Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
รักคนอ่าน
•
ติดตาม
20 เม.ย. 2021 เวลา 06:55 • กีฬา
Roberto Baggio กับฝันร้ายลูกนิ่ง 12 หลา
โรแบร์โต้ บาจโจ คือนักฟุตบอลคนแรกที่ยิงประตูให้ทีมชาติอิตาลีในฟุตบอลโลกได้ถึง 3 สมัย
จากปี 1990 สู่ 1994 ถึง 1998
ฟุตบอลยุคทศวรรษที่ 90 ยังคงเต็มไปด้วยความคลาสสิก เป็นช่วงเวลาที่เชื่อมระหว่างฟุตบอลยุคเก่ากับยุคใหม่เข้าด้วยกัน ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากกฎบอสแมนเกิดขึ้นในทศวรรษนี้
กุนซือสมองเพชร สุดยอดผู้รักษาประตู ปราการหลังผู้แข็งแกร่ง มิดฟิลด์พันธุ์ดุ ปีกจอมพลิ้ว เพลย์เมกเกอร์ผู้งามสง่า กองหน้าบรรลัยกัลป์ เดินเพ่นพ่านชนกันหัวร้างข้างแตก
กระทั่งชุดแข่งก็ยังคลาสสิก แต่ละทีมแต่ละชาติล้วนมีเอกลักษณ์ของตัวเอง การออกแบบเฉพาะตัว มองเห็นแต่ไกลยังรู้ว่าทีมอะไรไม่ได้เป็นแพทเทิร์นแบบเดียวกันเปลี่ยนแค่สีเหมือนทุกวันนี้
แน่นอนครับ มันอยู่ที่ว่าใครจะเติบโตขึ้นมากับฟุตบอลยุคไหน มันก็เป็นเจเนอเรชั่น เป็นรุ่นๆ ไป แต่ละช่วงเวลาก็มีความทรงจำของตัวเอง มีเอกลักษณ์ของตัวเอง
คนที่โตมากับฟุตบอลยุค 90 คงยังจำภาพต่างๆ ได้ราวกับมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อน ประตูชัยของ อันเดรียส เบรห์เม่ ในนัดชิงฟุตบอลโลก อังกฤษกับฝรั่งเศสตกรอบแรกยูโร แชมป์พรีเมียร์ลีกของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โกลเด้นโกล์ของโอลิเวอร์ เบียร์โฮฟฟ์ ดับเบิ้ลแชมป์ของโอแซร์และแอตเลติโก มาดริด สไปซ์บอย
โลธ่าร์ มัทเธอุส ฮริสโต้ สตอยช์คอฟ จอร์จ เวอาห์ โรนัลโด้ ริวัลโด้ อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ ซีเนดีน ซีดาน.......
โรแบร์โต้ บาจโจ และลูกจุดโทษของ.. โรแบร์โต้ บาจโจ
ถ้านึกถึงจุดโทษ คงมีนักฟุตบอลไม่กี่คนผุดขึ้นมาในความคิด มีการยิงจุดโทษไม่กี่ครั้งที่ชัดเจนขึ้นมาในความรู้สึก เหมือนเปิดหาปุ๊บก็เจอเลยในลิ้นชักแห่งความทรงจำ
โรแบร์โต้ บาจโจ กับลูกจุดโทษของเขาคือหนึ่งในนั้น
ในช่วงระหว่างปี 1992-1994 บาจโจได้ชื่อว่าเป็นนักฟุตบอลที่ดีที่สุดในโลก คว้าบัลลงดอร์ในปี 1993 ได้อันดับสองในปี 1994 และพาทีมชาติอิตาลีเข้าชิงฟุตบอลโลกที่อเมริกา
เขาคือเบอร์ 10 ที่สมบูรณ์แบบที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์วงการฟุตบอล เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ฉวยเอาฟุตบอลโลกทั้งทัวร์นาเม้นต์มาเป็นเวทีโชว์ของตัวเอง
