แจก!! ข้อมูล 16 เหรียญทั้งหมดที่อยู่ใน Zipmex
.
หลังจากที่เราเคยทำโพสรวมเหรียญของ Bitkub กันไปแล้ว วันนี้เราขอเอาใจคนที่เทรดใน Zipmex กันสักหน่อย เพราะมีบางเหรียญที่มีเฉพาะที่ Zipmex ที่เดียวด้วย
.
บางคนเทรดใน Zipmex รู้จักแค่เหรียญ ZMT เหรียญเดียวก็มีนะ วันนี้แอดเลยจะมาแนะนำทุกเหรียญเลยที่อยู่ใน Zipmex ให้ทุกคนได้อ่าน และได้ลองศึกษาก่อนจะเข้าไปลงทุนในเหรียญไหนกัน เพราะตลาดคริปโตไม่ได้ง่ายขนาดจิ้มตัวไหน ตัวนั้นก็ขึ้นนะ XRP เคยลงจาก 120 บาท เหลือแค่ 6 บาทก็มี
.
ดังนั้นก่อนลงอะไรรู้จักที่มาที่ไปของเหรียญนั้นสักนิด ดังสุภาษิตที่ว่า “รู้เค้ารู้เรา เทรดร้อยครั้งติดดอยร้อยครั้ง ปลดล็อคสกินดอยสีทอง” 555 หยอกๆ
.
====================
สำหรับใครที่สนใจเหรียญไหน แต่ยังไม่มีบัญชี Zipmex สามารถสมัครได้ที่ : https://trade.zipmex.co.th/accounts/sign-up?aff=stockerday
.
Zipmex ดียังไง?
- ค่าธรรมเนียมการเทรดฟรี
- ถือเหรียญไว้เฉยๆก็ได้เหรียญเพิ่ม(เฉพาะบางเหรียญ)
====================
.
ถ้าพร้อมแล้วก็ไปดูข้อมูลเหรียญกันเลย
.
ปล.การลงทุนมีความเสี่ยง แต่การลงทุนโดยไม่มีความรู้ หรือเชื่อแค่คนอื่นบอกยังไงก็มีกำไรเสี่ยงกว่า ดังนั้นการลงทุนในตัวเองสำคัญมากถ้าอยากมีกำไรในตลาดคริปโต
.
ใครชอบคอนเทนต์ของเราฝากกดไลค์ กดแชร์ให้ด้วยนะคะ
1. ZMT หรือ Zipmex Token
.
เป็นเหรียญที่ถูกสร้างบน ERC-20 จำนวน 200 ล้านเหรียญ เพื่อใช้ในระบบนิเวศของแพลตฟอร์ม Centralize Exchange ของไทยอย่าง Zipmex เช่นการลดค่าธรรมเนียมต่าง ๆ หรือเป็นส่วนลดในการซื้อโทเคนใหม่ ๆ ที่ list เข้ามาใน Zipmex ด้วย
.
นอกจากนั้นในอนาคตอันใกล้ ZMT จะสามารถใช้เพื่อซื้อสินค้าที่พาทเนอร์กับ Zipmex ได้ ซึ่งในตอนนี้ก็ได้นำร่องใช้ BTC ซื้อได้ไปก่อนแล้ว เช่น ตัวหนังเมเจอร์ หรือจะเป็นรถ Lamborghini นั่นเอง
.
ปัจจุบัน ZMT มีราคาประมาณ 140 บาทซึ่งขึ้นมาเยอะมากแอดซื้อตอนต้นปียังอยู่ 7 บาทอยู่เลย ขึ้นมาหลายพันเปอร์เซนต์แล้ว ใครเข้าแรกๆรวยกันตาย แอดยังเสียดายอยู่เลย
.
สรุปง่าย ๆ การลงทุนใน ZMT ก็คล้าย ๆ กับการซื้อหุ้น Zipmex นั่นแหละ ให้อารมณ์เหมือนเหรียญ BNB ของ Binance เลย
.
=================
แล้ว Zipmex มันดียังไง? จะเติบโตเป็นเหมือน Binance ได้หรือเปล่า?
