18 เม.ย. 2021 เวลา 12:21 • การศึกษา
ผลตอบแทน หรือ ความมั่นคง
คนยุค Baby Boomer เลือกลงทุนในที่ดิน ทองคำ
คนยุค Gen X เกิดตลาดหุ้น นิยมลงทุนในหุ้น
คนยุค Gen Y เกิดตลาดอนุพันธ์ นิยมลงทุนในตลาดอนุพันธ์
คนยุค ปัจจุบัน เกิด Crypto Currency นิยมลงทุนในตลาดคริปโท (ซึ่งสามารถเลือกลงทุนแบบวางหลักประกัน (leverage) ได้สูงถึง 125 เท่า ของเงินต้น)
จะเห็นว่าคนรุ่นใหม่กว่ามองหาผลตอบแทนที่สูงกว่าด้วย คนรุ่นเก่า หวังผลตอบแทนเฉลี่ยจากที่ดินและทองคำเพียงแค่เอาชนะเงินเฟ้อ
คน Gen X หวังผลตอบแทนเฉลี่ยจากหุ้นระดับ 10-20% ต่อปีก็หรูแล้ว
คนรุ่นหลังจากนั้น หวังผลตอบแทน 10% ต่อเดือน
ผมเห้นหลายคนโชว์พอร์ตกำไรจากตลาดคริปโท 100% -1000% ต่อวันก็มีมาแล้ว
แล้วเราควรจะเลือกทางไหน ระหว่าง ผลตอบแทนสูงๆ (ซึ่งก็เสี่ยงสูง) หรือ เลือกความมั่นคง (หรือผันผวนน้อยกว่า เสี่ยงต่ำกว่า)
กลับมาที่โพสท์ก่อนหน้า ผมเสนอแบบแผนการลงทุน 4 แบบ แล้วชวนคุณคิดว่า หากเป็นคุณจะเลือกแบบแผนการลงทุนแบบไหน โดยทุกแบบ หากมองที่ตัวเลขผลตอบแทนรวม จะได้ตัวเลขเท่ากันคือ 45%
แต่ ในบทความที่แล้ว ได้พูดถึงความมหัศจรรย์ของดอกเบี้ยทบต้น ซึ่งหมายความว่า 100 บาทในวันนี้ มีค่าไม่เท่ากับ 100 บาทในอนาคต (ผลจากดอกเบี้ย/เงินเฟ้อ เงินในอดีตมีค่ากว่าปัจจุบัน เงินในปัจจุบันมีค่ากว่าเงินในอนาคต) เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบระหว่างโครงการลงทุนต่างๆ กัน เราจึงไม่สามารถมองไปที่ตัวเลขผลรวมแบบง่ายๆ แต่ต้องคำนึงถึง ผลกระทบของดอกเบียทบต้นในระหว่างการลงทุนด้วย
จะเห็นว่า จาก 4 แบบการลงทุนที่ผมได้เสนอไปแล้ว มีเพียงแบบที่ 1 เท่านั้น ที่ให้ผลตอบแทนเเฉลี่ย 5% จริงๆ ตลอดช่วงเวลาที่ลงทุน 9 ปี ส่วนแบบอื่นๆ ให้ผลตอบแทนไม่ถึง 5% เลย โดยเฉพาะแบบสุดท้ายได้ผลตอบแทนเฉลี่ย แค่ 2.3% ไม่ถึงครึ่งของแบบแรก
ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
ก็เพราะอิทธิผลของดอกเบี้ยทบต้นอีกนั่นแหละ
ดอกเบี้ยทบต้นสามารถทำให้เงินลงทุนโตได้ไวเพียงใด
ดอกเบี้ยทบต้นก็สามาถทำให้คุณห่างจากเป้าหมายมากขึ้นเท่านั้น (หากขาดทุน)
ลองคิดตามนี้ครับ
ลงทุน 100 บาท ขาดทุน 50% หรือ 50 บาท
ปีต่อไป เพื่อให้ได้ทุนคืน เราต้องทำ กำไร 100% เพื่อให้มีกำไร 50 บาท เท่ากับที่เสียไปในปีแรก
ด้วยเหตุนี้เอง ยิ่งขาดทุนเยอะ ยิ่งต้องทำกำไรมากขึ้นเพื่อชดเชย
และนี่เองทำให้แบบลงทุนแบบที่ 4 จึงให้ผลตอบแทนการลงทุนแย่ที่สุดใน 4 แบบ
เอาหละ มาถึงประเด็นที่อยากพูด เสียที เกริ่นมานาน
กฏข้อแรกของการลงทุน
"จงอย่าขาดทุน"
1
กฏข้อนี้ตลอดชีวิตการลงทุนของลุงจอนไม่เคยมีใครบอกว่ามันสำคัยเพียงใด ต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองก็ผ่านมาแล้วเป็นสิบๆ ปี
เพราะ ลุงจอนมัวแต่ไล่ล่า "ผลตอบแทน" ยึดมั่น ถือมั่นว่า ทำผลตอบแทนจากหุ้นได้ปีละ หลายสิบเปอร์เซนต์ (ในบางปี) คือเก่ง บางปีขาดทุนก็ไม่เป็นไร
แต่กลายเป็นว่า ลงทุนอย่างไรพอร์ตก็ไม่โต ผิดกับคนอื่น ซื้อกองทุนผลตอบแทนปีละไม่ถึง 10% แต่ ทำไมพอร์ตเขาโตวันโตคืน
มันเป็นไปไม่ได้หรอก ที่จะทำให้ทุกการลงทุนของคุณมีแต่กำไร ไม่ขาดทุน
แต่ ด้วยการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม คุณสามารถเลี่ยงการขาดทุน โดยรวมของคุณได้
เครื่องมือนักลงทุนทั่วโลกใช้กันก็คือ "การกระจายความเสี่ยง"
แล้วเรามาพูดกันเรื่องการกระจายคามเสี่ยงในบทความต่อไป
โฆษณา