เส้นทางในฟุตบอลโลก 1994 ของเขาคลับคล้ายคลับคลากับที่ เปาโล รอสซี่ กับ ดีเอโก้ มาราโดน่า เสกเวิลด์คัพ 1982 และ 1986 ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของตน
มาเรื่อยๆ ในรอบแรกแล้วระเบิดฟอร์มตั้งแต่รอบสองเป็นต้นไป
รอสซี่ตะบันแฮตทริกใส่บราซิลในรอบสอง เหมาสองใส่โปแลนด์ในรอบรองฯ ยิงเบิกร่องใส่เยอรมันตะวันตกในนัดชิง
มาราโดน่าเหมาสองใส่อังกฤษรอบ 8 ทีม เหมาอีกสองใส่เบลเยียมในรอบรองฯ แอสซิสต์ปลิดวิญญานอินทรีเหล็กในนัดชิง
ฟุตบอลโลกมีภาพแบบนี้เสมอ มันเป็นรายการสร้างดาวให้ค้างฟ้า คุณอาจจะอยู่ในมุมเงียบๆ มาตลอด 4 ปีแต่ชีวิตเปลี่ยนราวพลิกฝ่ามือได้ในช่วงเวลาแค่ 4-5 สัปดาห์ของฟุตบอลโลก
โรเจอร์ มิลล่า, ซัลวาตอเร่ สกิลลาชี่, เคลาดิโอ คานิกเกีย, เซร์จิโอ กอยโกเชีย, ไมเคิ่ล โอเว่น, ฟร้องค์ ริเบรี่ คือเสี้ยวหนึ่งในตัวอย่างมากมายเหล่านั้น
บาจโจไม่ได้อยู่ในมุมเงียบนักหรอกครับ เขาเป็นดาวดังของวงการมาตั้งแต่เวิลด์คัพ 1990 ที่เอาลูกโซโล่ยิงเชโกสโลวาเกียฝังลงไปในหัวใจของผู้คนแล้ว
เปียทองคำ คือความหวังของทีมอัซซูรี่ในฟุตบอลโลก 1994
ในวัย 27 ปีและอยู่ในช่วงดีที่สุดของนักฟุตบอล เป็นเจ้าของบัลลงดอร์ในเวลานั้น มีเพื่อนร่วมทีมอย่าง ฟรังโก้ บาเรซี่, เปาโล มัลดินี่, เดเมทริโอ อัลแบร์ตินี่, ดิโน่ บาจโจ, อันโตนิโอ คอนเต้, จูเซ็ปเป้ ซินญอรี่, จานฟรังโก้ โซล่า
มี อาร์ริโก้ ซ้าคคี่ กุมบังเหียน.. แน่นอนครับ อิตาลีย่อมคาดหวังถึงแชมป์โลกสมัยที่ 4
แล้วบาจโจก็ทำได้อย่างที่ทุกคนคาดหวังจริงๆ ก้าวตามรอย เปาโล รอสซี่ ด้วยการระเบิดฟอร์มเทวดาในรอบสองหลังผ่านความกระท่อนกระแท่นในรอบแรก
ยิงตีเสมอไนจีเรียก่อนหมดเวลาแค่นาทีเดียวแล้วยังซัดใส่ทีมอินทรีมรกตอีกลูกเป็นประตูชัยในช่วงต่อเวลาพิเศษในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ตามมาด้วยประตูชัยเหนือสเปนก่อนหมดเวลา 2 นาทีในรอบควอเตอร์ไฟนั่ล และเหมาสองใส่บัลแกเรียในรอบตัดเชือก
กระนั้นชีวิตก็ไม่ได้เป็นสูตรสำเร็จ มันไม่ใช่เทพนิยายที่ลงเอยด้วยชัยชนะของพระเอกทุกครั้งไป บาจโจจบเวิลด์คัพ 1994 ในแบบพลิกผักและหักมุมที่สุดเพราะไม่เพียงพาอิตาลีคว้าแชมป์โลกเหมือนรอสซี่ไม่สำเร็จเท่านั้น เขายังกลายเป็นจำเลยในฐานะคนที่ทำให้อิตาลีไม่ได้เป็นแชมป์โลกอีกด้วย