.
.
ตอนนี้ Zipmex เป็นเว็บเทรดของไทยอันดับที่ 2 รองจากแค่ Bitkub ที่เปิดมาก่อนเท่านั้น
.
โดยจุดที่ทำให้ Zipmex เติบโตอย่างรวดเร็ว เนื่องจากค่าธรรมเนียมการซื้อขายที่ถูกที่สุด โดยปัจจุบันคือเปิดให้เทรดฟรี และในอนาคตถึงจะเก็บค่าธรรมเนียมก็คงถูกกว่าเจ้าอื่น ๆ แน่นอน
.
นอกจากนั้นคอนเซปที่ทำให้ Zipmex แตกต่างจากคู่แข่ง และเป็นคอนเซปหลักก็คือ “การถือเหรียญไว้เฉย ๆ แล้วจะได้เหรียญนั้นเพิ่ม” คล้ายๆการทำฟาร์มให้อัตโนมัติเลย เรียกว่าฟีเจอร์ ZipUp แต่มีเฉพาะบางเหรียญนะ แล้วเปอร์เซ็นที่ได้ก็ไม่เท่ากันด้วย ดูรายละเอียดได้ที่ :
.
นอกจากนั้น Zipmex ยังมีฟีเจอร์ ZipLock ที่ทำให้คุณสามารถฝาก ZMT 90 วันเพื่อให้ได้ โบนัสที่เพิ่มขึ้นด้วย
.
และในอนาคตจะมีการให้กู้ยืมเหรียญต่าง ๆ ที่สามารถใช้ Zipmex เพื่อลดค่าธรรมเนียมได้อีกด้วย เรียกได้ว่าอนาคตของ Zipmex คงไปได้อีกไกลแน่นอน
.
และราคาของ ZMT ก็คงเติบโตไปพร้อมกัน ไม่แน่เราอาจจะได้เห็น 1 ZMT = 18000 บาทเหมือน BNB ตอนนี้ก็ได้
2. Bitcoin เป็นเหรียญดิจิทัลแรกที่เกิดขึ้นบนโลก ด้วยเทคโนโลยี Blockchain โดยชายปริศนาที่ใช้นามแฝงว่า Satoshi Nakamoto ซึ่งไม่มีใครรู้จักและเคยพบเขามาก่อน
.
หลังจากนั้นชายผู้นี้ก็ได้หายตัวไป ทิ้ง bitcoin ให้เป็นสมบัติของโลกนี้ โดยที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ เป็นสกุลเงินแรกที่ไม่ขึ้นอยู่กับธนาคารหรือประเทศใดๆ ซึ่งฉีกกฎการเงินแบบย่อยยับ
.
ซึ่งด้วยจุดเด่นนี้เองทำให้ Bitcoin เติบโตและได้รับความนิยมมากขึ้นในวงกว้าง จนก้าวเป็นเหรียญอันดับ 1 ของโลก และมูลค่าเหรียญมากกว่า 1 ล้านบาทในปัจจุบัน
.
นอกจากนั้นหลายๆเว็บในปัจจุบันก็ยังเปิดให้ทำธุรกรรมหรือจ่ายเงินด้วยบิทคอยได้แล้ว อย่างเช่น Paypal เป็นต้น
.
ซึ่งนี่เป็นเครื่องยืนยันเลยว่าเหรียญนี้อนาคตไกลมากๆแน่นอน หรือในอนาคตเราอาจจะไม่มีเงินบาท เงินดอลล่าร์ แต่ทุกคนใช้สกุลเงินเดียวกันคือ Bitcoin ก็ได้ ใครจะรู้
3. Ethereum(ETH) เหรียญอันดับ 2 ของโลก รองจาก bitcoin ที่ถูกพัฒนาโดยเด็กหนุ่มอัจฉริยะชาวรัสเซีย นามว่า Vitalik Buterin ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมพัฒนา bitcoin ก่อนจะแยกตัวมาทำเหรียญ Ethereum ในปี 2013
.
