19 เม.ย. 2021 เวลา 17:36 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
ดูหนัง..ฟัง M Talk [EP.8]
17 ธันวาคม : ITO - Our Tapestry of Love
ทำไมหนังรักญี่ปุ่นถึงเรียกน้ำตา ?
Intro
สวัสดีครับคุณผู้ฟัง.. ผม เฮนรี่ ทราน กลับมาพบกันในโลก Podcast .. โลกที่กว้างใหญ่ไพศาล โลกที่เต็มไปด้วยเสียง กับรายการ Podcast คุยเรื่องหนังมันส์ๆ สาระแน่นๆ ที่จะทำให้คุณรู้จักหนังมากกว่าที่คุณเคยรู้ ใน…
ดูหนัง..ฟัง M Talk
เปิดรายการ
(Improvised)
หนังรักเรียกน้ำตาของผม ดูกี่ทีก็ร้องไห้คือ...
( เล่าถึงความทรงจำที่มีต่อหนังเรื่องนี้ )
* ทุกวันนี้ หากคุณผู้ฟังสังเกตหนังญี่ปุ่นที่เข้าฉายในบ้านเรา จะพบว่ามีอยู่แนวนึงเข้าฉายเป็นระยะ นั่นคือ หนังรักโรแมนติก-ดราม่า เรียกน้ำตา ฟีลอารมณ์มาเต็ม และเนื้อเรื่องกระแทกใจคนดู
* แล้วทำไมหนังญี่ปุ่นที่เล่าเรื่องแบบเรียบๆ เรื่อยๆ แต่สุดท้ายก็ทำเอาเราร้องไห้สะอึกสะอื้นทุกที .. ด้วยความอยากรู้ ผมเลยไปค้นข้อมูล จนได้พบกับบทความนึงที่ได้ทำการวิเคราะห์และสรุปออกมาเป็น 5 ข้อ ซึ่งผมก็ได้นำมาสรุปในแบบของผม เพื่อบอกเล่าสู่คุณผู้ฟัง ดังนี้ครับ
1. เล่าเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นจริงในชีวิตคนดู
จะมีอะไรทำให้หนังเรียกน้ำตาเวิร์คไปกว่าการเล่าเรื่องราวที่มัน ‘อาจเกิดได้จริง’ กับทุกคน ต่อให้เป็นหนังหรือแอนิเมชั่นก็ตาม .. ในเมื่อเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวก็ย่อมทำให้คนอินได้ง่าย อย่างเรื่อง ‘เมื่อซากุระร่วงโรย’ หรือ 5 Centimeters Per Second แอนิเมชั่นที่เล่าเรื่องความเหงาของคนเมืองกับความสัมพันธ์ของคนรัก เพราะหลายคนย่อมเคยมีรักแรกพบ / รักทางไกล / หรือรักที่หลุดพ้นจากมือไป เลยจับใจคนได้ง่าย
หรือหนังเรื่อง After The Storm ก็ทิ้งปมคำถามได้ดีตั้งแต่เริ่มว่า สุดท้ายชีวิตของคนทำงานอาจออกมาไม่งดงาม ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต ทั้งเรื่องงานและครอบครัว เหมือนอย่างในฝัน หลายๆ คนที่ดูก็อาจตกอยู่ในสภาวะเดียวกันกับตัวเอก หรือไม่ก็กลัวว่าตัวเองจะเป็นเหมือนตัวละครในเรื่อง จึงคล้อยตามกับเนื้อเรื่อง จนต่อมน้ำตาของคนดูที่อยู่ในวัยเดียวกับตัวละคร ทำงานง่ายขึ้น
รวมถึงการที่ตัวละครค้นพบว่าตัวเองป่วยเป็นโรคร้าย มีชีวิตอยู่บนโลกได้อีกไม่นาน ก็จัดอยู่ในหัวข้อนี้เช่นกัน
2. สร้าง ‘ช่องว่าง’ ระหว่างฉาก
อย่างหนึ่งที่มักเกิดขึ้นในหนังญี่ปุ่นคือฉากทิ้งว่าง โล่งๆ แพนภาพไปไกลๆ เห็นเส้นขอบฟ้า แสงตะวัน ผืนหญ้า ท้องทะเล หรืออีกแบบคือการซูมโฟกัสไปยังวัตถุใดวัตถุหนึ่งที่ควรจะมีคนมาร่วมกิจกรรม แต่กลับไม่มีคน .. ซึ่งเทคนิคการใส่ช่องว่างเหล่านี้ไม่ว่าจะมากหรือเล็กน้อย ถือเป็นการถ่ายทอดอารมณ์ของเรื่อง ทั้งยังเป็นส่วนช่วยสร้างอารมณ์ร่วม ทำให้คนดูอินไปกับความรู้สึกของตัวละครได้
