สายโลหิต
นอกจากไพรัชนิยายเรื่อง ‘ฟ้าจรดทราย’ แล้ว นวนิยายของโสภาค สุวรรณ นักเขียนที่วัยรุ่นยุคเบบี้ บูมเมอร์ต่างรู้จักและเคยอ่านผลงานของนักเขียนท่านนี้กันมาแล้วทุกคน น่าจะมีนวนิยายพีเรียดเรื่องนี้รวมอยู่ด้วย
'สายโลหิต' ได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรกลงในนิตยสารสตรีสารรายสัปดาห์ ก่อนที่จะตีพิมพ์รวมเล่มในเวลาต่อมา เป็นนวนิยายที่เขียนอิงมาจากประวัติศาสตร์ในสมัยอยุธยาตอนปลายก่อนเสียกรุงให้กับข้าศึก กรุงศรีอยุธยาในตอนนั้นอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข ไม่ได้ทำศึกสงครามกับพม่ามาเป็นเวลานานถึงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบกว่าปีแล้ว ชาวกรุงศรีอยุธยาจึงใช้ชีวิตบนความชะล่าใจ เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะความประมาท ไม่เตรียมพร้อมฝึกปรือการรบ ความขัดแย้งสืบเนื่องมาจากความไม่สามัคคี และการทำลายฆ่าฟันกันเอง อันเป็นผลให้คนดีมีฝีมือลดน้อยลง จนกลายเป็นเหตุให้ข้าศึกตีกรุงศรีอยุธยาแตกพ่ายได้ในที่สุด
นวนิยายพีเรียดเรื่องนี้เป็นเสมือนกระจกเงาที่สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของความรักความสามัคคีของคนในชาติ เป็นอุทาหรณ์สอนใจไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกครั้ง แม้ว่าเราจะอยู่ต่างยุคต่างวาระแล้วก็ตาม
ความดีงามของนวนิยายเรื่องนี้ ส่งผลให้มีการแปล 'สายโลหิต'เป็นภาษาอังกฤษขึ้น ตามพระราชประสงค์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เพื่อให้เป็นการเผยแพร่ความดีงาม ความเป็นไท รักในอิสระเสรีของคนไทย ซึ่งเป็นมรดกตกทอดทางสายเลือดมาถึงคนไทยในทุกวันนี้
'สายโลหิต' มีตัวละครสำคัญอยู่ 4 ตัวละครด้วยกัน คือย่านิ่มและดาวเรือง ย่าที่รักใคร่เลี้ยงดูดาวเรืองมาตั้งแต่ยังเด็ก เด็กหญิงที่ฉลาดใฝ่รู้ อ่านออกเขียนได้ตั้งแต่ยังเล็ก ช่างซักช่างจำนรรจา ชอบออกจากบ้านเที่ยวเล่นศึกษาหาความรู้ตามที่ต่างๆ ถูกตามใจโดยขุนไกร ขุนนางหนุ่มที่เป็นคนรักเด็ก เอ็นดูดาวเรืองเหมือนน้องสาวคนเล็ก ชอบจูงมือพาไปเที่ยวชมตามที่ต่างๆ
และเมื่อต้องไปรบทัพจับศึกที่หัวเมืองเป็นเวลานานหลายปี กลับมาอีกทีดาวเรืองก็ได้เปลี่ยนจากเด็กหญิงตัวเล็กๆกลายเป็นกุหลาบแรกแย้มที่ขุนไกรหลงรักเข้าอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว และต้องคอยระวังคู่ปรับอย่างหมื่นทิพเทศา ขุนนางหนุ่มตัวร้ายในเรื่องที่จ้องคอยจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของขุนไกร
ความสัมพันธ์ที่บริสุทธิ์และผูกผันของขุนไกรกับแม่หญิงดาวเรือง คงสร้างความประทับใจรับจากผู้จัดละครไม่น้อย นวนิยายพีเรียดเรื่องนี้ถึงได้รับการสร้างให้เป็นละครโทรทัศน์ถึง 4 ครั้งด้วยกัน และครั้งที่ได้รับความนิยมและความสำเร็จมากที่สุด คือเมื่อครั้งศรราม เทพพิทักษ์ รับบทเป็นขุนไกร และสุวนันท์ คงยิ่ง รับบทเป็นแม่หญิงดาวเรืองในปีพ.ศ.2538 ละครเรื่องนี้ประสบความสำเร็จอย่างที่ต้อวเรียกว่าถล่มทลาย และสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ได้นำกลับมารีรันหลายครั้ง โดยครั้งสุดท้ายคือในปีพ.ศ.2559
และความสำเร็จของละครเวอร์ชั่นในปีพ.ศ.2538 นี่เอง ที่ทำให้คนเขียนถึงกับต้องไปตามหานวนิยายเรื่อวนี้มาอ่าน ซึ่งเมื่ออ่านแล้วก็ไม่ผิดหวัง กลับประทับใจและซาบซึ้งกับเนื้อหาในนวนิยายพีเรียดเรื่องนี้ยิ่งกว่าละครโทรทัศน์เสียอีก
สมกับเป็นผลงานชิ้นเยี่ยมอีกเรื่องหนึ่งของ ‘โสภาค สุวรรณ’ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปีพ.ศ.2556 อย่างแท้จริง
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