โดยวัตถุประสงค์ของ Ethereum ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อเป็นสกุลเงินดิจิทัลแข่งกับ Bitcoin แต่ Ethereum เค้าฉีกเลย แข่งไงก็สู้ไม่ได้อยู่แล้ว เลยคิดต่อว่าเทคโนโลยีนอกจากทำเป็นสกุลเงินดิจิทัลแล้วทำอะไรได้อีก
.
ผลเลยออกมาเป็นแฟลตฟอร์ม Smart contract ที่เปิดเป็นสาธารณะให้ใครก็ได้เข้ามาพัฒนาแพลตฟอร์ม หรือสร้างแอปพลิเคชันของตัวเองได้ โดยเมื่อทำสัญญาได้ตามเงื่อนไข ก็จะได้รางวัลกับคนนั้นแบบอัตโนมัติเลย โคตรเจ๋ง
.
ใครัยงนึกตัวอย่างการนำไปใช้ไม่ออก อย่างเช่น การนำไปใช้ซื้อของออนไลน์ก็ไม่ต้องกลัวโดนโกงและ เพราะเงินมาของไปแฟร์ๆ หรือการโอนเงินข้ามประเทศ เป็นต้น
.
ซึ่งด้วยความหลากหลาย และคอนเซปที่โคตรจะดีของ Ethereum นั้น ทำให้เกิดความนิยมเป็นวงกว้างซึ่งตอนนี้ Ethereum ก็ได้เข้าไปอยู่ในหลากหลายวงการแล้วทั้ง Wallet, Games, Finance, Health, Exchange, Media และ Property เป็นต้น
.
และด้วยความนิยมระดับนี้ทำให้เป็นเหรียญที่จะถูกแย่งที่ 2 ไปยากมาก เผลอๆจะขึ้นแซง Bitcoin ด้วยซ้ำ
4. Ripple(XRP) เป็นเหรียญที่ถูกสร้างมากจาก Ripple Labs ที่มี Jed McCalab เป็นผู้ก่อตั้ง
.
โดยจุดประสงค์ของ Ripple ก็ไม่เหมือนกับ Bitcoin ที่เป็นสกุลเงินดิจิทัล หรือ Ethereum ที่เป็น Smart contract แต่ Ripple ต้องการมาแก้ Pain point ให้กับธนาคารหรือสถาบันการเงิน
.
ซึ่งโดยปกติแล้วการโอนเงินจากแบงค์ไทย ไปแบงค์ที่ญี่ปุ่นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องมีเอเจ้นท์ที่เป็นตัวกลางในการโอนอยู่ด้วย ซึ่งต้องมากกว่า 1 บริษัทอยู่แล้ว ธนาคารไทยก็ต้องมีเอเจ้นท์ ทางญี่ปุ่นก็ต้องมีเหมือนกัน ซึ่งทั้งสองเอเจ้นท์นี้ก็ต้องรู้จักกันด้วย ทำให้การส่งมันช้าและมีข้อจำกัดมากมาย ทำให้การโอนข้ามประเทศมันแพงมาก
.
ดังนั้น Ripple เลยแก้ปัญหานี้ด้วยการสร้าง Ripple Protocal ด้วยเทคโนโลยี blockchain ให้ธนาคารสองประเทศนี้ได้มาเจอกันง่ายที่สุด ตัดตัวกลางออกไปได้เลย ทำให้ลดระยะเวลาโอนเงินเป็นวัน เหลือแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น
.
แต่ถึงแม้คอนเซฟจะดี แต่ตอนนี้ Ripple ก็ยังโดน กลต.สหรัฐฟ้องถึงความไม่ชอบมาพากลในการจดทะเบียนหลักทรัพย์อยู่ต้องมีการขึ้นโรงขึ้นศาลกันไป ทำให้มูลค่า XRP ลดลงจากหลักร้อยเหลือหลักสิบในระยะเวลาอันรวดเร็ว
.