เพียงแค่จุดโทษลูกเดียวเปลี่ยนสถานะคุณจากฮีโร่เป็นผู้ร้าย
เพียงแค่จุดโทษลูกเดียวพังทุกอย่างที่สร้างมาอย่างยากลำบากในพริบตา
เพียงแค่จุดโทษลูกเดียว.. ในเวลาแค่เสี้ยววินาที ลบความดีงามที่เคยเสกสรรให้กับผู้คนเกมแล้วเกมเล่า วันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่า
"ผมรู้ว่าทัฟฟาเรลมักจะพุ่งเดาทางเสมอ ผมจึงตัดสินใจว่าจะส่งบอลเข้าแถวๆ กลางประตู สูงขึ้นมาหน่อยเพื่อให้พ้นระยะที่ขาจะเตะถึง ทุกอย่างเป็นไปได้ดีแล้วเพราะทัฟฟาเรลพุ่งจริงๆ ไปทางซ้ายของตัวเองและหมดสิทธิ์สกัดลูกที่ผมยิงได้แน่ๆ แต่ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมบอลถึงลอยสูงข้ามคานไปอย่างนั้นตั้ง 3 เมตร" บาจโจบรรยายไว้ในหนังสืออัตชีวประวัติของเขา
"มันคือวินาทีที่แย่ที่สุดในอาชีพนักฟุตบอลของผม ถ้ามีพรวิเศษให้ผมสามารถลบความทรงจำได้ 1 เรื่อง นี่จะเป็นเรื่องที่ผมลบทิ้งแน่นอน"
อันที่จริงทุกคนก็รู้ว่าคำกล่าวหาที่มีต่อบาจโจนั้นเลยเถิดไปมาก แต่อารมณ์ในตอนนั้นเป็นอย่างนั้นจริงๆ แฟนบอลผู้หงุดหงิดลืมไปแล้วว่าบาจโจเคยสร้างความสุขให้พวกเขาขนาดไหน สร้างวีรกรรมอย่างไรบ้างบนเส้นทางสู่นัดชิงที่โรสโบวล์ ทั้งยังเลือกที่จะลืมอีกว่าต่อให้เทพบุตรเปียทองคำยิงจุดโทษลูกนั้นเข้าอิตาลีก็ยังอยู่ในสถานการณ์ร่อแร่อยู่ดีเพราะบราซิลยังเหลือคนยิงคนสุดท้ายอีกคน
นอกจากความบันเทิงและจรรโลงใจ ฟุตบอลก็มีมุมที่สงวนเอาไว้สำหรับความโหดร้ายเหมือนกัน
ณ มุมแห่งความโหดร้ายนั้นไม่ต้องการเหตุผลใดๆ ไม่มีความเห็นใจ ไม่มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี หากมีแต่ด้านมืดของอารมณ์ เป็นสันดานดิบ
บางคนจมอยู่ในความมืดมิดหฤโหดนั้นไม่มีโอกาสได้กลับออกมา หากหลายคนก็หลุดพ้นกลับมาทวงสิทธิ์อันชอบธรรมของตัวเองคืนได้แม้จะยังเหลือร่องรอยของบาดแผลที่กรีดลึก
บาจโจไม่ได้ยิงจุดโทษให้ทีมชาติอิตาลีอีกเลยหลังจากนั้น.. จนกระทั่ง 4 ปีต่อมา ในฟุตบอลโลก 1998 ที่บอร์กโดซ์, ฝรั่งเศส
จากผมเปียสู่ไร้เปีย จากเบอร์ 10 สู่เบอร์ 18 จากเสื้อสีน้ำเงินสดใสสู่ชุดขาวล้วน
ในเกมเปิดฉากทัวร์นาเม้นต์กับชิลี อิตาลีเจอทีเด็ดของ มาร์เซโล่ ซาลาส ตะบัน 2 ประตูตามหลัง 1-2 และเหลืออีกเพียง 6 นาทีจะหมดเวลา บาจโจเปิดบอลไปโดนแขน โรนัลด์ ฟูเอนเตส ในเขตโทษ
ผู้ตัดสิน ลูเซียง บูชาร์โด จากไนเจอร์เป่านกหวีดเป็นจุดโทษ.. อิตาลีได้จุดโทษ
