17 เม.ย. 2021 เวลา 16:10 • นิยาย เรื่องสั้น
#คนทุ่งสงรู้จักปั๊มนี้ไหม #แปะเพื่อนมาอ่านด่วน
เรื่องชวนขนหัวลุกของคณะเดินทาง ที่เดินทางมาจาก อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อมุ่งหน้าสู่ จ.สุราษฎร์ธานี จากการเดินทางติดต่อกันหลายชั่วโมง จึงทำให้ทุกคนลงความเห็นที่จะ "แวะปั๊มน้ำมัน" เพื่อเข้าห้องน้ำ และนี่คือจุดเริ่มต้นความสยองของเรื่องนี้
( เพื่อความบันเทิง โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม )
เวลาประมาณหกโมงครึ่งของเย็นวันที่ 25 มีนาคม ที่โรงแรมซากุระ หาดใหญ่ ทีมงานของเราเก็บข้าวของออกจากโรงแรมหลังจากที่ได้มาบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับสินค้าของบริษัทให้สมาชิกฟัง แสงแดดที่เคยสาดส่องบริเวณหน้าโรงแรมเมื่อตอนเที่ยงหายไปหมดแล้ว อากาศจึงเย็นสบาย หลังจากนี้เรามีโปรแกรมจะไปกินข้าวเย็นกันที่ ”ร้านกันเอง” ซึ่งเป็นร้านประจำที่อยู่ในตัวเมือง ตอนแรกทางทีมงานก็ชวนน้องๆที่สาขาหาดใหญ่ให้ไปกินข้าวด้วยกัน แต่ทุกคนติดภารกิจจึงขอตัว พวกเราจึงได้แค่ไปส่งที่สาขาและช่วยขนสินค้าที่เหลือจากการขายไปเก็บให้ด้วย หลังจากร่ำรากันพอเป็นพิธีเราก็ไปกินข้าวตามแผนที่วางไว้ ซึ่งหลังจากกินข้าวเสร็จ พวกเราจะต้องเดินทางอีกประมาณ 300 กิโล เพื่อไปพักที่ สุราษฎร์ วันรุ่งขึ้นจะได้เดินทางกลับกรุงเทพโดยไม่เหนื่อยมากนัก บรรยากาศและรสชาติอาหารที่ร้านกันเองยังทำให้เราประทับใจกันเหมือนเดิม โดยเฉพาะน้องเกียร์เจ้าหน้าที่ธุรการสาว น้องใหม่ที่เพิ่งเดินทางมาหาดใหญ่กับเราเป็นครั้งแรก ก็ยังอดเอ่ยปากชมว่าอร่อยไม่ได้
พวกเราใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็จัดการกับอาหารที่อยู่บนโต๊ะจนเกลี้ยง ตอนนั้นเวลาประมาณสองทุ่มแล้ว เราต้องรีบเดินทางไปที่สุราษฎร์ เพราะโรงแรมนิภา ที่เราจะไปพักบอกว่าเราต้องเข้าไปเช็คอินก่อนสี่ทุ่ม ช้าได้ไม่เกินห้าทุ่ม (นี่กูจะไปนอนนะ ไม่ได้เช็คอินขึ้นเครื่องไปต่างประเทศ ทำไมต้องกำหนดเวลากันด้วย) ด้วยความเป็นโชว์เฟอร์มืออาชีพของพี่เอ คนขับรถมากประสบการณ์ของบริษัท เราใช้เวลาแค่ชั่วโมงกว่าๆ ก็เดินทางมาเกือบถึง อ.ทุ่งสง นั่นหมายความว่าเราออกจากหาดใหญ่มาแล้วกว่าร้อยกิโล สองข้างทางที่คณะทำงานของเรานั่งรถผ่านมานั้นไม่ค่อยมีแสงสว่างมากนัก จะมีแต่ก็เฉพาะแยกใหญ่ๆ หรือตัวอำเภอที่ผ่านเท่านั้น หลายครั้งที่ผมแอบชำเรืองมองดูที่หน้าปัดตรงหน้าคนขับ ซึ่งเห็นเข็มไมล์บอกความเร็ว ไปหยุดอยู่ที่ 170 กม./ชม. มันทำให้ผมอดเป็นกังวลกับความเร็วขนาดนี้ไม่ได้ จนหลายครั้งผมต้องนั่งลุ้นและช่วยพี่เอเหยียบเบรกอยู่บ่อยๆ