มาลุ้นกันต่อดีกว่าว่าชะตากรรมของ Ripple จะเป็นอย่างไร ถ้าชนะคดีราคา XRP อาจจะพุ่งขึ้นหลายร้อยเปอร์เซ็นก็ได้
5. Litecoin (LTC) ถ้าเปรียบเทียบ Bitcoin เป็นทองแห่งโลกอนาคตแล้ว Litecoin ก็คงเปรียบเสมือนกับแร่เงินแห่งโลกอนาคตเหมือนกัน
.
โดยผู้สร้าง Litecoin คาดกันว่าคือ Charlie Lee อดีตวิศวกรของ Google และ Coinbase
.
ซึ่ง Litecoin ก็มีเป้าหมายในการสกุลเงินดิจิทัลเช่นเดียวกับ Bitcoin แต่จุดเด่นของ Litecoin คือความเร็วในการทำธุรกรรม ที่มากกว่า Bitcoin ถึง 4 เท่า
.
ดังนั้น Litecoin เลยเป็นอีกหนึ่งเหรียญดิจิทัลหนึ่งที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าเป็นร่างเงาของ Bitcoin เลยก็ว่าได้
6. Bitcoin Cash (BCH) เป็นลูกแท้ ๆ ที่คลอดออกมาจาก Blockchain ของ Bitcoin ด้วยวิธีการ Hard fork หรือการแบ่งเครือข่าย
.
ซึ่งสาเหตุที่นำมาซึ่งการแบ่งเครือข่ายเนื่องจากการเติบโตของ Bitcoin ทำให้การทำธุรกรรมใน Blockchain มีเพิ่มขึ้นจากแต่ก่อนมาก ๆ นำมาซึ่งความล่าช้าในการโอน และค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้น
.
ดังนั้น Bitcoin Cash จึงได้ถูกแยกตัวออกมาจาก Bitcoin ซึ่งมีขีดจำกัดของบล็อค แค่ 1MB แต่ Bitcoin Cash เพิ่มขนาดบล็อคให้เป็น 8 MB ทำให้สามารถทำธุรกรรมได้รวดเร็วกว่า Bitcoin หลายเท่ามาก
7. USDT หรือ United States Dollar Tether เหรียญ Stable coin ที่ว่ากันว่าเสถียรที่สุดในโลก
.
เนื่องจากเหรียญ tether (USDT) เกิดมาเพื่อเป็นเหรียญแลกเปลี่ยนกับเงินดอลล่าสหรัฐ ในอัตรา 1:1 หรือพูดง่ายๆก็คือ ถ้าเรามีเหรียญ tether (USDT) 100 เหรียญ ก็สามารถแลกเงินได้ $100 นั่นเอง
.
ซึ่งปกติการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจะมีความยุ่งยาก จำเป็นต้องมีใบอนุญาต แต่การมาของ tether (USDT) ทำให้เราสามารถแลกเงิน บาทเป็นดอลล่าสหรัฐได้เลย อย่างง่ายดายและสะดวกรวดเร็ว
.
ดังนั้นเมื่อราคาของเหรียญ tether (USDT) ผูกอยู่กับเหรียญดอลล่าสหรัฐ เมื่อตลาดขาลงอย่างช่วงนี้ จึงไม่มีผลกับเหรียญ tether (USDT)
.
ซึ่งนักลงทุนหลายๆคนก็ชอบเล่นเหรียญนี้มากๆ เพราะเป็นเหรียญที่กำไรน้อยแต่เสี่ยงต่ำ ซึ่งถ้าสังเกตราคาของ tether จะอยู่ในช่วง 28-35 เท่านั้นเอง เท่ากับอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทกับเงินดอลล่าสหรัฐในขณะนั้น หรือพูดง่ายๆคือ tether (USDT) เป็นเสมือน ที่หลบภัยของนักลงทุนในสนามรบคริปโตนี้นั่นเอง
.
นอกจากนั้นจากสถิติแล้วราคาของดอลล่าสหรัฐ จะแปรผกผันกับ เหรียญ bitcoin ดังนั้นเมื่อ bitcoin ลง จะพาทุกเหรียญลงด้วย แต่ tether (USDT) ไม่ได้ขึ้นอยู่กับ bitcoin แต่ขึ้นอยู่กับดอลล่าสหรัฐที่กำลังขึ้นนั่นเอง
8. USD Coin หรือ USDC ก็เป็นอีกหนึ่งเหรียญที่ผูกไว้กับเงินดอลล่าห์สหรัฐในอัตรา 1 : 1 เหมือนกับ USDT นั่นเอง ซึ่งเจ้าเหรียญนี้เป็นเหรียญ stable coin ที่มี volumn เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจาก USDT เลยนะ
.
