20 เม.ย. 2021 เวลา 13:08 • หุ้น & เศรษฐกิจ
VISA บริษัทที่เป็นจุดศูนย์กลางการชำระเงินของโลก
VISA เป็นอีกหนึ่งหุ้นต่างประเทศที่ใกล้ตัวคนไทยมาก ซึ่งสัญลักษณ์ของ “VISA” อยู่บนบัตรเครดิตและเดบิตของเกือบทุกธนาคารที่มีในไทยนั่นเอง
1
(BottomLiner ขอเกาะกระแสหุ้นการเงินไทยสุดฮิตอย่าง TIDLOR มาเล่าถึงหุ้นการเงินระดับโลกที่ชื่อ VISA ให้รู้จักกันมากขึ้น !)
VISA ให้บริการระบบชำระเงินที่ครอบคลุมอันดับต้นๆของโลก ส่วนหนึ่งเพราะทำมานานและเป็นบริษัทของสหรัฐมหาอำนาจทางการเงินโลกเลยได้เปรียบประเทศอื่น
1
บริษัทก่อตั้งในปี 1958 และสร้าง s-curve growth ตั้งแต่นั้นมา
ในปี 1975 มีบัตรที่ใช้บริการระบบของ VISA ทั้งหมด 40 ล้านใบ (รองรับการชำระเงินทั้งหมด 1 หมื่นล้านดอลลาร์)
ปี 1995 มีบัตรทั้งหมด 450 ล้านใบ (รองรับการชำระเงิน 6 แสนล้านดอลลาร์)
ปี 2016 มีบัตรทั้งหมด 3,000 ล้านใบ (รองรับการชำระเงิน 7 ล้านล้านดอลลาร์)
และล่าสุดปี 2020 มีบัตรทั้งหมด 3,500 ล้านใบ (รองรับการชำระเงินประมาณ 9 ล้านล้านดอลลาร์) 🚀🚀
ทั้งจำนวนบัตรและการชำระเงินผ่าน VISA คือแหล่งรายได้มหาศาล (VISA เก็บค่า fee สำหรับทุกการชำระ) และนี่เป็นการสร้าง Network effect ตั้งแต่เมื่อ 60 ปีที่แล้ว เพราะยิ่งมีผู้บริโภคใช้บัตร VISA มากเท่าไหร่ ร้านค้าก็จำเป็นจะต้องรองรับระบบชำระเงินของ VISA ด้วย (เป็นลูปวน) 💲
การเติบโตของ VISA ต่อจากนี้ ธีมที่ใหญ่ที่สุดคงต้องยกให้เทรนด์สังคมไร้เงินสดที่จะเปลี่ยนการใช้เงินเป็นระบบชำระแบบ digital มากขึ้น โดยคาดว่าปัจจุบันผู้บริโภคทั่วโลกยังเงินสดราว 20 ล้านล้านดอลลาร์ (ตัวเลขก่อนโควิด)
แน่นอนว่าระบบชำระผ่าน digital ในปัจจุบันของ VISA ใหญ่เป็นอันดับต้นๆของโลก ย่อมเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้เยอะ
เค้กก้อนใหญ่ของระบบชำระเงินย่อมมีบริษัทหน้าใหม่อยากเข้ามาแข่งขันเรื่อยๆ โดยเฉพาะในประเทศที่มีประชากรเยอะ เช่น UnionPay (จีน), RuPay (อินเดีย)
แต่รัฐบาลสหรัฐก็มักฉวยโอกาสในฐานะมหาอำนาจคอยขัดขวางไม่ให้ระบบเหล่านี้เป็นที่ยอมรับมากนักในระดับนานาชาติ โดยเหตุผลหนึ่งที่ชอบยกมาคือ ระบบชำระเงินกลุ่มนี้ไม่มีการตรวจสอบการฟอกเงินที่ดีพอ จึงช่วยให้ Visa และบริษัทสัญชาติสหรัฐค่อนข้างได้เปรียบ
แต่ด้วยระบบ Digital และ Internet ที่พัฒนาไปมาก ทำให้ปัจจุบันมีคู่แข่งกลุ่มใหม่เกิดขึ้นเยอะ ตัวอย่างเช่น ยักษ์ใหญ่ Alibaba, Tencent ขอส่ง Alipay, WeChat Pay เข้าสู้ ซึ่งแน่นอนว่าตลาดในประเทศจีนนั้นปิดประตูชนะไปแล้ว แต่ตลาดต่างประเทศก็ต้องจับตาให้ดีเพราะทั้งคู่จะอาศัยพลังเงินของคนจีนบังคับให้ร้านค้าในต่างประเทศต้องรับชำระระบบของ Alipay, WeChat Pay ด้วย
หรือจะเป็นกลุ่ม Buy Now Pay Later ของบริษัท Affirm, Afterpay, Klana, PayPal ที่กำลังมาแรงสุดๆ เสนอบริการจ่ายก่อนผ่อนคืนทีหลัง
ส่วนอีกกลุ่มที่จะลืมไม่ได้คือเหรียญ cryptocurrency ต่างๆ ที่อยากเข้ามาเล่นด้วย (แต่ต้องระวัง มั่วมาก็เยอะ)
ลองวิเคราะห์ต่อกันดูนะครับ บริษัทยักษ์ระดับ VISA ที่ใกล้ตัวเรามากๆ อยู่ในตัวเลือกพอสู้หุ้น TIDLOR ของไทยที่กำลังจะ IPO ไหวไหม ? 😉
BottomLiner
ติดตาม BottomLiner อีกช่องทางได้ที่ Line Openchat กันตามลิ้งนี้ https://line.me/ti/g2/GUZne2IO6dEfbOiwaDbgzw
โฆษณา