รถของเรามุ่งหน้ามาด้วยความเร็วเพื่อแข่งกับเวลา เสียงเครื่องยนต์ขนาด 2500 ซีซี ครางกระหึ่มดังแหวกอากาศมาในยามค่ำคืน นานๆ ถึงจะมีรถขับสวนมาสักครั้ง หรือได้เจอเพื่อนที่มุ่งหน้าไปในเส้นทางเดียวกันซึ่งส่วนใหญ่ก็มีแต่รถบรรทุก แต่ทุกอย่างก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อยแม้จะหวาดเสียวไปบ้างก็ตาม ผมเองซึ่งนั่งอยู่ด้านหน้าคู่กับคนขับจะสังเกตป้ายบอกทางและหลักกิโลอยู่เสมอ รถตู้โตโยต้าของบริษัทออกจากเขตเมืองพัทลุง ทิ้งห่างออกมาเรื่อยๆ จนเข้าเขตนครศรีธรรมราช รถวิ่งผ่าน อ.จุฬาภรณ์มาได้ไม่นาน ผมก็สังเกตเห็นป้ายบอกระยะทาง อีกประมาณ 30 กิโล จะถึงทุ่งสง เสียงพี่ดา หนึ่งในทีมงานของเราก็พูดเสียงดังมาจากที่นั่งหลังรถว่า
“พี่เอ แวะปั้มด้วยนะคะ”
น้ำเสียงฟังดูแล้วเหมือนขอร้องแกมบังคับนิดๆ อย่าว่าแต่พี่ดาเลย ผมและทุกๆคนในรถก็อยากเข้าห้องน้ำเช่นเดียวกัน เพราะตั้งแต่ออกจากหาดใหญ่มา เรายังไม่ได้แวะพักที่ไหนเลย แต่ก็ไม่ใช่ว่าปั้มน้ำมันจะมีให้เรามากนัก หลังจากสิ้นเสียงของพี่ดา เราต้องขับรถมาอีกนับสิบกิโล ถึงได้เห็นป้ายปั้มน้ำมันอยู่ลิบๆ โชว์เฟอร์มากประสบการณ์วัยสามสิบปลายๆ ตบไฟเลี้ยวซ้ายทันที
เมื่อรถแล่นใกล้เข้าไปเรื่อยๆ ผมสังเกตเห็นว่าป้ายไฟของปั้มนั้น เป็นโลโกของปั้ม ปตท. แต่ข้างล่างถัดจากโลโกปั้มลงมาไม่มีป้ายอื่นๆอยู่ ซึ่งโดยปรกติแล้วจะต้องมีป้าย 7-11 ร้านกาแฟอเมซอน หรือป้ายเคาท์เตอร์เซอร์วิส แต่ที่นี่ไม่มี....!!!!
โดยไม่ทันที่จะมีใครพูดอะไร รถตู้โตโยต้า หลังคาสูงสีขาว ที่บรรทุกคณะทำงานมาทั้งหมด 6 ชีวิต ก็เลี้ยวเข้าไปใน “ปั้มน้ำมัน” นี้เรียบร้อยแล้ว แน่นอนนี่คือปั้ม ปตท. แบบเก่าที่ยังไม่ได้ปรับปรุงใหม่ ไม่มีเซเว่น ไม่มีร้านกาแฟ ไม่มีร้านอาหาร และไม่มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการ มีก็แต่แสงไฟแต่ไม่ค่อยสว่างนัก ผมเห็นเด็กปั้มนั่งอยู่ที่ข้างๆหัวจ่าย 2 คน สายตาที่จ้องมองมาที่พวกเรา ทำให้เรารู้สึกเหมือนเป็นคนแปลกหน้าที่เข้ามาในที่ที่ไม่ควรเข้า ตรงทางเข้าปั้มและบริเวณรอบๆ มีหญ้าขึ้นรก แต่ก็ยังเดินได้สะดวก ด้านหลังเป็นห้องน้ำ และโรงจอดรถ ซึ่งดูแล้วเหมือนมันเคยทำหน้าที่เป็นอู่ซ่อมรถมาก่อน ภายในมีรถบรรทุกน้ำมันเก่าๆ จอดอยู่ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันไม่ได้ทำหน้าที่ของมันมานานเท่าไรแล้ว ด้านหลังถัดออกไปเป็นป่ายางสูงลิ่ว ทึบทมึนทาบกับขอบฟ้าที่มืดสนิทไม่แพ้กัน ดูแล้วเสมือนปราการที่กั้นไว้กับอีกโลกหนึ่งก็มิปาน