โดยมีผู้สร้างคือ Cricle และ coinbase ที่เป็นเว็บเทรดคริปโตชื่อดังในสหรัฐอเมริกา ซึ่งถูกสร้างไว้บนแพลตฟอร์มของ ethereum ซึ่งในส่วนของผู้สร้างและเทคโนโลยีที่ใช้ก็จะเป็นคนละแบบกับของ usdt ที่สร้างมาจาก bitcoin blockchian นั่นเอง
9. GOLD หรือ xBullion
.
แค่ชื่อย่อก็น่าจะพอเดาออกแล้วว่าเหรียญนี้ต้องเกี่ยวกับทองแน่นอน ใช่แล้วเหรียญนี้คือเหรียญดิจิทัลที่เชื่อมโยงกับการลงทุนในทอง
.
หลาย ๆ คนที่เคยลงทุนในทองก็คงเจอปัญหาแบบนี้เหมือนกันใช่ไหม เวลาซื้อทองมาเป็นแท่งหรือรูปพรรณนั้นมีปัญหามากในการจัดเก็บ จะเก็บยังไงให้ปลอดภัย โจรขึ้นบ้านจะเจอทองเราไหม บางคนก็ไปเก็บไว้ในตู้เซฟของธนาคารเสียค่าธรรมเนียมรายปีอีก
.
พอจะแยกไปให้คนอื่นก็ไม่ได้ จะแยกจากบาทนึง ไปให้คนอื่น 2 สลึง จะทำยังไงก็ต้องไปซื้อทองใหม่ให้ ลำบากสุดๆ
.
หรือใครที่เล่น Gold Future หรือการซื้อขายทองล่วงหน้า ก็ไม่ได้สิทธิในการเป็นเจ้าของทองอยู่ดี
.
แล้วจะแก้ปัญหานี้ยังไงน้า
.
xBullion คือทางออก เพราะ xBullion เป็นเหรียญดิจิทัลที่ถูกสร้างมาเพื่อเป็นทองคำที่มีทั้งความปลอดภัย และสภาพคล่องที่ดี
.
โดยราคา 1 xBullion(GOLD) = ทองคำ 1 กรัม ตอนนี้ราคาอยู่ที่ ประมาณ 1800 บาท ถ้าเอา 15.16 คูณเข้าไป เพื่อให้ได้ 1 บาท ก็จะอยู่ที่ประมาณ 27000-28000 บาท หรือเป็นราคาทองคำพอดี
.
หมายความว่าต่อไปนี้เราก็จะสามารถซื้อทองคำแท่งในราคา 1 กรัม หรือน้อยกว่านั้นได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังแบ่งไปให้เพื่อนหรือคนอื่นได้ด้วย!! แถมเรายังสามารถซื้อ-ขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทุกวันด้วยนะ แตกต่างจากร้านทองที่จะมีการเปิด-ปิด ตามเวลา
.
ที่สำคัญคือเราไม่ต้องหาที่เก็บไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัย เพราะเป็นเหรียญที่เก็บบนระบบ blockchain ที่มีความปลอดภัยสูง และ Zipmex ยังรับประกันให้ด้วย โดยไม่มีค่าธรรมเนียมเหมือนเก็บในเซฟธนาคาร
.
นอกจากนั้น Zipmex ถ้าสะสมถึงจำนวนหนึ่งสามารถนำเหรียญนี้ไปแลกกับทองคำจริง ๆ จากผู้ผลิตทองระดับโลกจากประเทศอังกฤษได้อีกด้วย โดยทองที่ได้รับก็จะเป็นทองคำแท่ง (.99%) ซึ่งเป็นมาตรฐานโลก ซึ่งต่างจากทองที่ขายในไทยที่เป็น 96.5% นะ
10. C8P หรือ C8 Plus
.