3. ใส่ตัวละครที่ดูไม่จำเป็นเข้าไป แต่สุดท้ายเป็นตัวทำให้ตัวเอกเกิด Awarenes
กรณีนี้ถ้าอยู่ในหนังไทย เราอาจได้เห็นตัวละครไม่จำเป็นโผล่มาเยอะ หลายครั้ง ตัวละครเหล่านี้ออกมาแค่เดินผ่านฉากบ้าง ไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆ ต่อเนื้อเรื่องเลยแม้แต่น้อย ทว่าในหนังญี่ปุ่น ส่วนใหญ่ ตัวละครที่โผล่มาเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อชีวิตของตัวละครหลัก
อย่างเช่น พนักงานร้านสะดวกซื้อ ถึงดูเป็นคนที่โผล่ออกมาไม่กี่นาทีในเรื่อง แต่หนังญี่ปุ่นหลายๆ เรื่องจะปรับให้ตัวละครแบบนี้กลายเป็นตัวละครที่รับรู้การไปมาของตัวละครเอก จนหลายครั้งพวกเขาอาจมาส่งคำพูดสั้นๆ แต่สร้างผลกระทบที่ทำให้ตัวละครเอกตระหนักได้ว่าชีวิตของเขานั้นเดินผิดทิศไปตรงไหน
4. เล่ากิจวัตรประจำวันที่ทำซ้ำ พอถึงฉากกระแทกใจก็ทำให้เปลี่ยนไปจากเดิม
ตัวอย่างใน Departures หนังญี่ปุ่นชนะเลิศรางวัลออสการ์ สาขาหนังภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม ที่เราจะได้เห็นพระเอกแต่งตัวและแต่งหน้าให้ศพอยู่หลายครั้ง แต่พอในครั้งท้ายๆ ที่พระเอกต้องแต่งศพให้คนใกล้ชิด กลับมีเรื่องหลายอย่างทำให้เขาคิดมาก จนร้องไห้ระหว่างกิจวัตรที่เขาทำมาตลอดเรื่อง
ซึ่งหลายครั้งก็เป็นการดำเนินเรื่องเพื่อไปต่อยอดกับตัวละครที่ไม่จำเป็น ที่ได้พูดถึงไปในข้อก่อนหน้านี้ .... การสร้าง Contrast ให้กับฉากที่การกระทำของตัวละครแตกต่างไปจากเดิมในรูปแบบนี้ก็ทำให้เกิดความรู้สึกกระแทกใจคนดูเข้าอย่างจัง
5. จบแบบปลายเปิด
กว่าจะมาถึงจุดนี้ หลายๆคนก็น่าจะร้องไห้เสียน้ำตากันไปแล้ว .. ทว่า การที่ยกข้อนี้มาพูดถึงก็เพราะ หนังญี่ปุ่นบางเรื่องนั้น เลือกที่จะไม่เติมฉากจบอันมีความสุขให้กับตัวละครเอกเท่าไหร่ นั่นคือเป็นฉากจบที่เปิดช่องให้คนดูคิดต่อว่า เรื่องราวของคนเหล่านั้นจะเป็นอย่างไร … ทำให้ฉากจบรูปแบบนี้ อาจทำให้เราคิดว่าชีวิตของตัวละครในเรื่องจะเดินซ้ำทางเดิมไหม หรือเขาจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้หรือเปล่า ซึ่งเอื้อต่อการให้เวลาดูซ้ำ หลายรอบ เราก็ยังรู้สึกอินกับมันอยู่
5 เคล็ดลับที่ว่ามานี้ อาจไม่ได้เป็นสูตรสำเร็จตายตัว หรือไม่ได้รวมอยู่ในหนังเรื่องเดียวกันก็ได้ เพราะถ้าหนังเรื่องไหนมีเนื้อเรื่องที่ดีกับการแสดงที่กินขาด มันก็อาจทำให้น้ำตาไหลได้โดยไม่ต้องใช้สูตรไหนเลยครับ
* หนังญี่ปุ่นเรียกน้ำตาที่น่าสนใจมีหลายเรื่อง จากการสำรวจในหลายเว็บไซต์ดังก็ได้ผลสรุปออกมาว่ามีหนังญี่ปุ่น 9 เรื่องที่ทุกเว็บต่างพูดถึงตรงกัน นั่นคือ
* Be with you และ Crying Out Love in the Center of the World ปี 2004
* Midnight Sun และ Sky Of Love ปี 2006
* I Give My First Love To You ปี 2009
* Tomorrow I Will Date With Yesterday’s You ปี 2016
* The 8-Year Engagement และ The 100th Love with You ปี 2017
* และเรื่องสุดท้าย Tonight, at Romance Theater ปี 2018