“ไหนล่ะห้องน้ำ”
นั่นคือสิ่งแรกที่พี่เอพูดออกมา
ผมมองไปเห็นแสงไฟ สลัวด้านหลังปั้มจึงชี้มือบอกแทนคำพูด พาหนะของเราจึงค่อยๆเคลื่อนไปยังเป้าหมาย รถไปหยุดอยู่ที่หน้าห้องน้ำและเป็นรถจากข้างนอกเพียงคันเดียวที่อยู่ที่นั่น ดูจากสภาพของห้องน้ำแล้ว ยังไม่มีใครกล้าเปิดประตูลงจากรถ เสียงพี่เอจึงดังมาว่า
“จะเข้าหรือเปล่า”
เหมือนจะเป็นการหยั่งเสียงและไม่อยากเสียเวลากับที่นี่มากนัก
“เข้าซิ ปวดฉี่จนทนไม่ไหวแล้ว”
พี่ดา หนึ่งในสมาชิกพูดออกมาพร้อมกับลุกขึ้นเพื่อจะลงจากรถ
ทุกๆคนจึงลงจากรถกันหมดเพื่อที่จะไปเข้าห้องน้ำ เพราะเราก็ไม่รู้ว่าอีกไกลแค่ไหนถึงจะเจอปั้มน้ำมันอีก
ทันทีที่ผมก้าวท้าวลงจากรถ ผมรู้สึกเย็นขึ้นมาอย่างประหลาด ทั้งที่ใบไม้บริเวณรอบๆไม่กระดิก ไม่มีลมพัดมาสักนิด หรืออาจเป็นเพราะฝนที่เพิ่งซาเม็ดไปก็เป็นได้ เพราะยังเห็นมีน้ำเจิ่งนองอยู่ที่หน้าห้องน้ำ และบนท้องฟ้าก็ยังมีแสงแลบแปลบปลาบ ซึ่งเราก็ยังไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้าเราจะเจอพายุฝนหรือไม่.....
ห้องน้ำโทรมๆที่อยู่เบื้องหน้าของคณะเดินทางในตอนนี้ ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนเหมือนห้องน้ำทั่วๆไป คือของผู้ชายอยู่ด้านซ้ายและของผู้หญิงด้านขวา ภายในถูกแบ่งออกเป็นห้องน้ำเล็กๆ อีกส่วนละสองห้อง ด้านหน้ามีอ่างล้างมือรวมสำหรับทุกคนประมาณ 3 อ่าง แต่ดูจากสภาพแล้วน่าจะไม่พร้อมให้พวกเราใช้งานมากนัก ถ้ามองเข้าไปจากด้านหน้าจะเห็นห้องน้ำห้องแรกของผู้ชายอยู่ตรงกับทางเข้าพอดี ผมไม่รู้ว่าห้องน้ำหญิงสภาพเป็นอย่างไร แต่ห้องน้ำชายประตูเปิดอ้าอยู่มองเห็นโถส้วมแบบนั่งยองๆ และอ่างน้ำที่ก่อด้วยอิฐทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าสูงประมาณฟุตครึ่งอยู่ทางขวามือ บนขอบอ่างมีขันน้ำพลาสติกสีเขียวคล้ำเก่าคล่ำคร่าวางอยู่ ดูจากสภาพแล้วมันไม่น่าเชิญชวนให้เข้าไปใช้บริการนัก ด้านหลังห้องน้ำเป็นที่สำหรับปัสสาวะของผู้ชาย ซึ่งแน่นอนว่าผู้ชายอย่างพวกเราก็ใช้บริการตลอดเพราะสะดวกกว่านั่นเอง ถ้าปวดท้องหนักจริงๆ ถึงจะเข้าห้องน้ำ บริเวณรอบๆ มีหญ้าขึ้นรก เรียกว่าที่ไหนมีพื้นดินที่นั่นก็มีหญ้าวัชพืชขึ้นเต็มไปหมด เหมือนไม่มีคนดูแลมานาน แม้จะเห็นเค้าลางของต้นไม้ดอกไม้ประดับที่เคยปลูกอยู่บ้าง แต่ก็โทรมจนแทบสังเกตไม่ได้จริงๆ ด้านขวามือมีถังเก็บน้ำขนาดใหญ่สูงประมาณ 10 เมตร ตั้งทะมึนเหมือนป้อมปราการที่คอยสกัดกั้นคนที่จะล่วงล้ำเข้ามา บนถังเก็บน้ำมีคราบตะไคร่น้ำขึ้นจับเขียวเต็มไปหมด มันเป็นภาพที่ไม่น่าดูนักโดยเฉพาะในช่วงเวลาเช่นนี้....