เหรียญ ICO สัญชาติไทย จากคุณ ธีระชาติ ก่อตระกูล (แม็ก) ผู้ก่อตั้งแอป StockRadars นั่นเอง
.
โดยจุดประสงค์ของ C8P คือการเป็นสะพานที่เชื่อมระหว่าง Centralize Exchange และ Decentralize Exchange เข้าด้วยกัน เพื่อช่วยลดความยุ่งยาก และต้นทุนที่เกิดจากการฟาร์มบน DeFi ด้วย
.
สำหรับใครที่ยังไม่เคยฟาร์มบน DeFi อาจจะยังนึกไม่ออกว่ามันยุ่งยากขนาดไหน?
.
อย่างแรกคือต้องไปเปิดบัญชี wallet crypto เช่น Metamask ซึ่งต้องเก็บรหัสให้ดีมีโอกาสโดยแฮก และยังต้องไปเปิดบัญชี Centralize เพื่อซื้อเหรียญแล้วโอนมายัง wallet ของเรา จากนั้นพอโอนเสร็จก็ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมทุกครั้ง แล้วก็ต้องเอาไป Swap ไป LP กว่าจะได้ฟาร์มจริงๆบางคนหมดกำลังใจทำไปก่อนก็มี
.
สิ่งที่ C8P จะทำคือแค่คุณซื้อเหรียญนี้แล้วถือไว้ เค้าจะเอาไปฟาร์มให้เรา แล้วก็เอาส่วนแบ่งมาเพิ่มให้กลับเรา สำหรับคนอยากฟาร์มแต่ขี้เกียจยุ่งยาก
.
โดย Pool ที่ C8P จะเอาไปลงก็เป็น DeFi ชื่อดังอย่าง Uniswap นั่นเอง แต่เค้าไม่รับประกันผลตอบแทนนะ เพราะมันขึ้นอยู่กับตอนนั้นว่ามีคนฟาร์มมากแค่ไหน
11. ChainLink Token (LINK) เป็นเหรียญคริปโตของ ChainLink บริการฐานข้อมูล Oracle ที่เชื่อมระหว่างข้อมูลธุรกิจกับ Blockchain
.
โดยผู้ใช้งานสามารถดึงข้อมูลจาก Web หรือ Application อื่นๆ ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายฐานข้อมูลของ Oracle เพื่อนำไปสร้าง Smart Contract ใช้เป็นสัญญาซื้อขายหรือข้อตกลงทางธุรกิจที่ใช้ประโยชน์จาก Blockchain ได้
.
ซึ่งสามารถทำงานได้อย่างอัติโนมัติ และปลอดภัย ไม่สามารถปลอมแปลงเอกสารหรือสัญญาได้ และสามารถจ่ายเงินเป็นเหรียญคริปโตที่ต้องการได้ด้วย
12. OmiseGo (OMG) หลายๆคนอาจจะพอรู้จักกับ Omise กันบ้างแล้ว แต่สำหรับใครที่ยังไม่รู้ Omise เป็น Startup ที่ทำด้าน payment gateway อยู่นั่นเอง และก็เป็นว่าที่ยูนิคอร์นตัวแรกของไทยด้วย
.
ซึ่ง OMG เป็นเหรียญแรกๆที่มีผู้ก่อตั้งเป็นคนไทย และระดมทุนด้วยการ ICO ในปี 2560 ซึ่งภายใน 3 ปี OMG ก็ขึ้นมาเป็นเหรียญอันดับที่ 59 ของโลกได้
.
โดยเป้าหมายของ OmiseGo คือการทำให้เงินธรรมดาเงินดิจิตอลหรืออะไรก็ตามที่มีค่าสามารถแลกเปลี่ยนกันได้สะดวกขึ้นโดยไม่ต้องมีตัวกลาง และเป็น Payment service ที่จะให้บริการทั้งเงินดิจิตอลและเงินปกติ ซึ่ง OMG token จะกลายเป็นเงินสกุลหลักที่ใช้บน Blockchain ของ OmiseGo และระบบของมันจะทำให้ผู้คนสามารถจัดการกับสินทรัพย์ที่เป็นเงินดิจิตอลและเงินจริงได้พร้อมๆกัน
.