รับประกันได้ว่าหนังที่ผมแนะนำเหล่านี้คุณจะต้องเสียน้ำตาไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่งอย่างแน่นอน หรือถ้าคุณผู้ฟัง มีหนังญี่ปุ่นเรียกน้ำตาในความทรงจำเรื่องใดที่ไม่ได้อยู่ใน List นี้ ก็ Comment บอกกันได้นะครับ
* และล่าสุด กับหนังรักเรียกน้ำตา เปิดตัวขึ้นอันดับ 1 ทันทีที่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในญี่ปุ่น เรื่อง ITO ที่ย่อมาจาก Our Tapestry of Love ที่มีข่าวว่า 2 นักแสดงนำ เริ่มคบหากันจริงๆระหว่างถ่ายทำภาพยนตร์ นั่นคือ มาซากิ สุดะ นักร้อง-นักแสดงอันดับ 1 ของญี่ปุ่น ผู้รับบทเป็นพระเอกในเรื่อง กับ นานะ โคมัตสึ นางเอกขวัญใจหนุ่มๆ … ก็ถือเป็นอีก 1 คู่รักที่มาแรงที่สุดในญี่ปุ่นประจำปีนี้
* ITO หรือชื่อไทยว่า ตลอดมา….ตลอดไป คือเธอ ที่เล่าเรื่องราวความรักจากยุคเฮย์เซย์สู่เรวะ
เรื่องราวความรักระหว่าง เร็น และ อาโออิ ที่เกิดในปีเฮย์เซย์ที่ 1 ... ทั้งคู่รู้จักกันตอนอายุ 13 ที่ ฮอกไกโด และเป็นรักแรกของกันและกัน แต่ไม่นานก็ต้องถูกแยกจากกัน เร็นยังคงรออาโออิ อยู่ที่ ซัปโปโร ...
ต่อมา ทั้งคู่กลับมาเจอกันอีกครั้งเมื่ออายุ 21 ที่โตเกียว แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง จังหวะความรักของเร็นและอาโออิก็ต้องเดินสวนทางกันอีกครั้ง ...
จนเวลาล่วงเลยมาในปีเฮย์เซย์สุดท้าย ที่ทั้งคู่อายุ 31 .. ในวันสิ้นปี โชคชะตาจะทำให้พวกเขาได้กลับมาพบกันอีกครั้งหรือไม่ ? และทั้งคู่จะได้ลงเอยด้วยกันไหม ? ต้องติดตามครับ
* ITO กำกับการแสดงโดย เซเซะ ทากาฮิสะ จาก The 8-Year Engagement โดยบทภาพยนตร์เรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากเพลงชื่อ ITO ของ นากาจิมะ มิยูกิ
* (แบบ 1) จะซาบซึ้ง ตราตรึงใจขนาดไหน และอยู่ในสูตรหนังรักเรียกน้ำตา 5 ข้อที่ผมว่ามา มากน้อยเพียงใด ต้องไปพิสูจน์กันในโรงภาพยนตร์ ... เข้าฉายแล้ววันนี้
(แบบ 2) จะซาบซึ้ง ตราตรึงใจขนาดไหน และอยู่ในสูตรหนังรักเรียกน้ำตา 5 ข้อที่ผมว่ามา มากน้อยเพียงใด ต้องไปพิสูจน์กันในโรงภาพยนตร์ ... มีกำหนดเข้าฉายในบ้านเราเร็วๆนี้
ปิดรายการ
(Improvised)
ก่อนจากกันวันนี้ เรามีข่าวประชาสัมพันธ์จากทาง MAJOR CINEPLEX มาฝาก.. กับ M PASS บัตรดูหนังรายเดือนสุดคุ้ม ในราคาเหมาจ่าย เพียงเดือนละ 300 บาท สำหรับบุคคลทั่วไป ก็ดูได้ทุกเรื่อง ทุกรอบ ทุกระบบ ที่โรงภาพยนตร์ในเครือ MAJOR CINEPLEX ทุกสาขา ... สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสมัครได้ที่ www.majorcineplex.com และ Line Official ‘Major Group’
และถ้าคุณผู้ฟังท่านใดไม่อยากพลาดฟังอีพีใหม่ๆ อย่าลืมกด subscribe เพื่อติดตาม Podcast ดูหนังฟัง M Talk ที่จะมาพบกันทุกวันพฤหัสบดี ..... วันนี้ขอลาไปก่อน สวัสดีครับ
– – – – – – – – – – – – – – – – – – –
“ดูหนังฟัง..M Talk” Podcast 🎧 [EP.8]
โฆษณา