ขณะที่ผมยังยืนนิ่งอยู่กับที่ด้วยความรู้สึกที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก พี่ดากับน้องเกียร์ สองสาวของคณะเดินทางก็รีบเดินเข้าห้องน้ำพร้อมกับเสียงบ่นพึมพำตามประสาของผู้หญิง ถึงสภาพอันย่ำแย่ของมัน ฝ่ายชายโดยมี ผม พี่หยกและพี่แชมป์ สองผู้จัดการของบริษัทเดินไปที่โถปัสสาวะบริเวณด้านหลัง ส่วนพี่เอ พขร.ของเรา ยังยืนสูบบุหรี่อยู่ที่ข้างรถ พ่นควันสีขาวลอยขึ้นไปในอากาศที่อับชื้นหลังฝนตก...
ถึงแม้สภาพห้องน้ำจะดูย่ำแย่นักแต่ก็ยังถือว่าใช้การได้ แม้จะไม่สะอาดเอี่ยมอ่องเหมือนปั้ม ปตท.ที่ได้มาตรฐานทั่วไป และแม้จะมีกลิ่นอยู่บ้างแต่ก็ยังไม่ถึงกับเหม็นมากนัก ด้านหลังที่ผมและพี่ๆทั้งสองคนทำธุระส่วนตัวอยู่นั้นเป็นสวนยางพาราหนาทึบสูงชะรูด บริเวณพื้นดินมีหญ้าขึ้นรกเหมือนถูกทิ้งร้างมานาน ถ้าไม่เห็นต้นยางที่ถูกปลูกเรียงเป็นแถวแล้วสภาพมันก็คือป่าทึบดีๆนั่นเอง ดูจากสภาพแล้วเหมือนจะไม่มีใครมากรีดเอาน้ำยางจากต้นมานาน กะลาที่เคยใช้รองน้ำยางที่ผูกติดกับต้นหลายใบหลุดร่วงหายไป มีบางส่วนที่ยังติดห้อยต่องแต่งอยู่แต่ก็คงใช้การอะไรไม่ได้ หลังห้องน้ำกับสวนยางอยู่ติดกันโดยที่ไม่มีรั้วกัน ห่างกันเพียงสองสามก้าวเท่านั้นเอง...
ขณะที่พวกเรากำลังทำธุระกันอยู่นั้น จู่ๆก็มีลมพัดมาจากในสวนยางวูบหนึ่ง เสียงใบของต้นยางที่ถูกลมพัดดังซู่ขึ้นมาทันทีท่ามกลางความเงียบ...!!!
พร้อมกับกลิ่นสาบสางปนอับทึบที่โชยมาปะทะกับโสตนาสิก...!!!
มันเป็นกลิ่นของอะไรผมก็บรรยายไม่ถูกเหมือนกัน ไม่มีใครพูดอะไร พวกเรารีบทำธุระให้เสร็จและเดินออกมาที่หน้าห้องน้ำทันที ซึ่งก็สวนกับพี่เอที่เดินเข้าไปปัสสาวะด้านหลังเช่นกัน สองสาวยังทำธุระไม่เสร็จ และยังได้ยินสียงสนทนาในห้องน้ำหญิงแว่วดังมาให้เราได้ยินเป็นระยะ
“เห็นแล้วนึกถึงห้องน้ำในหนังที่ไอ้เปิ้ลกับไอ้หอยเล่นเลย”
พี่หยก ผจก.ทั่วไปฝ่ายการตลาด เอ่ยขึ้นเหมือนจะชวนคุยเพื่อรอคนขับรถและสองสาวทำธุระให้เสร็จ
เรายืนคุยกันอยู่ที่ข้างรถ เพราะว่ารถถูกล็อคประตูไว้ทำให้ยังขึ้นรถไม่ได้ ซึ่งมีพี่แชมป์ยืนมองสำรวจสถานที่อยู่ใกล้ๆ
“เอ หนังเรื่องอะไรนะ ที่ไอ้เปิ้ลกับไอ้หอยเล่นน่ะ สภาพห้องน้ำแบบนี้เลย” พี่หยกพยามทบทวนความจำ
“โกยเถอะเกย์ พี่” ผมเพิ่งนึกออก
“เออ ใช่ๆ ที่มันไปเข้าห้องน้ำกัน สภาพแบบนี้แหละ” พี่หยกสำทับมาอีกครั้ง
พี่หยกพูดไม่ทันขาดคำ พี่ดากับน้องเกียร์ ผู้หญิงเพียงสองคนของทีมงานก็เดินออกมาจากห้องน้ำ โดยมีน้องเกียร์เดินจ้ำนำมาข้างหน้าเนื่องจากเป็นคนที่ขี้กลัวอยู่แล้ว โดยเฉพาะกับสภาพแวดล้อมแบบนี้ยิ่งทำให้คิดไปได้ต่างๆนาๆ
พร้อมกัน พี่เอ สารถีแห่งเมืองโอ่ง ก็เดินออกมาจากด้านหลังของห้องน้ำผู้ชายเช่นกัน สรุปว่าทุกคนทำธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ตำแหน่งที่ผมยืนคุยกับพี่หยกนั้น อยู่ตรงหน้าห้องน้ำผู้ชายพอดี ห่างกันประมาณ 5 เมตรเห็นจะได้
ผมมองไปที่พี่เอที่กำลังเดินมาที่รถ พร้อมกับมือที่กำลังล้วงกุญแจรถเพื่อกดรีโมทเปิดประตู
แต่...ทันใดนั้น...!!!!
