ่ในไม่ช้าเพราะรัฐบาลท้องถิ่นมีแผนสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในบริเวณใกล้ๆ ซึ่งจะทำให้มีน้ำไหลลงทะเลสาบน้อยลงจากการกักน้ำของเขื่อน
ด้วยอัตราการระเหยที่เร็วและขาดแคลนน้ำ อาจทำให้ระบบนิเวศน์ที่เปราะบางของทะเลสาบแห่งนี้ล่มสลายในไม่ช้า และอีกปัญหาหนึ่งที่สำคัญคือโครงการพัฒนาโรงงานผลิตโซดาแอซจากเกลือเนตรอนใกล้ชายฝั่งทะเลสาบ ที่กำลังจะเกิดขึ้นอาจรบกวนแหล่งที่อยู่ของฟลามิงโก จนทำให้ประชากรพวกมันลดลง
โฆษณา