ปัจจุบัน OMG ขายให้บริษัทลูกของ OTC จากฮ่องกงไปแล้ว
13. SXP หรือ Swipe
.
Swipe เป็นแพลตฟอร์ม Crypto-Fiat Gateway หรือตัวกลางในการแลกเงินสกุลต่างๆบนโลก กับเหรียญดิจิทัลแบบเรียลไทม์
.
นอกจากนั้น Swipe ยังเป็นกระเป๋าเงินดิจิทัล ที่พาทเนอร์กับ บัตรเครดิตเจ้าใหญ่อย่าง Visa ด้วย
.
โดย Swipe รองรับเงินสกุลต่างๆกว่า 30 สกุล นอกจากนั้นผู้ใช้ยังสามารถแลกเปลี่ยนเหรียญกับเงินสกุลต่างๆได้อย่างรวดเร็ว
.
และด้วยประสิทธิภาพขนาดนี้ ทำให้ Exchange อันดับ 1 ของโลกอย่าง Binance ทุ่มเงินมหาศาลเพื่อ Take Over Swipe มาเป็นของตนเอง
14. Maker (MKR)
.
[ข้อมูลเหรียญ MKR]
เป็นเหรียญ DeFi ประจำแพลตฟอร์ม MakerDao ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับสร้างเหรียญ DAI นั่นเอง
.
โดย MKR เป็นเหรียญที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 2014 โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับเหรียญ DAI ซึ่งเป็น Stable Coin ที่แพลตฟอร์มนี้สร้างขึ้นมานั่นเอง
.
โดยนอกจากนี้ผู้ที่ถือเหรียญ DAI ก็ยังมีสิทธิ์ในการออกเสียงเพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มเหมือนเหรียญอื่นๆในตระกูล DeFi ด้วย
.
ซึ่งปัจจุบัน ราคา MKR อยู่ที่ประมาณ 66,464 บาท และเหรียญตอนนี้อยู่ในตลาดถึง 98.97% ด้วย
===================
[ข้อมูลแพลตฟอร์ม MakerDao]
Makerdao มีคอนเซปคือใคร ๆ ก็สร้างเหรียญ Stable Coin ได้ถ้ามี หลักทรัพย์มาค้ำ ซึ่งเหรียญ Stable coin ก็คือ DAI และ หลักทรัพย์ที่นำมาค้ำก็คือ ETH นั่นเอง
.
ถ้าเปรียบบริการกู้ยืมเป็นธนาคาร การบริการแบบนี้ก็คงเป็นเหมือนกับโรงรับจำนำที่เอาสินทรัพย์มาค้ำ แล้วให้เงินไปใช้ก่อน ถ้าจะถอนก็ต้องเอาเงินต้นบวกดอกเบี้ยมาถอนคืน โดยหลักทรัพย์ที่เอามาค้ำต้องเป็น 1.5 เท่าของ DAI ที่สร้างไป
.
ยกตัวอย่าง เราฝากเหรียญ ETH 7.5 เหรียญ ตอนนั้นเหรียญละ 2 พันดอล เท่ากับมูลค่า 15,000 ดอลล่า โดย DAI : ดอลล่า จะเป็น 1:1 หมายความว่า เราจะได้ DAI 10,000 เหรียญ แต่ตอนจ่ายคืนก็จะมีดอกเบี้ยเล็กน้อยขึ้นอยู่กับช่วงเวลาขณะนั้นด้วย
15. ENJ หรือ Enjin
.
คือแพลตฟอร์มเกมทางโซเชียลที่ใหญ่ที่สุดแพลตฟอร์มหนึ่งของโลกที่มีผู้ใช้งานกว่า 20 ล้านคนจากสังคมเกมกว่า 250,000 แห่ง ของ สิงคโปร์ เปิดตัวในปี 2009
.