สิ่งที่ผมเห็นด้านหลังพี่เอ ในห้องน้ำชายที่ประตูเปิดกว้างอยู่ มันทำให้ผมเย็นวาบไปทั้งตัวตั้งแต่หัวยันปลายเท้า
อณูขนทุกเส้นในร่างกายตั้งชูชันไปหมด ผมยืนนิ่ง เหงื่อเริ่มซึมออกมา ทั้งๆที่ผมรู้สึกหนาวสั่นเหมือนจะเป็นไข้ .....
สิ่งที่ผมเห็นคือ ผู้หญิงในชุดสีขาวเปื้อนโคลนขมุกขมอม ผมหยักศกยาวสีดำสนิทห้อยลงมาปิดใบหน้าด้านข้างทั้งหมด นั่งอยู่บนขอบของอ่างน้ำหันด้านข้างมาทางประตูห้องน้ำ หัวตั้งตรงหันหน้าไปที่ผนังด้านซ้ายของห้องน้ำ มือสีขาวซีดห้อยอยู่ที่ข้างลำตัว เท้าทั้งสองข้างตั้งชันกับพื้นห้องน้ำ ทั้งตัวของเธอเปียกโชก ผมเห็นแม้กระทั่งน้ำที่หยดลงมาจากปลายเส้นผมของร่างนั้น ภาพที่เห็นทำให้ผมยืนนิ่งเป็นเหมือนถูกสาปให้เป็นหิน เวลาจะผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้ แต่ผมรู้สึกว่าเหมือนผมจะถูกตรึงให้อยู่ในสภาพนั้นนานนับปี ในใจเต้นระทึกและอยากจะร้องตะโกนออกมาดังๆ แต่ในลำคอแห้งผาก ปากเหมือนถูกยึดไว้ด้วยกาวตราช้าง ไม่สามารถจะเปล่งอะไรออกมาได้แม้แต่เสียงอุทาน...!!
ร่างนั้นค่อยๆขยับ...!!! และเริ่มหันหน้ามาทางผมช้าๆ.....ช้าๆ...
ผมไม่อยากเห็นภาพนั้น แต่ตอนนี้ผมทำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่จะหลับตา...!!!
ก่อนที่ผมจะทันเห็นใบหน้าของร่างนั้นอย่างชัดเจน
ทันที สติของผมก็กลับคืนมาอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงพี่แชมป์เรียกให้ขึ้นรถ ผมหันหลังกลับรีบก้าวขึ้นรถในทันที
มือซ้ายที่สั่นระริกรีบเอื้อมไปปิดประตูรถ ขนที่แขนยังลุกตั้งอยู่ไม่หาย มือขวาที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อและสั่นไม่แพ้มือซ้ายกุมพระห้อยคอที่แกะจากไม้พญางิ้วดำไว้แน่น.....“คิดว่าจะไม่กลับ มัวทำอะไรอยู่”
พี่แชมป์ที่นั่งอยู่ที่เบาะผู้โดยสารข้างหลังผมถามมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่จริงจังนัก
ผมไม่ได้ตอบอะไรออกไปเพราะในใจตอนนี้มันสับสนกระเจิดกระเจิงไปหมด แต่
โฆษณา