ปฏิกิริยาแรกของบาจโจหลังรู้ว่าทีมได้จุดโทษคือการก้มตัวเอามือทั้งสองข้างเท้าหัวเข่า เขารู้ตัวทันทีว่าด้วยสถานการณ์และผู้เล่นในสนามเวลานั้นที่ไม่มี อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ เจ้าของเสื้อหมายเลข 10 คนใหม่ซึ่งไม่ได้ลงเล่น เขาจะต้องเป็นคนสังหารจุดโทษลูกนั้น
ท่าทางของเขามองเห็นชัดว่าคงจะมีความคิดวุ่นวายตีกันอยู่ในหัว อาจจะโล่งอก หนักใจ หรือลำบากใจ เราคงไม่อาจล่วงรู้อารมณ์ของเขาในเวลานั้นได้ เช่นเดียวกับตัวเขาเองที่ก็คงบรรยายความรู้สึกของตัวเองไม่ถูก
เอ็นริโก้ เคียซ่า เข้าไปหาเขาเพื่อให้กำลังใจแต่ ดิโน่ บาจโจ เดินไปคว้าตัวดาวยิงจากปาร์ม่าออกมาเพื่อให้โรแบร์โต้มีเวลาอยู่กับตัวเองมากที่สุด
ลูกจุดโทษระยะ 12 หลา จะว่าง่ายมันก็ง่าย จะว่ายากมันก็ยาก ระยะ 12 หลาเท่ากันในหลายสถานการณ์มันก็แค่ 12 หลา แต่ในบางสถานการณ์มันกลับรู้สึกไกลราว 20-30 หลา
ผมคิดว่าความกดดันของบาจโจในการสังหารลูกจุดโทษลูกนั้นเมื่อปี 1998 มีไม่แพ้ตอนที่เดินไปยิงบราซิลปี 1994
เดิมพันต่างกันลิบลับก็จริง แต่สำหรับบาจโจ มันคือจุดโทษลูกสำคัญที่สุดลูกหนึ่งในอาชีพนักฟุตบอลของเขา
"ไม่ต้องสงสัยเลย เหตุการณ์เมื่อ 4 ปีก่อนมันกลับมาวนเวียนอยู่ในหัวของผม ผมพยายามบอกกับตัวเองว่าครั้งนี้ต้องไม่พลาด ต้องยิงให้แรง ยิงให้แรงที่สุดไปเลย ถ้าไม่เข้าอีกก็จบเห่ หนีไปขุดรูอยู่ไม่ต้องเจอหน้าผู้คนอีก"
กระทั่งคนที่เยือกเย็นและเป็นเพชฌฆาตตัวยงในการสังหารจุดโทษอย่าง โรแบร์โต้ บาจโจ ยังเจอฝันร้ายตามหลอกหลอนและต้องหวาดผวาขนาดนั้น ขนาดที่ว่าขอแค่ยิงให้แรงที่สุด เอาแรงไว้ก่อน ทิศทางเป็นเรื่องรอง ส่วนการหลอกผู้รักษาประตูแบบวัดใจนั้นโยนทิ้งไปเลย
นั่นคือความยากในภาพที่ทุกคนคิดว่าง่ายสำหรับการยิงจุดโทษ
ถ้าคุณยิงเข้า คุณไม่ใช่ฮีโร่แต่คุณแค่ทำหน้าที่ได้ตามที่ควรจะเป็น แต่ถ้าคุณยิงไม่เข้า คุณกลายเป็นจำเลยทันที ส่วนโทษทัณฑ์จะหนักเบาขนาดไหนก็แล้วแต่ความใหญ่ของเกม
มีแค่เสมอตัวกับชั่วช้า บาจโจสัมผัสมันมาแล้วแบบเต็มอารมณ์ เขาถึงยอมรับว่าหลังจากที่เห็นบอลพุ่งผ่านมือ เนลสัน ทาเปีย เข้าไป มันก็เหมือนยกภูเขาออกจากอก
"มันโล่งไปหมด เหมือนกับว่าในที่สุดผีร้ายที่ตามหลอกหลอนผมมาตลอดตั้งแต่ปี 1994 ก็ถูกฆ่าเสียที มันจบลงเสียที"
ในสีสันที่หลากหลายของฟุตบอล บางทีการยิงจุดโทษก็อยู่ในโซนก้ำกึ่งระหว่างสดใสกับหม่นหมอง..