Enjin coin เป็นเหรียญใน ( ERC-20 )สามารถแลกเปลี่ยนสินทรัพย์บนเกม ผ่าน blockchain ด้วย NFT ที่จะทำให้คุณเป็นเจ้าของไอเทมหรือสินค้าในเกมนั้นจริง ๆ ผ่าน smart contact หมายความว่าสินทรัพย์ในเกมนั้นจะเป็นกรรมสิทธิ์ของเราโดยทั้งหมด
.
ปัจจุบันมี 15 เกมซึ่ง สร้างโดยใช้เทคโนโลยีของ Enjin และใช้เหรียญ ENJ เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนสิ่งของภายในเกม
.
นอกจากนั้นราคายังพุ่งไปกว่า 70% หลังจาก
partner กับ Samsung ค่ายโทรศัพท์ยักใหญ่ของทางเกาหลีใต้โดย ใน Samsung S10 จะมี cryptocurrency wallet ที่พัฒนาโดยทาง Enjin หลังจากประกาศอย่างเป็น ทางการของทาง Samsung ในงาน MWC ที่บาเซโลน่า 2019 ราคาของ Enjin coin ก็พุ่งทะยานมากกว่า 70% ภายในช่วงข้ามคืน
.
ซึ่งตอนนี้ Exchange ของไทยที่มีให้เทรด ENJ มีเพียงที่เดียวคือ Zipmex
16. Yearn Finance (YFI)
.
[ข้อมูลเหรียญ YFI]
YFI เป็นเหรียญประจำแพลตฟอร์ม Yearn Finance ซึ่งเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์ม DeFi ที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ
.
ซึ่ง YFI ถูกพัฒนามาบนเครือข่าย Ethereum (ERC-20) และมีจำกัดเพียง 30,000 เหรียญเท่านั้น และยังไม่สามารถขุดเพิ่มได้ โดยวิธีการได้มาในช่วงแรกจะจ่ายเป็น Reward ให้กับผู้มาใช้แพลตฟอร์มเท่านั้น ไม่เปิดขายใน Exchange
.
และด้วยจำนวนเหรียญที่ต่ำ แต่ความต้องการของเหรียญมีสูงมาก ทำให้ราคาของเหรียญ YFI พุ่งสูงถึงหลักล้าน และเป็นเหรียญ DeFi ที่มีมูลค่าต่อเหรียญสูงเป็นอันดับหนึ่ง และเป็นเหรียญแรกที่เคยทำราคาแซง Bitcoin ได้อีกด้วย ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
.
ปัจจุบันเปิดให้แลกเปลี่ยนซื้อขายใน Exchange แล้ว โดยมีเหรียญในตลาดอยู่ 99.92%
====================
[ข้อมูลแพลตฟอร์ม Yearn Finance]
Yearn Finance ก่อตั้งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2020 ด้วยตอนเริ่มต้นใช้ชื่อว่า iEarn Finance โดยมีผู้ก่อตั้งคือ Andre Cronje
.
โดยคอนเซปต์ที่ทำให้ Yearn Finance เป็นที่นิยมคือ ก่อนหน้านี้ช่วงที่ Yield Farming กำลังเป็นกระแสผู้ใช้จำต้องทำการ Stack ที่ละโปรโตคอล เพื่อทดสอบว่าโปรเจคไหนให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด
.
แต่ Yearn Finance ได้แก้ปัญหาตรงนั้นโดยรวมโปรโตคอลของ Blockchain ต่างๆเข้าไว้ด้วยกัน โดยแค่คุณ Stack token กับ Yearn Finance แค่ครั้งเดียวก็สามารถได้รับผลตอบแทนที่ดีที่สุด โดยไม่ต้องไปเปิดแพลตฟอร์ม DeFi ดูที่ละแพลตฟอร์ม
.
.
จบไปแล้วสำหรับข้อมูล 16 เหรียญคริปโตบนเว็บเทรด zipmex
ปล.ถ้าใครอยากติดตามเราทางช่องทาง Facebook สามารถติดตามได้ที่นี่เลยนะคะ : https://www.facebook.com/stockerday
- 230
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