มันคือเรื่องง่ายที่สุด ไม่ซับซ้อนอะไรเลย บอลวางบนจุดห่างจากเส้นประตู 12 หลา ดวลกันตัวต่อตัวแค่สองคน - คนยิงกับผู้รักษาประตู
ง่ายๆ แค่นั้น ไม่มีอะไรมาก แต่ผลของมันรุนแรงเหลือเกิน เพราะในบางครั้งการยิงไม่เข้ากลับไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แค่คำว่า "แค่ยิงไม่เข้า"
เรื่องราวของจุดโทษ 2 ลูกนั้นของ โรแบร์โต้ บาจโจ หวนกลับมาสู่ความทรงจำอีกหน
มันชวนให้คิดว่าแม้ในแง่ส่วนตัว บาจโจ จะลบฝันร้ายเมื่อปี 1994 ทิ้งไปได้แล้วด้วยจุดโทษปี 1998 แต่สำหรับคนอื่นมันเป็นอย่างนั้นจริงหรือ หรือกระทั่งตัวเขาเอง มันเป็นอย่างนั้นจริงหรือเปล่า..
แน่นอนครับ เราร่วมยินดีกับบาจโจที่แก้ตัวได้ แต่มีใครจำจุดโทษปี 1998 ของเขาได้บ้าง ตรงกันข้ามภาพบอลลอยข้ามคานเหนือสนามโรสโบวล์นั้นยังฝังแน่น จำได้แม่นยำทุกรายละเอียดแม้กระทั่งท่ายืนก้มหน้าเอามือเท้าเอวของเขา
ฟุตบอลก็มีเรื่องคลาสสิกอย่างนี้ ไม่ว่าจะยุคไหนเจเนอเรชั่นไหนก็เต็มไปด้วยความคลาสสิก และมันช่างฉายภาพของชีวิตโดยแท้
ชีวิตจริง ไม่ได้มีแค่ด้านสว่าง ชีวิตจริง ทุกคนต่างมีบาดแผลลึก เป็นแผลเป็นที่ไม่มีวันหาย
ในเรื่องแย่ๆ ของชีวิต มันก็เหมือนยิงจุดโทษไม่เข้าในเกมสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือการรับรู้และเข้าใจถึงความมีอยู่ของมัน
รู้ทันมันว่าถึงอย่างไรแผลนั้นก็ไม่เสื่อมสลาย และเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้แทน ไม่เอามันมาบั่นทอนเวลาชีวิตที่เหลืออยู่
กับ โรแบร์โต้ บาจโจ ความสำเร็จมากมายของเขาเกิดขึ้นหลังจากจุดโทษลูกนั้นเมื่อปี 1998
ได้แชมป์เซเรีย อากับยูเวนตุส ได้แชมป์เซเรีย อากับเอซี มิลาน ได้ค้าแข้งครบ 3 ทีมใหญ่ของอิตาลี ได้รางวัลท็อปแอสซิสต์เซเรีย อา ได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีจากแฟนบอล
ติด 1 ใน 100 นักเตะแห่งศตวรรษของทุกสถาบัน เข้าหอเกียรติยศเอซี มิลาน ติดทีมยอดเยี่ยมตลอดกาลของยูเว่ ยิงประตูมหัศจรรย์อีกมากมายและกวาดรางวัลอื่นๆ อีกนับไม่ถ้วน
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นหลังจุดโทษที่โรสโบวล์ทั้งสิ้น
โรแบร์โต้ บาจโจ อยู่กับจุดโทษลูกนั้นมา 25 ปีแล้วครับ..
เขาคงซึมซับกับมันอย่างเต็มอิ่มแล้ว ในวันนี้ก็คงจะบอกกับตัวเองว่า มันก็แค่เรื่องคลาสสิกเรื่องหนึ่งของชีวิตที่เขาสร้างมันขึ้นมาเอง
ถ้ายิงเข้าก็อาจจะเป็นแค่รองแชมป์โลกที่ไม่มีใครจำ แต่พอยิงไม่เข้ากลับพาเขาเป็นตำนาน เรื่องแบบนี้ไม่คลาสสิกได้ยังไง มันโคตรคลาสสิกเลยล่ะ
cr. ตังกุย
2 บันทึก
2
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย